Focusing on the mother as primary c

Focusing on the mother as primary caregiver ignores the role of the father, which can have two severe negative impacts. It reduces him to breadwinner outside the home and no more. Firstly, it sidelines and trivialises the role that the father has in the child’s upbringing. Secondly, it limits the mother who faces the social pressure that she ‘should’ be the one giving up work to take care of the child, even if the father is equally capable and willing. Hoffman1 believes that, as a result of social stereotyping, a father is unlikely to undertake a fulltime childcare role unless he is forced to by his partner’s having returned to work. When this ‘higher participation in child care’ occurs, Hoffman believes it results in an ‘increase in the academic competence of both boys and girls, but particularly for girls’. Thus according to Hoffman, housefathers actually increase their children’s IQ levels more than house mothers.

Perhaps the most important issue with regards to the father’s role is that it is valued and desired by the father himself. Few employers offer paternity leave at all, and even fewer provide paid paternity leave. Even for those that do provide leave for fathers, it is often on a very short-term basis, leaving fathers often to miss out on time with their new born after birth. Over the past few years, Careerbuilder.com has released an annual survey that suggests that between 30%-50% of dads in the United States wish they could be stay-at-home parents with their partner working full time; but this situation is not financially possible for them.2 The focus on the mother as the ‘natural’ or ‘right’ primary caregiver for children ignores the desires of fathers like these.

Ultimately it seems that these issues can only be readdressed by dismissing the belief that women ‘should’ look after their children, and instead allow parents to decide what is best for them as a family.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เน้นแม่เป็นหลักภูมิปัญญาละเว้นบทบาทของพ่อ ซึ่งสามารถมีผลกระทบเชิงลบอย่างรุนแรงสอง มันลดเขาให้ผู้อยู่นอกบ้านและไม่ได้ ประการแรก มัน sidelines และบทบาทที่มีบิดาของเด็ก upbringing trivialises ประการที่สอง มันจำกัดแม่ที่เผชิญแรงกดดันทางสังคมที่เธอ 'ควร' เป็นหนึ่งให้งานดูแลเด็ก แม้ว่าบิดาจะเท่าเทียมกันสามารถ และเต็มใจ Hoffman1 เชื่อว่า จากสังคมทัศนคติทั่วไปต่อ พ่อที่ไม่น่ารู้บทบาท childcare งานประจำเว้นแต่เขาถูกบังคับให้ โดยมีการส่งคืนของคู่ค้าของเขาในการทำงาน เมื่อนี้ 'สูงมีส่วนร่วมในการดูแลเด็ก' แมนเชื่อว่า จะส่งผลในการ 'เพิ่มความสามารถทางวิชาการ ของทั้งชายและหญิง แต่โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับผู้หญิง' ดังนั้น ตามแมน housefathers จริงเพิ่มระดับ IQ ของเด็กมากกว่าที่เป็นแม่บ้านบางทีปัญหาที่สำคัญเกี่ยวกับบทบาทของพ่อคือ ว่า มันมีมูลค่า และต้อง โดยพ่อตัวเอง นายจ้างไม่ให้ลา paternity เลย และแม้แต่น้อยให้จ่าย paternity ลา แม้สำหรับผู้ที่ให้ปล่อยบิดา ได้มักจะเป็นระยะสั้นมาก ออกจากบิดามักจะพลาดเวลา มีของใหม่เกิดหลังคลอด ปีผ่านมาไม่กี่ Careerbuilder.com ได้ออกสำรวจการประจำปีที่แนะนำว่า ระหว่าง 30% - 50% ของ dads ในสหรัฐอเมริกาต้องการพวกเขาอาจจะพ่อแม่ stay-at-home กับพันธมิตรทำงานเต็มเวลา แต่กรณีนี้เป็นไปไม่ได้ทางการเงินสำหรับ them.2 เน้นแม่เป็น 'ธรรมชาติ' หรือ 'ขวา' หลักภูมิปัญญาเด็กละเว้นความปรารถนาของบิดาดังนี้ในที่สุด มันดูเหมือนว่า ปัญหาเหล่านี้สามารถเท่านั้นถูก readdressed โดย dismissing เชื่อว่า ผู้หญิง 'ควร' เอาใจเด็ก และแทน อนุญาตให้ผู้ปกครองสามารถตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีสุดสำหรับพวกเขาเป็นครอบครัว

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การมุ่งเน้นที่แม่เป็นผู้ดูแลหลักไม่สนใจบทบาทของพ่อซึ่งสามารถมีสองผลกระทบด้านลบอย่างรุนแรง จะช่วยลดให้เขาหาเลี้ยงครอบครัวอยู่นอกบ้านและไม่ ประการแรกก็สนามและ trivialises บทบาทที่พ่อมีอยู่ในการศึกษาของเด็ก ประการที่สองก็ จำกัด แม่ที่ใบหน้าแรงกดดันจากสังคมว่าเธอควรจะ 'ได้รับการอย่างใดอย่างหนึ่งให้ขึ้นการทำงานในการดูแลของเด็กแม้ว่าพ่อมีความสามารถเท่าเทียมกันและยินดี Hoffman1 เชื่อว่าเป็นผลมาจากเวสังคมพ่อไม่น่าจะดำเนินบทบาทดูแลเด็กประจำเว้นแต่เขาถูกบังคับให้โดยหุ้นส่วนของเขาได้กลับไปทำงาน เมื่อเป็นเช่นนี้มีส่วนร่วมที่สูงขึ้นในการดูแลเด็กเกิดขึ้นฮอฟแมนเชื่อว่ามันจะส่งผลใน 'การเพิ่มขึ้นของความสามารถทางวิชาการของทั้งชายและหญิง แต่โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสาว ๆ ' ดังนั้นตามที่ฮอฟแมน, housefathers จริงเพิ่มระดับไอคิวของเด็กมากกว่ามารดาที่บ้าน. บางทีปัญหาที่สำคัญที่สุดที่เกี่ยวกับบทบาทของพ่อก็คือว่ามันมีคุณค่าและต้องการโดยพ่อของตัวเอง นายจ้างจำนวนไม่ให้ลาพ่อเลยและแม้แต่น้อยให้พ่อจ่ายเงินออก แม้สำหรับผู้ที่จะให้ลาบิดาก็มักจะอยู่บนพื้นฐานระยะสั้นออกจากพ่อมักจะพลาดในเวลาที่มีใหม่ของพวกเขาเกิดหลังคลอด ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Careerbuilder.com ได้ออกสำรวจประจำปีที่แสดงให้เห็นว่าระหว่าง 30% -50% ของพ่อในประเทศสหรัฐอเมริกาหวังว่าพวกเขาจะเป็นพ่อแม่อยู่ที่บ้านกับพันธมิตรของพวกเขาทำงานเต็มเวลา; แต่สถานการณ์เช่นนี้เป็นไปไม่ได้ทางการเงินสำหรับ them.2 ความสำคัญกับแม่ว่า 'ธรรมชาติ' หรือ 'ถูกต้อง' ผู้ดูแลหลักสำหรับเด็กไม่สนใจความปรารถนาของพ่อเช่นนี้. ในท้ายที่สุดมันก็ดูเหมือนว่าปัญหาเหล่านี้สามารถช่วยแก้ไขเรื่องโดยไล่ ความเชื่อที่ว่าผู้หญิงควร 'ดูแลเด็กของพวกเขาและแทนที่จะอนุญาตให้ผู้ปกครองในการตัดสินใจสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขาเป็นครอบครัว

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เน้นคุณแม่เป็นผู้ดูแลหลัก ละเลยบทบาทของพ่อ ซึ่งมีสองผลกระทบที่รุนแรง มันลดให้คนหาเลี้ยงนอกบ้าน และไม่มี ประการแรกมันมูและ trivialises บทบาทบิดาในการเลี้ยงดูเด็ก ประการที่สองมันกัดแม่ที่เผชิญแรงกดดันทางสังคมที่เธอควรเป็นคนที่เลิกทำงาน เพื่อดูแลลูก แม้ว่าพ่อจะเท่าเทียมกันมีความสามารถและเต็มใจ hoffman1 เชื่อว่าเป็นผลมาจากสังคมไปกันใหญ่นะ พ่อไม่น่ารับฝากเด็กเต็มบทบาทเว้นแต่เขาถูกบังคับโดยคู่หูของเขาต้องกลับมาทำงานแล้วเมื่อมีส่วนร่วมสูงในการดูแล ' เด็กเกิดขึ้น ฮอฟแมนเชื่อว่ามันส่งผลในการเพิ่มในความสามารถทางวิชาการของทั้งชายและหญิง แต่โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้หญิง ดังนั้นตาม ฮอฟแมน housefathers จริงเพิ่มระดับ IQ ของเด็กมากกว่า

แม่บ้านบางทีที่สำคัญที่สุดปัญหาที่เกี่ยวกับบทบาทของพ่อคือ ว่า มันมีคุณค่า และต้องการโดยพ่อของตัวเอง นายจ้างไม่กี่ให้บิดาทิ้งทั้งหมด และแม้แต่น้อยให้เงินพ่อไป แม้ผู้ที่ทำให้ไป พ่อก็มักจะบนพื้นฐานระยะสั้นมาก ปล่อยให้พ่อมักจะพลาดในเวลากับพวกเขาใหม่เกิดหลังคลอดกว่าไม่กี่ปีที่ผ่านมา , careerbuilder.com ได้ออกสำรวจประจำปีที่แสดงให้เห็นว่าระหว่าง 30% - 50% ของพ่อในสหรัฐอเมริกาต้องการพวกเขาอาจจะอยู่ที่พ่อแม่ที่บ้านกับพันธมิตรของพวกเขาทำงานเต็มเวลา แต่สถานการณ์นี้ไม่ใช่เงินที่เป็นไปได้สำหรับพวกเขา2 มุ่งเน้นไปที่แม่เป็น ' ธรรมชาติ ' หรือ ' ' หลักของผู้ดูแลเด็กไม่สนใจปรารถนาของบรรพบุรุษแบบนี้

ในที่สุดดูเหมือนว่า ปัญหาเหล่านี้สามารถ readdressed โดยพัฒนาความเชื่อที่ว่าผู้หญิง ' ควร ' ดูแลเด็กของพวกเขาและแทนที่จะให้ผู้ปกครองตัดสินใจว่าดีที่สุดสำหรับพวกเขา เป็นครอบครัว