Cahill LE, Chiuve SE, Mekary RA, Je

Cahill LE, Chiuve SE, Mekary RA, Jensen MK, Flint AJ, Hu FB, Rimm EB.
Author information
Abstract
BACKGROUND:
Among adults, skipping meals is associated with excess body weight, hypertension, insulin resistance, and elevated fasting lipid concentrations. However, it remains unknown whether specific eating habits regardless of dietary composition influence coronary heart disease (CHD) risk. The objective of this study was to prospectively examine eating habits and risk of CHD.
METHODS AND RESULTS:
Eating habits, including breakfast eating, were assessed in 1992 in 26 902 American men 45 to 82 years of age from the Health Professionals Follow-up Study who were free of cardiovascular disease and cancer. During 16 years of follow-up, 1527 incident CHD cases were diagnosed. Cox proportional hazards models were used to estimate relative risks and 95% confidence intervals for CHD, adjusted for demographic, diet, lifestyle, and other CHD risk factors. Men who skipped breakfast had a 27% higher risk of CHD compared with men who did not (relative risk, 1.27; 95% confidence interval, 1.06-1.53). Compared with men who did not eat late at night, those who ate late at night had a 55% higher CHD risk (relative risk, 1.55; 95% confidence interval, 1.05-2.29). These associations were mediated by body mass index, hypertension, hypercholesterolemia, and diabetes mellitus. No association was observed between eating frequency (times per day) and risk of CHD.
CONCLUSIONS:
Eating breakfast was associated with significantly lower CHD risk in this cohort of male health professionals.
KEYWORDS:
coronary disease, epidemiology, myocardial infarction, nutritional sciences, prevention & control

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เลออิลล์ Chiuve SE, Mekary RA, MK เจนเซน ผู้ทรง AJ หู FB, Rimm EB.
เขียนข้อมูล
นามธรรม
พื้นหลัง:
ระหว่างผู้ใหญ่ ข้ามอาหารที่สัมพันธ์กับน้ำหนักส่วนเกิน ความดันโลหิตสูง ความต้านทานต่ออินซูลิน และความเข้มข้นระดับไขมันในเลือดสูงถือศีลอด อย่างไรก็ตาม มันยังคงไม่ทราบว่าเฉพาะนิสัยการกินโดยไม่คำนึงถึงองค์ประกอบของอาหารมีผลต่อความเสี่ยงของโรค (เด็ฏ) วัตถุประสงค์ของการศึกษานี้คือการ ตรวจสอบพฤติกรรมและความเสี่ยงของเด็ฏกิน prospectively
ผลลัพธ์และวิธีการ:
กินนิสัย รวมอาหารเช้ารับประทานอาหาร ถูกประเมินในปี 1992 ในผู้ชายอเมริกัน 26 902 45-82 ปีจากสุขภาพผู้เชี่ยวชาญติดตามผลศึกษาต่อคนฟรีของโรคหลอดเลือดหัวใจและมะเร็ง ระหว่างปีติดตาม 16 เด็ฏ 1527 เหตุการณ์กรณีถูกวินิจฉัย รุ่นสัดส่วนอันตรายค็อกซ์ใช้ประเมินญาติความเสี่ยงและ 95% ช่วงความเชื่อมั่นสำหรับเด็ฏ ปรับปรุง อาหาร ไลฟ์สไตล์ และอื่น ๆ เด็ฏปัจจัยเสี่ยง คนข้ามอาหารเช้ามีความเสี่ยงสูง 27% ของเด็ฏเมื่อเทียบกับผู้ชายที่ไม่ (ความเสี่ยงสัมพัทธ์ 1.27 ช่วงความเชื่อมั่น 95%, 1.06 1.53) เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้กินดึก ผู้ที่กินดึกได้ 55% เด็ฏความเสี่ยงสูง (ความเสี่ยงสัมพัทธ์ 1.55; 95% ช่วงความเชื่อมั่น 1.05-2.29) การเชื่อมโยงเหล่านี้ถูก mediated โดยดัชนีมวลกาย ความดันโลหิตสูง hypercholesterolemia และเบาหวาน ไม่ถูกตรวจสอบระหว่างรับประทานอาหารความถี่ (ครั้ง/วัน) และความเสี่ยงของเด็ฏ
บทสรุป:
รับประทานอาหารเช้าเกี่ยวข้องกับเด็ฏความเสี่ยงที่ต่ำกว่าอย่างมีนัยสำคัญใน cohort นี้ของผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเพศชายการ
คำสำคัญ:
โรคหัวใจ ระบาดวิทยา กล้ามเนื้อหัวใจตาย วิทยาศาสตร์โภชนาการ ป้องกัน&ควบคุม

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

จรินธรธนาศิลปกุล Le chiuve SE mekary กงหราตาเจนเซ่น, MK ,หินเหล็กไฟ AJ HU fb , RIMM EB .

ข้อมูลผู้เขียนเป็นนามธรรม
พื้นหลัง:
ท่ามกลางผู้ใหญ่การข้ามการอาหารมีการเชื่อมโยงกับน้ำหนักตัวที่มากเกินอินซูลินและโรคความดันโลหิตสูงการต่อต้านความเข้มข้น( lipid ยกระดับการอดอาหาร. แต่ถึงอย่างไรก็ตามโรงแรมยังไม่รู้ว่าพฤติกรรมการกินโดยไม่คำนึงถึงการเขียนการ บริโภค อาหารมีอิทธิพลต่อโรคหลอดเลือดหัวใจ(ลดลงถึงร้อยละ)ความเสี่ยงการศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจสอบพฤติกรรมการรับประทานอาหารและการศึกษานิสัยความเสี่ยงลดลงถึงร้อยละ.
วิธีใดวิธีหนึ่งผลการรับประทานอาหาร:
และรวมถึงการรับประทานอาหารเช้า prospectively ถูกประเมินในปี 1992 ในวันที่ 26902 คนอเมริกัน 45 ถึง 82 ปีของช่วงอายุจากผู้เชี่ยวชาญด้าน IT เพื่อ สุขภาพ การศึกษาตามที่เป็นแบบไม่เสียค่าบริการการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและโรคมะเร็ง ในช่วง 16 ปีตามมา 1527 กรณีเกิดเหตุการณ์ก็ลดลงถึงร้อยละวินิจฉัยบางรุ่นอาจได้รับอันตรายตามสัดส่วนเปลี่ยนเวรกันได้ถูกนำมาใช้เพื่อประเมินความเสี่ยงและ 95% ในแต่ละช่วงความมั่นใจสำหรับการปรับลดลงถึงร้อยละสำหรับประชากรเชิงสถิติการ บริโภค อาหารและไลฟ์สไตล์อื่นๆปัจจัยความเสี่ยงลดลงถึงร้อยละ คนที่ข้ามไปจัดให้บริการอาหารเช้ามีความเสี่ยง 27% สูงกว่าที่ลดลงถึงร้อยละเมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้(ความเสี่ยงที่สัมพันธ์กับ 1.27 ช่วงความมั่นใจ 95% 1.06-1.53 ) เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้กินช่วงเวลากลางคืนผู้ที่กินช่วงเวลากลางคืนมีความเสี่ยงลดลงถึงร้อยละ 55% สูงกว่า(ความเสี่ยงที่สัมพันธ์กับช่วงเวลา 1.55 ความมั่นใจ 95% 1.05-2.29 ) การเชื่อมโยงเหล่านี้เป็นโดยผ่านสื่อโดยดัชนีมวลกายก่อนใช้เครื่องกำจัดขนได้แก่ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวาน - NewsBites พบว่าไม่มีการเชื่อมโยงระหว่างการรับประทานอาหารความถี่(ครั้งต่อวัน)และความเสี่ยงของลดลงถึงร้อยละ.
ข้อสรุป:
การทานอาหารเช้ามีความเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงลดลงถึงร้อยละน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดในหมู่ทหารแห่งนี้จากผู้เชี่ยวชาญด้าน สุขภาพ เพศชาย.
คีย์เวิร์ด:
โรคหลอดเลือดหัวใจหากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมโปรด,กล้ามเนื้อหัวใจวิทยาศาสตร์ด้าน โภชนาการ การป้องกันควบคุม&