เพราะแม้ว่าสภาพเศรษฐกิจจะซบเซาและได้รับความท้าทาย มีสินค้าประเภทอื่นๆ  การแปล - เพราะแม้ว่าสภาพเศรษฐกิจจะซบเซาและได้รับความท้าทาย มีสินค้าประเภทอื่นๆ  ไทย วิธีการพูด

เพราะแม้ว่าสภาพเศรษฐกิจจะซบเซาและได

เพราะแม้ว่าสภาพเศรษฐกิจจะซบเซาและได้รับความท้าทาย มีสินค้าประเภทอื่นๆ ที่มีฐานการตลาดที่มั่นคงและราคาถูกกว่าอยู่มากมาย แต่สินค้าเกษตรอินทรีย์ซึ่งส่วนใหญ่มีราคาสูงกว่าก็ยังเป็นที่นิยมและมีแนวโน้มจะขยายตัวมากขึ้นในอนาคต เช่น ในเบลเยียม ราคาขายในซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไปมะเขือม่วงราคา 2.99 ยูโร/กิโลกรัม ในขณะที่มะเขือม่วงออร์แกนิคราคา 6.99 ยูโร/กิโลกรัม หรือ บร็อกโคลีราคา 1.98 ยูโร/กิโลกรัม ส่วนบร็อกโคลีออร์แกนิคราคา 4.99 ยูโร/กิโลกรัม

ผลการวิจัยของกระทรวงอาหาร เกษตรและการคุ้มครองผู้บริโภคของเยอรมนี (BMELV) เกี่ยวกับความนิยมบริโภคสินค้าเกษตรอินทรีย์ พบว่าในปี 2556 ผู้บริโภคอายุต่ำกว่า 30 ปีซื้อสินค้าเกษตรอินทรีย์เพิ่มขึ้น ในขณะที่สวิตเซอร์แลนด์มีสัดส่วนของการบริโภคสินค้าเกษตรอินทรีย์มากที่สุดในยุโรป ตามด้วยเดนมาร์ก โดยอาหารเกษตรอินทรีย์ที่ชาวยุโรปนิยมบริโภคได้แก่ กาแฟ ข้าว ชา ผักและผลไม้ องค์กรเพื่อการวิจัยและพัฒนาเกษตรอินทรีย์ (FiBL) และสมาพันธ์เกษตรอินทรีย์นานาชาติ (IFOAM) คาดการณ์ว่าตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ของยุโรปจะเติบโตในอัตราประมาณ 9% ในปี 2556

อียูมีพื้นที่การเกษตรอินทรีย์ มากกว่า 7.6 ล้านเฮคเตอร์ หรือ 4.3% ของพื้นที่เกษตรทั้งหมดของอียู โดยอิตาลีเป็นประเทศที่มีพื้นที่เกษตรอินทรีย์มากที่สุดในยุโรป ตามมาด้วยสเปนและเยอรมนีตามลำดับ เป็นที่สังเกตได้ว่าระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา พื้นที่การเกษตรอินทรีย์ในอียูได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งรวมไปถึงผลประกอบการของผู้ผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ก็เพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกัน โดยตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่ใหญ่ที่สุดคือ เยอรมนี ตามมาด้วย ฝรั่งเศส อังกฤษ และอิตาลี

จุดเปลี่ยนที่เห็นได้ชัดเรื่องสินค้าเกษตรอินทรีย์ในอียูคือ เมื่อปี 2548 อียูได้เปิดตัวโครงการ European Action Plan on Organic Food and Farming เพื่อเพิ่มความตระหนักในการทำการเกษตรอินทรีย์ หลังจากนั้นประเทศสมาชิกก็ได้ตื่นตัวและมีแผนปฏิบัติการของตนในการพัฒนาวิจัยด้านเทคโนโลยีเกษตรอินทรีย์ โดยร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมและภาคประชาสังคม เพื่อเพิ่มความสำคัญและบทบาทของเกษตรอินทรีย์ให้เข้าไปอยู่ในการกำหนดนโยบายระดับประเทศและภูมิภาค โดยแสดงให้เห็นถึงการเชื่อมโยงกับนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม และความปลอดภัยของอาหาร ตลอดจนการพัฒนาด้านสังคมและเศรษฐกิจของพื้นที่ชนบทในประเทศด้วย

ผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตรจากสหรัฐฯ ได้กล่าวว่าสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กระแสนิยมการบริโภคสินค้าเกษตรอินทรีย์เพิ่มขึ้นนั้นเป็นเพราะ ได้มีการเปิดเผยผลการวิจัยถึงความเชื่อมโยงกันของความเสี่ยงด้านสุขภาพกับสารเคมีที่อยู่ในอาหารและการสะสมของสารเคมีเมื่อมีการบริโภคต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานาน

จากแนวโน้มการบริโภคสินค้าเกษตรอินทรีย์และการให้ความสำคัญเรื่องเกษตรอินทรีย์ของคนอียูดังกล่าวมาข้างต้น ผู้ประกอบการไทยสามารถนำมาเป็นยุทธศาสตร์ในการส่งออกสินค้าไทยไปอียูได้ อาทิ ในภาคอุตสาหกรรมอาหาร ในฐานะประเทศเกษตรกรรมอย่างไทย สินค้าเกษตรอินทรีย์ในไทยนั้นอาจเรียกได้ว่ายังอยู่ในระยะเริ่มต้น มีผู้ประกอบการเพียงไม่กี่รายที่ทำการเกษตรอินทรีย์ ผลิตขายในไทยและส่งออกต่างประเทศ ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่นั้นเป็นประเภท ข้าว สมุนไพร (ขิง) ผัก (หน่อไม้) ผลไม้ (สับปะรด) โดยเฉพาะข้าวนั้น จากข้อมูลของศูนย์วิจัยกสิกรไทยพบว่า ประเทศไทยมีพื้นที่การปลูกข้าวอินทรีย์มากที่สุดในโลก ข้าวอินทรีย์โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิอินทรีย์เป็นสินค้าที่ต้องการในตลาดอียูเป็นอย่างมาก โดย 96% ของข้าวอินทรีย์ที่ผลิตในไทยถูกส่งออกไปยังอียูและมีแนวโน้มในการขยายตลาดมากขึ้นในอนาคต ไม่เพียงแค่สินค้าพืชและผัก ไทยยังมีศักยภาพในการส่งออกสินค้าอินทรีย์ประเภทอื่นๆ เช่น กุ้งกุลาดำอินทรีย์ ปลาสลิดอินทรีย์ เป็นต้น ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากสินค้าหลักที่ไทยส่งออกก็สามารถสร้างความน่าสนใจและเพิ่มมูลค่าสินค้าได้ เช่น ผลไม้แห้งอินทรีย์ ผลไม้กระป๋องอินทรีย์ เป็นต้น

สินค้าอีกประเภทหนึ่งที่น่าสนใจคือ กาแฟ และชา เนื่องจากเป็นสินค้าชนิดต้นๆ ในกลุ่มสินค้าเกษตรที่อียูนำเข้าสูงสุดและมีอัตราการบริโภคสูง ยิ่งไปกว่านั้นการผลิตกาแฟออร์แกนิคสามารถเพิ่มมูลค่าสินค้าให้ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด เนื่องจากความต้องการกาแฟและชาออร์แกนิคในตลาดอียูมีมากกว่าปริมาณที่มีในตลาด เป็นเพราะมาตรฐานกระบวนการผลิตที่มีขั้นตอนมากมาย และผู้ประกอบการที่ได้รับรองมาตรฐานการผลิตยังมีจำกัด ประเทศไทยก็มีกาแฟและชาคุณภาพและมีความหลากหลาย อย่างไรก็ดี กาแฟและชาออร์แกนิคจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว และเวียดนาม เป็นคู่แข่งรายใหญ่ของไทยในการส่งออกไปยุโรป โดยเฉพาะลาวซึ่งได้ส่งออกกาแฟออร์แกนิคไปยังอียูเมื่อไม่นานมานี้ พร้อมทั้งได้รับความร่วมมือทางด้านการวิจัยและเทคโนโลยีการผลิตจากรัฐบาลฝรั่งเศสและเยอรมนี

สินค้าเกษตรอินทรีย์ในภาคอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มก็กำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในอียู เนื่องจากในภาคอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มในอียูนั้นได้ให้ความสำคัญกับวงจรชีวิตสินค้ามากขึ้น เช่น การใช้วัสดุที่มีคุณภาพไม่เสื่อมง่าย ลดปริมาณการซื้อเพิ่ม ที่ก่อให้เกิดขยะจากการทิ้งหรือทำลายเสื้อผ้าที่เสื่อมคุณภาพ โดยเฉพาะจากสินค้าเครื่องนุ่งห่มที่มีส่วนประกอบของสารเคมีที่มีการย่อยสลายยาก ผู้บริโภคอียูจึงเริ่มให้ความสำคัญกับเสื้อผ้าที่ทำจากฝ้ายอินทรีย์แทนเสื้อผ้าทั่วไปโดยเฉพาะเสื้อผ้าในกลุ่ม Fast Fashion ที่มีอยู่จำนวนมากในอุตสาหกรรมแฟชั่น นอกจากนี้กลุ่มพ่อแม่รุ่นใหม่ในยุโรปก็หันมาซื้อสินค้าเครื่องนุ่งห่มสำหรับเด็กที่ปราศจากสารเคมีมากขึ้น เนื่องจากเด็กมีความบอบบางและสามารถแพ้สารเคมีที่มากับผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้ไทยเพิ่งเริ่มเปิดตลาดส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูปซึ่งผลิตจากฝ้ายอินทรีย์ไปยังอียูเมื่อไม่นานมานี้

อย่างไรก็ดี การเกษตรอินทรีย์ของไทยมีข้อจำกัดและความท้าทายอยู่บางเรื่อง เช่น ปัญหาเรื่องแมลงและศัตรูพืช ที่พบมากในพืชเขตร้อน อีกทั้ง ยังมีคู่แข่งจากประเทศในกลุ่ม ACP หรือ กลุ่มแอฟริกัน แคริเบียน และแปซิฟิก ซึ่งส่วนใหญ่เคยเป็นอาณานิคมของประเทศในยุโรป ที่มีภูมิอากาศคล้ายคลึงกับไทยสามารถผลิตและส่งออกสินค้าเกษตรประเภทเดียวกัน แต่ได้เปรียบในเรื่องระยะทางการขนส่ง ต้นทุน และสิทธิประโยชน์พิเศษทางก
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
เพราะแม้ว่าสภาพเศรษฐกิจจะซบเซาและได้รับความท้าทายมีสินค้าประเภทอื่น ๆ ที่มีฐานการตลาดที่มั่นคงและราคาถูกกว่าอยู่มากมายแต่สินค้าเกษตรอินทรีย์ซึ่งส่วนใหญ่มีราคาสูงกว่าก็ยังเป็นที่นิยมและมีแนวโน้มจะขยายตัวมากขึ้นในอนาคตเช่นในเบลเยียมราคาขายในซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไปมะเขือม่วงราคา 2.99 ยูโร/กิโลกรัมในขณะที่มะเขือม่วงออร์แกนิคราคา 6.99 ยูโร/กิโลกรัมหรือบร็อกโคลีราคา 1.98 ยูโร/กิโลกรัมส่วนบร็อกโคลีออร์แกนิคราคา 4.99 ยูโร/กิโลกรัมผลการวิจัยของกระทรวงอาหารเกษตรและการคุ้มครองผู้บริโภคของเยอรมนี (BMELV) เกี่ยวกับความนิยมบริโภคสินค้าเกษตรอินทรีย์พบว่าในปี 2556 ผู้บริโภคอายุต่ำกว่า 30 ปีซื้อสินค้าเกษตรอินทรีย์เพิ่มขึ้นในขณะที่สวิตเซอร์แลนด์มีสัดส่วนของการบริโภคสินค้าเกษตรอินทรีย์มากที่สุดในยุโรปตามด้วยเดนมาร์กโดยอาหารเกษตรอินทรีย์ที่ชาวยุโรปนิยมบริโภคได้แก่กาแฟข้าวชาผักและผลไม้องค์กรเพื่อการวิจัยและพัฒนาเกษตรอินทรีย์ (FiBL) และสมาพันธ์เกษตรอินทรีย์นานาชาติ (IFOAM) คาดการณ์ว่าตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ของยุโรปจะเติบโตในอัตราประมาณ 9% ในปี 2556อียูมีพื้นที่การเกษตรอินทรีย์มากกว่า 7.6 ล้านเฮคเตอร์หรือ 4.3% ของพื้นที่เกษตรทั้งหมดของอียูโดยอิตาลีเป็นประเทศที่มีพื้นที่เกษตรอินทรีย์มากที่สุดในยุโรปตามมาด้วยสเปนและเยอรมนีตามลำดับเป็นที่สังเกตได้ว่าระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมาพื้นที่การเกษตรอินทรีย์ในอียูได้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งรวมไปถึงผลประกอบการของผู้ผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ก็เพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกันโดยตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่ใหญ่ที่สุดคือเยอรมนีตามมาด้วยฝรั่งเศสอังกฤษและอิตาลีจุดเปลี่ยนที่เห็นได้ชัดเรื่องสินค้าเกษตรอินทรีย์ในอียูคือเมื่อปี 2548 อียูได้เปิดตัวโครงการยุโรปดำเนินการวางแผนอาหารอินทรีย์และการเลี้ยงเพื่อเพิ่มความตระหนักในการทำการเกษตรอินทรีย์หลังจากนั้นประเทศสมาชิกก็ได้ตื่นตัวและมีแผนปฏิบัติการของตนในการพัฒนาวิจัยด้านเทคโนโลยีเกษตรอินทรีย์โดยร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมและภาคประชาสังคมเพื่อเพิ่มความสำคัญและบทบาทของเกษตรอินทรีย์ให้เข้าไปอยู่ในการกำหนดนโยบายระดับประเทศและภูมิภาคโดยแสดงให้เห็นถึงการเชื่อมโยงกับนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยของอาหารตลอดจนการพัฒนาด้านสังคมและเศรษฐกิจของพื้นที่ชนบทในประเทศด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตรจากสหรัฐฯ ได้กล่าวว่าสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กระแสนิยมการบริโภคสินค้าเกษตรอินทรีย์เพิ่มขึ้นนั้นเป็นเพราะได้มีการเปิดเผยผลการวิจัยถึงความเชื่อมโยงกันของความเสี่ยงด้านสุขภาพกับสารเคมีที่อยู่ในอาหารและการสะสมของสารเคมีเมื่อมีการบริโภคต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานานจากแนวโน้มการบริโภคสินค้าเกษตรอินทรีย์และการให้ความสำคัญเรื่องเกษตรอินทรีย์ของคนอียูดังกล่าวมาข้างต้นผู้ประกอบการไทยสามารถนำมาเป็นยุทธศาสตร์ในการส่งออกสินค้าไทยไปอียูได้อาทิในภาคอุตสาหกรรมอาหารในฐานะประเทศเกษตรกรรมอย่างไทยสินค้าเกษตรอินทรีย์ในไทยนั้นอาจเรียกได้ว่ายังอยู่ในระยะเริ่มต้นมีผู้ประกอบการเพียงไม่กี่รายที่ทำการเกษตรอินทรีย์ผลิตขายในไทยและส่งออกต่างประเทศซึ่งสินค้าส่วนใหญ่นั้นเป็นประเภทข้าวสมุนไพร (ขิง) ผัก (หน่อไม้) ผลไม้ (สับปะรด) โดยเฉพาะข้าวนั้นจากข้อมูลของศูนย์วิจัยกสิกรไทยพบว่าประเทศไทยมีพื้นที่การปลูกข้าวอินทรีย์มากที่สุดในโลกข้าวอินทรีย์โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิอินทรีย์เป็นสินค้าที่ต้องการในตลาดอียูเป็นอย่างมากโดย 96% ของข้าวอินทรีย์ที่ผลิตในไทยถูกส่งออกไปยังอียูและมีแนวโน้มในการขยายตลาดมากขึ้นในอนาคตไม่เพียงแค่สินค้าพืชและผักไทยยังมีศักยภาพในการส่งออกสินค้าอินทรีย์ประเภทอื่น ๆ เช่นกุ้งกุลาดำอินทรีย์ปลาสลิดอินทรีย์เป็นต้นผลิตภัณฑ์แปรรูปจากสินค้าหลักที่ไทยส่งออกก็สามารถสร้างความน่าสนใจและเพิ่มมูลค่าสินค้าได้เช่นผลไม้แห้งอินทรีย์ผลไม้กระป๋องอินทรีย์เป็นต้นสินค้าอีกประเภทหนึ่งที่น่าสนใจคือกาแฟและชาเนื่องจากเป็นสินค้าชนิดต้น ๆ ในกลุ่มสินค้าเกษตรที่อียูนำเข้าสูงสุดและมีอัตราการบริโภคสูงยิ่งไปกว่านั้นการผลิตกาแฟออร์แกนิคสามารถเพิ่มมูลค่าสินค้าให้ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดเนื่องจากความต้องการกาแฟและชาออร์แกนิคในตลาดอียูมีมากกว่าปริมาณที่มีในตลาดเป็นเพราะมาตรฐานกระบวนการผลิตที่มีขั้นตอนมากมายและผู้ประกอบการที่ได้รับรองมาตรฐานการผลิตยังมีจำกัดประเทศไทยก็มีกาแฟและชาคุณภาพและมีความหลากหลายอย่างไรก็ดีกาแฟและชาออร์แกนิคจากประเทศเพื่อนบ้านเช่นลาวและเวียดนามเป็นคู่แข่งรายใหญ่ของไทยในการส่งออกไปยุโรปโดยเฉพาะลาวซึ่งได้ส่งออกกาแฟออร์แกนิคไปยังอียูเมื่อไม่นานมานี้พร้อมทั้งได้รับความร่วมมือทางด้านการวิจัยและเทคโนโลยีการผลิตจากรัฐบาลฝรั่งเศสและเยอรมนีสินค้าเกษตรอินทรีย์ในภาคอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มก็กำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในอียูเนื่องจากในภาคอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มในอียูนั้นได้ให้ความสำคัญกับวงจรชีวิตสินค้ามากขึ้นเช่นการใช้วัสดุที่มีคุณภาพไม่เสื่อมง่ายลดปริมาณการซื้อเพิ่มที่ก่อให้เกิดขยะจากการทิ้งหรือทำลายเสื้อผ้าที่เสื่อมคุณภาพโดยเฉพาะจากสินค้าเครื่องนุ่งห่มที่มีส่วนประกอบของสารเคมีที่มีการย่อยสลายยากผู้บริโภคอียูจึงเริ่มให้ความสำคัญกับเสื้อผ้าที่ทำจากฝ้ายอินทรีย์แทนเสื้อผ้าทั่วไปโดยเฉพาะเสื้อผ้าในกลุ่มแฟชั่นอย่างรวดเร็วที่มีอยู่จำนวนมากในอุตสาหกรรมแฟชั่นนอกจากนี้กลุ่มพ่อแม่รุ่นใหม่ในยุโรปก็หันมาซื้อสินค้าเครื่องนุ่งห่มสำหรับเด็กที่ปราศจากสารเคมีมากขึ้นเนื่องจากเด็กมีความบอบบางและสามารถแพ้สารเคมีที่มากับผลิตภัณฑ์ทั้งนี้ไทยเพิ่งเริ่มเปิดตลาดส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูปซึ่งผลิตจากฝ้ายอินทรีย์ไปยังอียูเมื่อไม่นานมานี้อย่างไรก็ดีการเกษตรอินทรีย์ของไทยมีข้อจำกัดและความท้าทายอยู่บางเรื่องเช่นปัญหาเรื่องแมลงและศัตรูพืชที่พบมากในพืชเขตร้อนอีกทั้งยังมีคู่แข่งจากประเทศในกลุ่ม ACP หรือกลุ่มแอฟริกันแคริเบียนและแปซิฟิกซึ่งส่วนใหญ่เคยเป็นอาณานิคมของประเทศในยุโรปที่มีภูมิอากาศคล้ายคลึงกับไทยสามารถผลิตและส่งออกสินค้าเกษตรประเภทเดียวกันแต่ได้เปรียบในเรื่องระยะทางการขนส่งต้นทุนและสิทธิประโยชน์พิเศษทางก
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
มีสินค้าประเภทอื่น ๆ เช่นในเบลเยียม 2.99 ยูโร / กิโลกรัมในขณะที่มะเขือม่วงออร์แกนิคราคา 6.99 ยูโร / กิโลกรัมหรือบร็อกโคลีราคา 1.98 ยูโร / กิโลกรัมส่วนบร็อกโคลีออร์แกนิคราคา 4.99 (BMELV) พบว่าในปี 2556 ผู้บริโภคอายุต่ำกว่า 30 ตามด้วยเดนมาร์ก กาแฟข้าวชาผักและผลไม้ (FiBL) และสมาพันธ์เกษตรอินทรีย์นานาชาติ (IFOAM) 9% ในปี 2556 อียูมีพื้นที่การเกษตรอินทรีย์มากกว่า 7.6 ล้านเฮคเตอร์หรือ 4.3% ของพื้นที่เกษตรทั้งหมดของอียู ตามมาด้วยสเปนและเยอรมนีตามลำดับเป็นที่สังเกตได้ว่าระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา เยอรมนีตามมาด้วยฝรั่งเศสอังกฤษ เมื่อปี 2548 อียูได้เปิดตัวโครงการแผนปฏิบัติการยุโรปอาหารอินทรีย์และเกษตร และความปลอดภัยของอาหาร อาทิในภาคอุตสาหกรรมอาหารในฐานะประเทศเกษตรกรรมอย่างไทย ผลิตขายในไทยและส่งออกต่างประเทศซึ่งสินค้าส่วนใหญ่นั้นเป็นประเภทข้าวสมุนไพร (ขิง) ผัก (หน่อไม้) ผลไม้ (สับปะรด) โดยเฉพาะข้าวนั้น โดย 96% ไม่เพียงแค่สินค้าพืชและผัก เช่นกุ้งกุลาดำอินทรีย์ปลาสลิดอินทรีย์เป็นต้น เช่นผลไม้แห้งอินทรีย์ผลไม้กระป๋องอินทรีย์ กาแฟและชาเนื่องจากเป็นสินค้าชนิดต้น ๆ อย่างไรก็ดี เช่นลาวและเวียดนาม เช่น ลดปริมาณการซื้อเพิ่ม แฟชั่นได้อย่างรวดเร็ว เช่นปัญหาเรื่องแมลงและศัตรูพืชที่พบมากในพืชเขตร้อนอีกทั้งยังมีคู่แข่งจากประเทศในกลุ่มเอซีพีหรือกลุ่มแอฟริกันแคริเบียนและแปซิฟิก ต้นทุนและสิทธิประโยชน์พิเศษทางก















การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
เพราะแม้ว่าสภาพเศรษฐกิจจะซบเซาและได้รับความท้าทายมีสินค้าประเภทอื่นๆที่มีฐานการตลาดที่มั่นคงและราคาถูกกว่าอยู่มากมายเช่นในเบลเยียมราคาขายในซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไปมะเขือม่วงราคา 299 / กิโลกรัมยูโรในขณะที่มะเขือม่วงออร์แกนิคราคา 6.99 ยูโร / กิโลกรัมค็อคบร็อกโคลีราคา 1.98 ยูโร / กิโลกรัมส่วนบร็อกโคลีออร์แกนิคราคา 4.99 ยูโร / กิโลกรัม

ผลการวิจัยของกระทรวงอาหารเกษตรและการคุ้มครองผู้บริโภคของเยอรมนี ( bmelv ) เกี่ยวกับความนิยมบริโภคสินค้าเกษตรอินทรีย์พบว่าในปี 2556 ผู้บริโภคอายุต่ำกว่า 30 ปีซื้อสินค้าเกษตรอินทรีย์เพิ่มขึ้นตามด้วยเดนมาร์กโดยอาหารเกษตรอินทรีย์ที่ชาวยุโรปนิยมบริโภคได้แก่กาแฟข้าวชาผักและผลไม้องค์กรเพื่อการวิจัยและพัฒนาเกษตรอินทรีย์ ( fibl ) และสมาพันธ์เกษตรอินทรีย์นานาชาติ ( IFOAM )9
% สามารถ 2556
อียูมีพื้นที่การเกษตรอินทรีย์มากกว่า 7.6 ล้านเฮคเตอร์ค็อค 43 % ของพื้นที่เกษตรทั้งหมดของอียูโดยอิตาลีเป็นประเทศที่มีพื้นที่เกษตรอินทรีย์มากที่สุดในยุโรปตามมาด้วยสเปนและเยอรมนีตามลำดับเป็นที่สังเกตได้ว่าระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมาซึ่งรวมไปถึงผลประกอบการของผู้ผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ก็เพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกันโดยตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่ใหญ่ที่สุดคือเยอรมนีตามมาด้วยฝรั่งเศสอังกฤษและอิตาลี

จุดเปลี่ยนที่เห็นได้ชัดเรื่องสินค้าเกษตรอินทรีย์ในอียูคือเมื่อปี 2548 อียูได้เปิดตัวโครงการแผนปฏิบัติการในยุโรปเพื่อเพิ่มความตระหนักในการทำการเกษตรอินทรีย์อาหารและเกษตรอินทรีย์โดยร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมและภาคประชาสังคมเพื่อเพิ่มความสำคัญและบทบาทของเกษตรอินทรีย์ให้เข้าไปอยู่ในการกำหนดนโยบายระดับประเทศและภูมิภาคโดยแสดงให้เห็นถึงการเชื่อมโยงกับนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมตลอดจนการพัฒนาด้านสังคมและเศรษฐกิจของพื้นที่ชนบทในประเทศด้วย

ผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตรจากสหรัฐฯได้กล่าวว่าสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กระแสนิยมการบริโภคสินค้าเกษตรอินทรีย์เพิ่มขึ้นนั้นเป็นเพราะ
จากแนวโน้มการบริโภคสินค้าเกษตรอินทรีย์และการให้ความสำคัญเรื่องเกษตรอินทรีย์ของคนอียูดังกล่าวมาข้างต้นผู้ประกอบการไทยสามารถนำมาเป็นยุทธศาสตร์ในการส่งออกสินค้าไทยไปอียูได้อาทิในภาคอุตสาหกรรมอาหาร
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: