The island derives its name from it

The island derives its name from its Easter day discovery by the Dutch explorer Jacob Roggeveen in 1722. The island Roggeveen saw was not a paradise but a grassland without a single tree or bush over ten feet high. The islanders Roggeveen encountered had no real firewood to warm themselves during Easter's cool, wet, windy winters. Their native animals included nothing larger than insects. For domestic animals, they had only chickens.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เกาะนี้ได้ชื่อมาจากการค้นพบในวันอีสเตอร์โดยนักสำรวจชาวดัตช์ Jacob Roggeveen ในปี 1722 เกาะ Roggeveen ที่เห็นไม่ใช่สวรรค์ แต่เป็นทุ่งหญ้าที่ไม่มีต้นไม้หรือพุ่มไม้สูงเกิน 10 ฟุต ชาวเกาะที่ Roggeveen เผชิญหน้านั้นไม่มีฟืนจริงๆ ไว้ใช้อุ่นตัวเองในช่วงฤดูหนาวที่อากาศเย็น เปียกชื้น และมีลมแรงของเทศกาลอีสเตอร์ สัตว์พื้นเมืองของพวกเขาไม่มีอะไรใหญ่ไปกว่าแมลง สำหรับสัตว์เลี้ยงนั้นมีเพียงไก่เท่านั้น

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ชื่อของเกาะนี้มาจากเกาะที่ Jacob Rogfin นักสํารวจชาวดัตช์ค้นพบในวันอีสเตอร์ในปี 1722 เกาะที่ร็อกวินเห็นไม่ใช่สวรรค์ แต่เป็นทุ่งหญ้าที่ไม่มีต้นไม้หรือพุ่มไม้ที่สูงเกินสิบฟุต ชาวเกาะที่ Roggeveen พบไม่มีฟืนจริงเพื่อให้ความอบอุ่นในช่วงฤดูหนาวที่เย็นชื้นและมีลมแรงในวันอีสเตอร์ สัตว์พื้นเมืองของพวกเขาประกอบด้วยแมลงเท่านั้น สำหรับปศุสัตว์มีเพียงไก่เท่านั้น

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เกาะตั้งชื่อตามการค้นพบของนักสํารวจชาวดัตช์jacob rochofenในวันอีสเตอร์ในปีค.ศ. 1722 เกาะที่โรเกวินเห็น ไม่ใช่สวรรค์ แต่เป็นทุ่งหญ้า ที่ไม่มีต้นไม้หรือพุ่มไม้ สูงกว่าสิบฟุต. ชาวเกาะที่Rogwayneพบไม่มีฟืนที่อบอุ่นอย่างแท้จริงในช่วงฤดูหนาวที่หนาวเย็นชื้นและมีลม สัตว์พื้นเมืองของพวกเขาไม่รวมสัตว์ที่มีขนาดใหญ่กว่าแมลง สําหรับปศุสัตว์พวกเขามีเพียงไก่เท่านั้น