Rayong Province is the largest indu

Rayong Province is the largest industrial area in Thailand, in which petrochemical and related productions are key industries. The area has been facing several severe environmental problems which have imposed serious impacts on the health and quality of life of the local people. The most important pollution in Rayong’s industrial area is air pollution and the major air pollutants are VOCs, SO2, and NOx. Several relevant government agencies have been trying to mitigate the problems through several measures mainly under the Rayong’s Pollution Reduction and Mitigation Action Plan, nevertheless, the problems still exist. Hence, the objectives of this study are to study air pollution situation in the Rayong’s industrial area, to examine the management of air pollution in the area, and to suggest ways for improvement of the management. The modified Balanced Scorecard (BSC) technique was employed for analysis of the management. Data were collected both from secondary sources and primary sources which are factories in the area using questionnaires. The study found that the average VOCs levels exceeded the standards in several areas while the average SO2 and NOx levels were still well lower than the standards. The evaluation of the air pollution management revealed that: 1) Effectiveness perspective, about 80–90% of the factories reported that they had better controls over leaking and emissions of VOCs SO2, and NOx; 2) Stakeholder perspective, most of the factories received supports and co-operations from central government agencies, other factories and local communities but not NGOs; 3) Management process perspective, most of the factories had plans and projects concerning pollution reduction with sufficient budget, personnel and equipment but the proportion of factories conducting monitoring was not high; 4) Learning and development perspective, most of VOCs target factories continuously

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

จังหวัดระยองเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย การปิโตรเคมีและการผลิตที่เกี่ยวข้องเป็นอุตสาหกรรมสำคัญ พื้นที่มีการหันหน้าหลายรุนแรงปัญหาสิ่งแวดล้อมที่มีผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของคนในท้องถิ่นที่กำหนด มลพิษที่สำคัญที่สุดในระยองพื้นที่อุตสาหกรรมมีมลพิษ และสารมลพิษอากาศที่สำคัญ มี VOCs, SO2 โรงแรมน็อกซ์ ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องรัฐบาลหน่วยงานได้พยายามบรรเทาปัญหาผ่านมาตรการต่าง ๆ ส่วนใหญ่ภายใต้ของระยองลดมลพิษและแผนปฏิบัติการบรรเทาสาธารณภัย อย่างไรก็ตาม ปัญหายังคงมีอยู่ ดังนั้น วัตถุประสงค์ของการศึกษานี้ได้ศึกษาสถานการณ์มลพิษทางอากาศระยองพื้นที่อุตสาหกรรม ตรวจสอบการจัดการมลพิษอากาศในพื้นที่ และแนะนำวิธีปรับปรุงการบริหารจัดการ เทคนิคปรับสมดุลดัชนีชี้วัด (บีเอสซี) ถูกลูกจ้างสำหรับการวิเคราะห์ของฝ่ายบริหาร ได้มีการรวบรวมข้อมูลทั้งจากแหล่งสองแหล่งหลักที่โรงงานในพื้นที่โดยใช้แบบสอบถาม การศึกษาพบว่า ระดับ VOCs เฉลี่ยเกินมาตรฐานในหลายพื้นที่ขณะ SO2 เฉลี่ย และระดับโรงแรมน็อกซ์ได้ยังดีกว่ามาตรฐาน เปิดเผยการประเมินผลการจัดการมลพิษทางอากาศที่: 1) มุมมองประสิทธิภาพ ประมาณ 80 – 90% ของโรงงานรายงานว่า พวกเขาดีกว่ามีควบคุมการรั่วไหลและการปล่อยก๊าซ VOCs SO2 และโรงแรมน็อกซ์ 2) ทรรศนะมุมมอง ส่วนใหญ่ของโรงงานได้รับสนับสนุนและร่วมการดำเนินงานจากหน่วยงานรัฐบาลกลาง อื่น ๆ โรงงาน และชุมชนท้องถิ่น แต่ Ngo ไม่ 3) การจัดการกระบวนการมุมมอง ส่วนใหญ่ในโรงงานมีแผนและโครงการที่เกี่ยวข้องกับการลดมลภาวะ ด้วยงบประมาณเพียงพอ บุคลากรและอุปกรณ์ แต่ไม่สูง สัดส่วนของโรงงานที่ดำเนินการตรวจสอบ เรียนรู้ที่ 4) และการพัฒนามุมมอง ส่วนใหญ่ของโรงงานเป้าหมาย VOCs อย่างต่อเนื่อง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

จังหวัดระยองเป็นเขตอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยซึ่งในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและโปรดักชั่นที่เกี่ยวข้องเป็นอุตสาหกรรมที่สำคัญ พื้นที่ที่ได้รับการเผชิญกับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมหลายอย่างรุนแรงที่มีผลกระทบต่อการกำหนดอย่างรุนแรงต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของคนในท้องถิ่น มลพิษที่สำคัญที่สุดในเขตอุตสาหกรรมของจังหวัดระยองเป็นมลพิษทางอากาศและมลพิษทางอากาศที่สำคัญคือสารอินทรีย์ระเหย, SO2 และ NOx หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องหลายคนได้พยายามที่จะบรรเทาปัญหาผ่านหลายมาตรการส่วนใหญ่อยู่ภายใต้การลดมลพิษของจังหวัดระยองและบรรเทาสาธารณภัยแผนปฏิบัติการ แต่ปัญหายังคงมีอยู่ ดังนั้นวัตถุประสงค์ของการศึกษาครั้งนี้เพื่อศึกษาสถานการณ์มลพิษทางอากาศในเขตอุตสาหกรรมของจังหวัดระยองเพื่อตรวจสอบการบริหารจัดการมลพิษทางอากาศในพื้นที่และเพื่อแนะนำวิธีการในการปรับปรุงการบริหารจัดการ ปรับเปลี่ยนสมดุล Scorecard (BSC) เทคนิคการเป็นลูกจ้างในการวิเคราะห์ของฝ่ายบริหาร เก็บรวบรวมข้อมูลทั้งจากแหล่งข้อมูลทุติยภูมิและแหล่งที่มาหลักซึ่งเป็นโรงงานในพื้นที่โดยใช้แบบสอบถาม ผลการศึกษาพบว่าระดับสารอินทรีย์ระเหยเฉลี่ยเกินมาตรฐานในหลายพื้นที่ในขณะที่ SO2 เฉลี่ยและระดับ NOx ก็ยังคงดีต่ำกว่ามาตรฐาน การประเมินผลของการจัดการมลพิษทางอากาศพบว่า 1) มุมมองประสิทธิผลประมาณ 80-90% ของโรงงานที่มีการรายงานว่าพวกเขามีการควบคุมที่ดีกว่าการรั่วไหลและการปล่อยสารอินทรีย์ระเหย SO2 และ NOx; 2) มุมมองของผู้มีส่วนได้เสียส่วนใหญ่ของโรงงานที่ได้รับการสนับสนุนและร่วมดำเนินงานจากหน่วยงานของรัฐบาลกลางโรงงานอื่น ๆ และชุมชนท้องถิ่น แต่เอ็นจีโอไม่ 3) มุมมองของกระบวนการการบริหารจัดการส่วนใหญ่ของโรงงานมีแผนและโครงการที่เกี่ยวข้องกับการลดมลพิษที่มีงบประมาณเพียงพอบุคลากรและอุปกรณ์ แต่สัดส่วนของการดำเนินการตรวจสอบโรงงานไม่สูง; 4) การเรียนรู้และมุมมองการพัฒนาส่วนใหญ่ของโรงงานเป้าหมาย VOCs อย่างต่อเนื่อง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

จังหวัดระยอง เป็นเขตอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งเกี่ยวข้องกับการผลิตปิโตรเคมีและอุตสาหกรรมหลัก พื้นที่ได้รับการเผชิญกับปัญหาสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีความรุนแรงหลายผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของคนในท้องถิ่น มลพิษที่สำคัญที่สุดในระยองเป็นเขตอุตสาหกรรมเป็นมลพิษอากาศและมลพิษในอากาศที่สำคัญสาร SO2 , ,และ ดังกล่าว หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พยายามที่จะบรรเทาปัญหา ผ่านหลายมาตรการส่วนใหญ่อยู่ภายใต้การลดมลพิษของระยอง และแผน ปฏิบัติการบรรเทาสาธารณภัย แต่ปัญหายังคงมีอยู่ ดังนั้น การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสถานการณ์มลพิษทางอากาศในเขตอุตสาหกรรมของจังหวัดระยอง เพื่อตรวจสอบการจัดการมลพิษอากาศในพื้นที่และเพื่อเสนอแนะแนวทางการปรับปรุงการจัดการ การปรับดุลยภาพ ( BSC ) เทคนิควิเคราะห์ของการจัดการ เก็บรวบรวมข้อมูลทั้งจากแหล่งข้อมูลทุติยภูมิและข้อมูลปฐมภูมิ ซึ่งมีโรงงานในพื้นที่ โดยใช้แบบสอบถามผลการศึกษาพบว่า ค่าเฉลี่ยระดับสารอินทรีย์ระเหยง่ายเกินมาตรฐานในหลายพื้นที่ ขณะที่ SO2 เฉลี่ยและ NOx ระดับยังอยู่ดีต่ำกว่ามาตรฐาน การประเมินผลการจัดการมลภาวะทางอากาศ พบว่า 1 ) ประสิทธิภาพของประมาณ 80 – 90% ของโรงงานที่รายงานว่าพวกเขามีการควบคุมที่ดีขึ้นกว่ารั่วไหลและการปล่อยสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และไนโตรเจนออกไซด์ ;2 ) มุมมองของผู้มีส่วนได้เสียส่วนใหญ่ของโรงงานได้รับการสนับสนุนและการดำเนินงาน บริษัท จากหน่วยงานราชการส่วนกลาง โรงงาน และชุมชนท้องถิ่น แต่ไม่ใช่องค์กรพัฒนาเอกชนอื่น ๆ ; 3 ) มุมมองการจัดการโรงงานส่วนใหญ่มีแผนและโครงการที่เกี่ยวข้องกับการลดมลพิษ ด้วยงบประมาณ บุคลากร และอุปกรณ์ แต่ในส่วนของโรงงานการตรวจสอบไม่สูง4 ) การเรียนรู้และพัฒนามุมมองส่วนใหญ่ของสารอินทรีย์ระเหยง่ายเป้าหมายโรงงานอย่างต่อเนื่อง