AbstractExposure to flour dust may

Abstract
Exposure to flour dust may induce chronic respiratory manifestations as well as acute ventilatory effects. We compared the prevalence of respiratory symptoms, ventilatory impairment, and variations in pulmonary function over the workshift in a group of mill workers exposed to wheat flour and in referent workers. One hundred and forty-two men exposed to flour in a mill and 37 referent workers were included in this study. Each subject completed a standardized questionnaire. Pulmonary function tests were performed before and after the workshift. The assessment of environmental exposure to flour showed high concentrations during some jobs with a high percentage of inhalable particles and a low concentration of respirable particles. The exposed workers had a significantly higher prevalence of usual cough and usual phlegm than the referents. The prevalence of asthma, based on the questionnaire, was similar. Before the workshift, the exposed workers had significantly lower mean lung function values for peak flow rate and forced expiratory flow rate at 75% of the vital capacity than the referents. After the workshift, all the lung function values showed a slight decrease, significant for forced vital capacity and forced expiratory volume during 1 s in both groups. Among the exposed workers, the asthmatic subjects had a significantly higher decrease across the shift than the nonasthmatic workers. This result is probably linked to bronchial hyperreactivity. Among nonasthmatic subjects, the decrease was larger in nonexposed workers than in exposed workers. A higher prevalence of respiratory symptoms and lower pulmonary function values were observed among mill workers by comparison with referents. Moreover, the data suggest that asthmatic status and the time of spirometric measurements need to be taken into account in epidemiological studies on exposure to airborne allergens. In addition, the study does not exclude a healthy worker effect with selection of dust-resistant subjects or better identification of asthmatic subjects among the workers exposed to an allergenic substance than among the nonexposed workers.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

บทคัดย่อสัมผัสกับแป้งฝุ่นอาจทำให้เกิดลักษณะทางเดินหายใจเรื้อรังเป็น ventilatory ผลเฉียบพลัน เราเปรียบเทียบความชุกของอาการทางเดินหายใจ ventilatory ผล และเปลี่ยนแปลงในระบบทางเดินหายใจฟังก์ชันผ่าน workshift ในกลุ่มโรงสีคนสัมผัสกับแป้งข้าวสาลี และใช้แรงงาน หนึ่งร้อย และสองคนสัมผัสกับแป้งในโรงสี และผู้ปฏิบัติงานใช้ 37 รวมอยู่ในการศึกษานี้ แต่ละเรื่องดำเนินแบบสอบถามมาตรฐาน ตรวจการทำงานของระบบทางเดินหายใจถูกดำเนินการก่อน และ หลังการ workshift การประเมินผลของการสัมผัสสิ่งแวดล้อมกับแป้งพบว่าความเข้มข้นสูงระหว่างงานบางที่มีเปอร์เซ็นต์สูงของ inhalable อนุภาคและความเข้มข้นต่ำสุดของอนุภาค respirable ผู้ปฏิบัติงานสัมผัสได้ชุกสูงมากปกติไอและเสมหะปกติกว่า referents ความชุกของโรคหอบหืด ยึดตามแบบสอบถาม คล้ายคลึงกันได้ ก่อน workshift ผู้ปฏิบัติงานสัมผัสมีค่าฟังก์ชันหมายถึงปอดต่ำอัตราการไหลสูงสุดและอัตราการไหลบังคับ expiratory 75% ของกำลังการผลิตชีพมากกว่าการ referents หลังจาก workshift ค่าฟังก์ชันปอดทั้งหมดแสดงให้เห็นว่าลดเล็กน้อย อย่างมีนัยสำคัญสำหรับความจุชีพบังคับ และบังคับ expiratory volume ในระหว่าง 1 ในกลุ่มทั้งนี้ ระหว่างผู้ปฏิบัติงานสัมผัส เรื่องหอบหืดได้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญข้ามกะมากกว่าแรงงาน nonasthmatic ผลนี้อาจสัมพันธ์กับ bronchial hyperreactivity ในเรื่อง nonasthmatic ลดลงเป็นใหญ่ใน nonexposed กว่าแรงงานในคนงานที่สัมผัส อาการทางเดินหายใจและค่าฟังก์ชันระบบทางเดินหายใจลดลงส่วนสูงสุภัคระหว่างโรงงาน by comparison with referents นอกจากนี้ ข้อมูลแนะนำว่า หอบหืดสถานะและเวลาของการประเมิน spirometric จำเป็นต้องนำมาพิจารณาในการศึกษาความในการสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้อากาศ นอกจากนี้ การศึกษาไม่แยกผลสุขภาพของผู้ปฏิบัติงานเลือกเรื่องฝุ่นทนหรือรหัสดีเรื่องหอบหืดในหมู่คนงานที่สัมผัสกับสารแพ้มากกว่าในหมู่แรงงาน nonexposed

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

บทคัดย่อการสัมผัสกับฝุ่นแป้งอาจทำให้เกิดอาการทางเดินหายใจเรื้อรังเช่นเดียวกับผลกระทบหายใจเฉียบพลัน
เราเมื่อเทียบกับความชุกของอาการระบบทางเดินหายใจ, เครื่องช่วยหายใจจากการด้อยค่าและรูปแบบในการทำงานของปอดมากกว่า workshift ในกลุ่มของคนงานโรงงานสัมผัสกับแป้งสาลีและแรงงานในการอ้างอิง หนึ่งร้อยสี่สิบสองคนสัมผัสกับแป้งในโรงงานและ 37 อ้างอิงแรงงานถูกรวมอยู่ในการศึกษาครั้งนี้ แต่ละเรื่องเสร็จแบบสอบถามมาตรฐาน ทดสอบการทำงานของปอดได้ดำเนินการก่อนและหลังการ workshift การประเมินการสัมผัสสิ่งแวดล้อมเพื่อแสดงให้เห็นว่าแป้งมีความเข้มข้นสูงในช่วงงานบางคนที่มีเปอร์เซ็นต์สูงของอนุภาคที่หายใจเข้าไปและความเข้มข้นต่ำของอนุภาคทางเดินหายใจ สัมผัสคนงานมีความชุกสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของอาการไอและเสมหะปกติกว่าปกติ referents ความชุกของโรคหอบหืดอยู่บนพื้นฐานของแบบสอบถามมีความคล้ายคลึง ก่อน workshift คนงานที่สัมผัสได้อย่างมีนัยสำคัญต่ำหมายถึงค่าการทำงานของปอดอัตราการไหลสูงสุดและบังคับให้อัตราการไหลหายใจที่ 75% ของกำลังการผลิตที่สำคัญกว่า referents หลังจาก workshift ทั้งหมดค่าที่แสดงให้เห็นการทำงานของปอดลดลงเล็กน้อยอย่างมีนัยสำคัญสำหรับความจุที่สำคัญบังคับและบังคับให้ปริมาณการหายใจระหว่างวันที่ 1 ในทั้งสองกลุ่ม ในบรรดาคนงานที่สัมผัสกับโรคหืดวิชาที่มีการลดลงอย่างมีนัยสำคัญที่สูงขึ้นทั่วกะกว่าคนงาน nonasthmatic ผลที่ได้นี้อาจจะเชื่อมโยงกับ hyperreactivity หลอดลม ในบรรดาวิชา nonasthmatic ลดลงเป็นขนาดใหญ่ในคนงาน nonexposed กว่าในคนงานที่สัมผัส ความชุกสูงของอาการทางเดินหายใจและต่ำกว่าค่าการทำงานของปอดถูกตั้งข้อสังเกตในหมู่คนงานโรงงานโดยเปรียบเทียบกับ referents นอกจากนี้ยังมีข้อมูลที่ชี้ให้เห็นว่าสถานะโรคหืดและเวลาของการวัดสมรรถภาพจะต้องนำมาพิจารณาในการศึกษาทางระบาดวิทยาในการสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ นอกจากนี้การศึกษาไม่รวมผลกระทบของผู้ปฏิบัติงานที่มีสุขภาพดีกับการเลือกของอาสาสมัครทนฝุ่นหรือบัตรประจำตัวที่ดีขึ้นของวิชาโรคหืดในหมู่คนงานสัมผัสกับสารภูมิแพ้กว่าในหมู่คนงาน nonexposed

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เปิดรับบทคัดย่อ
แป้งฝุ่นอาจทำให้อาการระบบทางเดินหายใจเรื้อรัง รวมทั้งผลการช่วยหายใจแบบเฉียบพลัน เปรียบเทียบความชุกของอาการทางเดินหายใจ การช่วยหายใจ และการเปลี่ยนแปลงในฟังก์ชันปอดมากกว่า workshift ในกลุ่มของคนงานโรงงานแป้งสาลี และเปิดรับแรงงาน 3 .หนึ่งร้อยสี่สิบสองคนสัมผัสกับแป้งในโรงงาน และคนงาน รวม 37 อ้างอิงในการศึกษานี้ แต่ละเรื่องจบแบบสอบถามมาตรฐาน การทดสอบสมรรถภาพปอด ผู้ป่วยก่อนและหลัง workshift .การประเมินสิ่งแวดล้อมแสงความเข้มข้นสูง พบในแป้งงานบางอย่างที่มีเปอร์เซ็นต์สูงของอนุภาค inhalable และความเข้มข้นต่ำของอนุภาคที่หายใจ . หลังจากคนงานได้สูงกว่าความชุกของอาการไอและเสมหะปกติปกติกว่า referents . ความชุกของโรคหืด ตามแบบสอบถาม คล้ายๆ กัน workshift ก่อน ,เปิดรับแรงงานที่มีค่าต่ำกว่าหมายถึงปอดอัตราการไหลสูงสุด และอัตราการไหลที่บังคับกลุ่ม 75% ของความจุปอดกว่า referents . หลังจาก workshift ค่าฟังก์ชันปอดทั้งหมดพบว่าลดลงเล็กน้อยที่สําคัญสําหรับบังคับความจุปอด และบังคับให้กลุ่ม 1 เล่ม ระหว่างทั้งสองกลุ่ม ในหมู่สัมผัสคนงานโรคหอบหืดมีจำนวนลดลงสูงกว่าข้ามกะกว่าคนงาน nonasthmatic . ผลที่ได้นี้อาจจะเชื่อมโยงกับคำมากพยางค์ . ในวิชา nonasthmatic , ลดลงเป็นขนาดใหญ่ใน nonexposed คนงานกว่าในคนงานที่สัมผัส .สูงกว่าความชุกของอาการทางระบบหายใจและสมรรถภาพปอดทดลองลดคนงานของโรงสี โดยเปรียบเทียบกับ referents . นอกจากนี้ ข้อมูลที่ชี้ให้เห็นว่าภาวะหอบหืดและเวลาของการวัด spirometric ต้องนำมาพิจารณาในการศึกษาระบาดวิทยาในการสัมผัสกับอากาศ ภูมิแพ้ นอกจากนี้การศึกษาไม่รวมถึงผลคนงานสุขภาพกับการเลือกวิชาป้องกันฝุ่นหรือดีกว่าการกำหนดวิชาโรคหืดในหมู่คนงานสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้มากกว่าในหมู่ nonexposed คนงาน