อาชีพนักข่าวเป็นความใฝ่ฝันของผมที่จะเสนอข่าวความจริงออกสู่สาธารณะชนให้เกิดประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตของคนเหล่านั้น ข่าวที่ตรงไปตรงมา ข่าวที่เสนอโดยไม่ปิดบัง เหล่านี้ล้วนจะทำให้สังคมดีขึ้น ถึงแม้นว่า บางครั้งการเป็นนักข่าวจะมีความเสี่ยงมาก แต่ในเมื่อเราเสียสละที่จะเป็นยามของแผ่นดิน(Watch Dog) แล้วเราก็ควรทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
นักข่าวสายสิ่งแวดล้อมเป็นงานที่ผมชอบ ผมรักธรรมชาติ ชอบมองต้นไม้ แม้ผมจะไม่ได้รู้หมดว่า ต้นไม้นี้ชื่ออะไร ดอกไม้นี้ราคาแพงแค่ไหน ผมสนใจเพียงแค่ใครเป็นคนตัด และคุณตัดมันทำไม คุณไม่รู้หรือว่าโลกต้องการธรรมชาติ และโลกเป็นของเราทุกคน ถ้าคิดเพียงว่าตัดต้นไม้ต้นเดียวไม่เป็นไร แต่ถ้าทุกคนในโลกนี้คิดแบบนั้น เราจะเหลืออะไร สรุปว่าผมสนใจที่จะทำข่าวทุกข่าวถ้าเป็นเรื่องที่จะทำให้ป่าหรือธรรมชาติของเราหมดไป แต่บางครั้งผมก็ชอบข่าวการเมืองด้วยเช่นกัน ผมอาจจะคิดแบบขวางโลก แต่ถ้าเวทีแห่งนี้ให้โอกาสทดลองเป็นนักข่าว ผมก็ควรจะแสดงความคิดเห็นให้มากที่สุดแทนที่จะอยู่ในสมองแต่ไม่มีใครรู้ใครทราบ
ผมอยากให้นักข่าวทุกท่านดูแลประเทศของเราโดยตรวจสอบนักการเมืองแบบดารา เปิดโปงตามถ่ายภาพการทุจริตรับสินบนแบบที่เคยตามถ่ายดาราเดินควงกันเข้าผับหรือตามห้างสรรพสินค้า สัมภาษณ์เจาะลึก เจาะใจนักการเมืองว่า ทำตามสัญญาก่อนการเลือกตั้งแล้วหรือไม่ ใช้เงินของประเทศจากภาษีหยาดเหงื่อแรงกายทุกชนชั้นไปแล้วเท่าไหร่ ในส่วนที่ผมคิดและผมอยากจะทำ แต่ในความเป็นจริงประเทศของเรายังไม่สามารถทำได้ เพราะอะไร ทั้งๆที่ประเทศของเราเป็นประชาธิปไตยไม่ใช่หรือ อำนาจการสื่อสารของนักข่าวมีแค่ไหน นักข่าวมีความตั้งใจขุดคุ้ยความจริงมาตีแผ่ทุกคนหรือไม่ ทำไมตอนผมเรียนไม่มีใครสอนว่า เราสามารถเสนอข่าว(ความจริง)ได้เพียงบางส่วน มีแต่สอนว่า เรา(นักข่าว)มีหน้าที่เสนอความจริงทั้งหมด คำถามเหล่านี้ ผมสงสัยและอยากถามคุณวีระศักดิ์ พงศ์อักษร เลขาธิการสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ประเทศไทยว่า นักข่าวในประเทศของเรามีจุดยืนหรือไม่ ถ้ามี จุดยืนของนักข่าวคืออะไร
อนาคตอาชีพนักข่าวของผมจะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่มีแรงบรรดาใจจากสังคมที่ยังเลื่อมล้ำอยู่ ในฐานะคนอีสานที่เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง อยากเสนอข่าวที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมโดยไม่กลัวเกรงว่า บุคคลในข่าวจะเป็นชนชั้นอะไร ข่าวจะขายได้หรือไม่ ผมสนใจแค่สิ่งเดียวในการเป็นนักข่าวว่า เสนอไปแล้วสังคมจะมีการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีได้อย่างไร