ลักษณะและรูปทรงของพระปรางค์ พระปรางค์ในประเทศไทยได้รับอิทธิพลจากศิลปสถ การแปล - ลักษณะและรูปทรงของพระปรางค์ พระปรางค์ในประเทศไทยได้รับอิทธิพลจากศิลปสถ ไทย วิธีการพูด

ลักษณะและรูปทรงของพระปรางค์ พระปราง

ลักษณะและรูปทรงของพระปรางค์


พระปรางค์ในประเทศไทยได้รับอิทธิพลจากศิลปสถาปัตยกรรมของขอมมานับแต่ ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๕ โดยถูกจัดให้อยู่ในรูปแบบสมัยลพบุรี (พุทธศตวรรษที่ ๑๕-๑๘) ก่อนที่จะพัฒนารูปแบบสู่ศิลปสถาปัตยกรรมยุคสมัยอยุธยาและรัตนโกสินทร์ใน ที่สุด ภายใต้รูปแบบลักษณะที่จำแนกเป็น ๔ แบบ คือ



๑. ทรงศิขร


๒. ทรงงาเนียม


๓. ทรงฝักข้าวโพด


๔. ทรงจอมแห






๑. ทรงศิขร หมายถึงรูปทรงพระปรางค์ ที่เน้นแบบแผนรูปลักษณ์ตามต้นแบบเดิมทุกประการ กล่าวคือสร้างขึ้นตามแบบแผนเดิมของขอม ที่เน้นคุณลักษณะของรูปทรงให้เป็นไปตามอย่างคติ “จำลองภูเขา” และ “สวรรค์ชั้นฟ้า” บนภาพความคิดของเขาพระสุเมรุ มีรูปทรงที่เน้นมวลอาคารให้ดูหนักแน่นมั่นคงเสมือนขุนเขา และให้รายละเอียดในเรื่อง
ของลำดับขั้นของสวรรค์อันเป็นที่อยู่ของเหล่าเทวดาประจำตามลำดับชั้น ทิศ และฐานานุศักดิ์อย่างชัดเจนที่สุด
เช่น ปรางค์ทรงศิขร ปราสาทนครวัด ประเทศกัมพูชา,ปราสาทหินพนมรุ้งบุรีรัมย์


๒. ทรงงาเนียม หมายถึง รูปทรงสถาปัตยกรรมของส่วนยอดพระพุทธปรางค์แบบหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายงาช้าง ซึ่งเรียกว่า “งาเนียม” คือรูปทรงส่วนยอดจะมีลักษณะที่ใหญ่แต่สั้น ตอนปลายจะมีลักษณะโค้งและค่อนข้างเรียวแหลม พระปรางค์ทรงงาเนียมนี้ถือเป็นประดิษฐกรรมของช่างไทยโดยแท้ เพราะเป็นสถาปัตยกรรมที่พัฒนารูปแบบเดิมจนมีลักษณะเฉพาะของตนเองสำเร็จใน สมัยอยุธยาตอนต้น มีคตินิยมการสร้างในลักษณะที่ทึบตัน หรือเหลือเพียงแค่ห้องคูหาเล็กๆ พอบรรจุพระพุทธรูปหรือสถูปจำลองบรรจุพระบรมสารีริกธาตุเท่านั้น ซึ่งคติทางไทยออกแบบเป็นเชิงสัญลักษณ์เพียงอย่างเดียว จึงไม่ให้มีการใช้สอยภายในเพื่อการประกอบพิธีกรรมเหมือนอย่างปราสาทขอม ช่างไทยจึงมุ่งเน้นให้พระปรางค์ดูสูงเด่นเป็นสง่า ด้วยการเสริมฐานเป็นชั้นให้ดูตระหง่านยิ่งขึ้น และปรับตัวเรือนธาตุและส่วนยอดให้บางและเพรียว ส่วนยอดนั้นลดการประดับตกแต่งที่ต้องการสื่อความหมายของที่อยู่แห่งเทวดา ทั้งปวงลง เพราะต้องการให้เน้นตรงเฉพาะความหมายแห่งพระพุทธองค์เป็นสำคัญ เช่น ปรางค์เหนือปราสาทพระเทพบิดร วัดพระศรีรัตศาสดาราม กรุงเทพฯ,พระปรางค์วัดพระศรีมหาธาตุเมืองเชลียง สุโขทัย


๓. ทรงฝักข้าวโพด หมายถึงรูปทรงของพระปรางค์ลักษณะหนึ่งที่มีรูปร่างผอมบางและตรงยาวคล้ายฝัก ข้าวโพด ส่วนยอดนั้นจะค่อยๆเรียวเล็กลงอย่างช้าๆก่อนรวบเป็นเส้นโค้งที่ปลาย พัฒนาการของรูปทรงพระปรางค์รูปแบบนี้ถือเป็นลักษณะเฉพาะตัวของพระปรางค์สมัย ต้นรัตนโกสินทร์ การใช้พระปรางค์ในฐานะอาคารประธานหลักของวัดเสื่อมความนิยมลงนับแต่สมัย อยุธยาตอนปลายแล้ว ในสมัยต้นรัตนโกสินทร์จะหันมานิยมใช้อีกครั้ง แต่ส่วนใหญ่มักใช้เป็นอาคารรองอย่างปรางค์ทิศเท่านั้น การออกแบบงานสถาปัตยกรรมประเภทนี้จึงด้อยคุณลักษณะอันมีพลังลง รูปทรงที่ดูผอมบางจนขาดกำลัง ส่วนของเรือนธาตุปิดทึบตันไม่มีการเจาะเป็นช่องคูหาภายใน ส่วนยอดทำเป็นชั้นๆด้วยเส้นบัว กลีบขนุนและบัณแถลงไม่ทำรายละเอียดใดประดับ เช่น พระปรางค์ทิศทรงฝักข้าวโพด วัดเทพธิดาราม กรุงเทพฯ,พระปรางค์ทรงฝักข้าวโพด วัดมหาธาตุฯ กรุงเทพฯ


๔. ทรงจอมแห หมายถึง รูปทรงของพระปรางค์ที่สร้างโครงรูปเส้นรอบนอก มีลักษณะแอ่นโค้งเหมือนอาการทิ้งน้ำหนักตัวของแหที่ถูกยกขึ้น รูปทรงเช่นนี้ความจริงถูกนำมาใช้กับการออกแบบพระเจดีย์สมัยต้นกรุง รัตนโกสินทร์มาก่อนแล้ว และต่อมาจึงพัฒนานำมาใช้กับรูปทรงพระปรางค์บ้าง เช่น วัดอรุณราชวราราม ธนบุรี, พระปรางค์แบบไทย
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
ลักษณะและรูปทรงของพระปรางค์ พระปรางค์ในประเทศไทยได้รับอิทธิพลจากศิลปสถาปัตยกรรมของขอมมานับแต่ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๕ (พุทธศตวรรษที่ ๑๕ - ๑๘) โดยถูกจัดให้อยู่ในรูปแบบสมัยลพบุรีก่อนที่จะพัฒนารูปแบบสู่ศิลปสถาปัตยกรรมยุคสมัยอยุธยาและรัตนโกสินทร์ในที่สุดภายใต้รูปแบบลักษณะที่จำแนกเป็น ๔ คำประกอบคือ ๑ . ทรงศิขร ๒ . ทรงงาเนียม ๓ . ทรงฝักข้าวโพด ๔ . ทรงจอมแห ๑ . ทรงศิขรหมายถึงรูปทรงพระปรางค์ที่เน้นแบบแผนรูปลักษณ์ตามต้นแบบเดิมทุกประการกล่าวคือสร้างขึ้นตามแบบแผนเดิมของขอมที่เน้นคุณลักษณะของรูปทรงให้เป็นไปตามอย่างคติ "จำลองภูเขา" และ "สวรรค์ชั้นฟ้า" บนภาพความคิดของเขาพระสุเมรุมีรูปทรงที่เน้นมวลอาคารให้ดูหนักแน่นมั่นคงเสมือนขุนเขาและให้รายละเอียดในเรื่องของลำดับขั้นของสวรรค์อันเป็นที่อยู่ของเหล่าเทวดาประจำตามลำดับชั้นทิศและฐานานุศักดิ์อย่างชัดเจนที่สุดเช่นปรางค์ทรงศิขรปราสาทนครวัดประเทศกัมพูชา ปราสาทหินพนมรุ้งบุรีรัมย์ ๒ . ทรงงาเนียมหมายถึงรูปทรงสถาปัตยกรรมของส่วนยอดพระพุทธปรางค์แบบหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายงาช้างซึ่งเรียกว่า "งาเนียม" คือรูปทรงส่วนยอดจะมีลักษณะที่ใหญ่แต่สั้นตอนปลายจะมีลักษณะโค้งและค่อนข้างเรียวแหลมพระปรางค์ทรงงาเนียมนี้ถือเป็นประดิษฐกรรมของช่างไทยโดยแท้เพราะเป็นสถาปัตยกรรมที่พัฒนารูปแบบเดิมจนมีลักษณะเฉพาะของตนเองสำเร็จในสมัยอยุธยาตอนต้นมีคตินิยมการสร้างในลักษณะที่ทึบตันหรือเหลือเพียงแค่ห้องคูหาเล็ก ๆ พอบรรจุพระพุทธรูปหรือสถูปจำลองบรรจุพระบรมสารีริกธาตุเท่านั้นซึ่งคติทางไทยออกแบบเป็นเชิงสัญลักษณ์เพียงอย่างเดียวจึงไม่ให้มีการใช้สอยภายในเพื่อการประกอบพิธีกรรมเหมือนอย่างปราสาทขอมช่างไทยจึงมุ่งเน้นให้พระปรางค์ดูสูงเด่นเป็นสง่าด้วยการเสริมฐานเป็นชั้นให้ดูตระหง่านยิ่งขึ้นและปรับตัวเรือนธาตุและส่วนยอดให้บางและเพรียวส่วนยอดนั้นลดการประดับตกแต่งที่ต้องการสื่อความหมายของที่อยู่แห่งเทวดาทั้งปวงลงเพราะต้องการให้เน้นตรงเฉพาะความหมายแห่งพระพุทธองค์เป็นสำคัญเช่นปรางค์เหนือปราสาทพระเทพบิดรวัดพระศรีรัตศาสดารามกรุงเทพฯ พระปรางค์วัดพระศรีมหาธาตุเมืองเชลียงสุโขทัย ๓ ทรงฝักข้าวโพดหมายถึงรูปทรงของพระปรางค์ลักษณะหนึ่งที่มีรูปร่างผอมบางและตรงยาวคล้ายฝักข้าวโพดส่วนยอดนั้นจะค่อยๆเรียวเล็กลงอย่างช้าๆก่อนรวบเป็นเส้นโค้งที่ปลายพัฒนาการของรูปทรงพระปรางค์รูปแบบนี้ถือเป็นลักษณะเฉพาะตัวของพระปรางค์สมัยต้นรัตนโกสินทร์การใช้พระปรางค์ในฐานะอาคารประธานหลักของวัดเสื่อมความนิยมลงนับแต่สมัยอยุธยาตอนปลายแล้วในสมัยต้นรัตนโกสินทร์จะหันมานิยมใช้อีกครั้งแต่ส่วนใหญ่มักใช้เป็นอาคารรองอย่างปรางค์ทิศเท่านั้นการออกแบบงานสถาปัตยกรรมประเภทนี้จึงด้อยคุณลักษณะอันมีพลังลงรูปทรงที่ดูผอมบางจนขาดกำลังส่วนของเรือนธาตุปิดทึบตันไม่มีการเจาะเป็นช่องคูหาภายในส่วนยอดทำเป็นชั้นๆด้วยเส้นบัวกลีบขนุนและบัณแถลงไม่ทำรายละเอียดใดประดับเช่นพระปรางค์ทิศทรงฝักข้าวโพดวัดเทพธิดารามกรุงเทพฯ พระปรางค์ทรงฝักข้าวโพดวัดมหาธาตุฯ กรุงเทพฯ ๔ . ทรงจอมแหหมายถึงรูปทรงของพระปรางค์ที่สร้างโครงรูปเส้นรอบนอกมีลักษณะแอ่นโค้งเหมือนอาการทิ้งน้ำหนักตัวของแหที่ถูกยกขึ้นรูปทรงเช่นนี้ความจริงถูกนำมาใช้กับการออกแบบพระเจดีย์สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์มาก่อนแล้วและต่อมาจึงพัฒนานำมาใช้กับรูปทรงพระปรางค์บ้างเช่นวัดอรุณราชวรารามธนบุรี พระปรางค์แบบไทย
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
ประมาณพุทธศตวรรษที่ 15 (พุทธศตวรรษที่ 15-18) ที่สุดภายใต้รูปแบบลักษณะที่จำแนกเป็น 4 แบบคือ1 ทรงศิขร2 ทรงงาเนียม3 ทรงฝักข้าวโพด4 ทรงจอมแห1 ทรงศิขรหมายถึงรูปทรงพระปรางค์ "จำลองภูเขา" และ "สวรรค์ชั้นฟ้า" บนภาพความคิดของเขาพระสุเมรุ ทิศ ปรางค์ทรงศิขรปราสาทนครวัด ทรงงาเนียมหมายถึง ซึ่งเรียกว่า "งาเนียม" สมัยอยุธยาตอนต้น หรือเหลือเพียงแค่ห้องคูหาเล็ก ๆ ทั้งปวงลง เช่นปรางค์เหนือปราสาทพระเทพบิดรวัดพระศรีรัตศาสดาราม สุโขทัย3 ทรงฝักข้าวโพด ข้าวโพด ต้นรัตนโกสินทร์ อยุธยาตอนปลายแล้ว รูปทรงที่ดูผอมบางจนขาดกำลัง ส่วนยอดทำเป็นชั้น ๆ ด้วยเส้นบัว เช่นพระปรางค์ทิศทรงฝักข้าวโพดวัดเทพธิดารามกรุงเทพฯ, พระปรางค์ทรงฝักข้าวโพดวัดมหาธาตุฯ กรุงเทพฯ4 ทรงจอมแหหมายถึง รัตนโกสินทร์มาก่อนแล้ว เช่นวัดอรุณราชวรารามธนบุรี, พระปรางค์แบบไทย

































การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
ลักษณะและรูปทรงของพระปรางค์


พระปรางค์ในประเทศไทยได้รับอิทธิพลจากศิลปสถาปัตยกรรมของขอมมานับแต่ประมาณพุทธศตวรรษที่๑๕โดยถูกจัดให้อยู่ในรูปแบบสมัยลพบุรี ( พุทธศตวรรษที่๑๕ - ๑๘ )ที่สุดภายใต้รูปแบบลักษณะที่จำแนกเป็นโตเกียวแบบความ



๑ . ทรงศิขร


๒ . ทรงงาเนียม


ไป . ทรงฝักข้าวโพด


โตเกียว ทรงจอมแห






๑ .ทรงศิขรหมายถึงรูปทรงพระปรางค์ที่เน้นแบบแผนรูปลักษณ์ตามต้นแบบเดิมทุกประการกล่าวคือสร้างขึ้นตามแบบแผนเดิมของขอมที่เน้นคุณลักษณะของรูปทรงให้เป็นไปตามอย่างคติ " จำลองภูเขา " และ " สวรรค์ชั้นฟ้า "มีรูปทรงที่เน้นมวลอาคารให้ดูหนักแน่นมั่นคงเสมือนขุนเขาและให้รายละเอียดในเรื่อง
ของลำดับขั้นของสวรรค์อันเป็นที่อยู่ของเหล่าเทวดาประจำตามลำดับชั้นทิศและฐานานุศักดิ์อย่างชัดเจนที่สุด
เช่นปรางค์ทรงศิขรปราสาทนครวัดประเทศกัมพูชาปราสาทหินพนมรุ้งบุรีรัมย์
,
๒ .ทรงงาเนียมหมายถึงรูปทรงสถาปัตยกรรมของส่วนยอดพระพุทธปรางค์แบบหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายงาช้างซึ่งเรียกว่า " งาเนียม " คือรูปทรงส่วนยอดจะมีลักษณะที่ใหญ่แต่สั้นตอนปลายจะมีลักษณะโค้งและค่อนข้างเรียวแหลมเพราะเป็นสถาปัตยกรรมที่พัฒนารูปแบบเดิมจนมีลักษณะเฉพาะของตนเองสำเร็จในสมัยอยุธยาตอนต้นมีคตินิยมการสร้างในลักษณะที่ทึบตันหรือเหลือเพียงแค่ห้องคูหาเล็กๆซึ่งคติทางไทยออกแบบเป็นเชิงสัญลักษณ์เพียงอย่างเดียวจึงไม่ให้มีการใช้สอยภายในเพื่อการประกอบพิธีกรรมเหมือนอย่างปราสาทขอมช่างไทยจึงมุ่งเน้นให้พระปรางค์ดูสูงเด่นเป็นสง่าและปรับตัวเรือนธาตุและส่วนยอดให้บางและเพรียวส่วนยอดนั้นลดการประดับตกแต่งที่ต้องการสื่อความหมายของที่อยู่แห่งเทวดาทั้งปวงลงเพราะต้องการให้เน้นตรงเฉพาะความหมายแห่งพระพุทธองค์เป็นสำคัญเช่นกรุงเทพฯวัดพระศรีรัตศาสดาราม ,พระปรางค์วัดพระศรีมหาธาตุเมืองเชลียงสุโขทัย


ไป .ทรงฝักข้าวโพดหมายถึงรูปทรงของพระปรางค์ลักษณะหนึ่งที่มีรูปร่างผอมบางและตรงยาวคล้ายฝักส่วนยอดนั้นจะค่อยๆเรียวเล็กลงอย่างช้าๆก่อนรวบเป็นเส้นโค้งที่ปลาย cauliflowerต้นรัตนโกสินทร์การใช้พระปรางค์ในฐานะอาคารประธานหลักของวัดเสื่อมความนิยมลงนับแต่สมัยอยุธยาตอนปลายแล้วในสมัยต้นรัตนโกสินทร์จะหันมานิยมใช้อีกครั้งแต่ส่วนใหญ่มักใช้เป็นอาคารรองอย่างปรางค์ทิศเท่านั้นรูปทรงที่ดูผอมบางจนขาดกำลังส่วนของเรือนธาตุปิดทึบตันไม่มีการเจาะเป็นช่องคูหาภายในส่วนยอดทำเป็นชั้นๆด้วยเส้นบัวกลีบขนุนและบัณแถลงไม่ทำรายละเอียดใดประดับเช่นพระปรางค์ทิศทรงฝักข้าวโพดวัดเทพธิดารามพระปรางค์ทรงฝักข้าวโพดวัดมหาธาตุฯกรุงเทพฯ


โตเกียวทรงจอมแหหมายถึงรูปทรงของพระปรางค์ที่สร้างโครงรูปเส้นรอบนอกมีลักษณะแอ่นโค้งเหมือนอาการทิ้งน้ำหนักตัวของแหที่ถูกยกขึ้นรูปทรงเช่นนี้ความจริงถูกนำมาใช้กับการออกแบบพระเจดีย์สมัยต้นกรุงและต่อมาจึงพัฒนานำมาใช้กับรูปทรงพระปรางค์บ้างเช่นธนบุรีวัดอรุณราชวราราม ,พระปรางค์แบบไทย
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: