The modeled values of crop irrigation period, evapotranspiration, effective precipitation and soil moisture deficiency for different soil groups are used to compute the change in irrigation water demand.
The sub-district level maps of irrigation water demand in the years 2025, 2050, 2075 and 2100 are shown in Fig. 10a–d respectively.
The average values of irrigation water demand in the different years are shown by graph in Fig. 11.
The result shows no appreciable change in irrigation water demand in the study area.
The average value of irrigation water will increase from 1,057 mm to a value of 1,059 mm in 2025, then decrease to 1,036 mm in 2050, and again increase to 1,043 mm in 2075 and 2,044 mm in 2100.
ค่าสร้างแบบจำลองพืชชลประทานระยะ evapotranspiration ผลฝนและดินชื้นขาดในดินแตกต่างกันที่กลุ่มใช้ในการคำนวณการเปลี่ยนแปลงในชลประทานน้ำความต้องการ แผนที่ระดับตำบลของความต้องการน้ำชลประทานในปี 2025, 2050, 2075 และ 2100 มีแสดงใน Fig. 10a – d ตามลำดับค่าเฉลี่ยของความต้องการน้ำชลประทานในปีต่าง ๆ จะแสดงตามกราฟใน Fig. 11 ผลลัพธ์แสดงไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงในความต้องการน้ำชลประทานในพื้นที่ศึกษา ค่าเฉลี่ยของน้ำชลประทานจะเพิ่มจากค่าของ 1,059 ใน 2025, 1,057 ลด 1,036 มม.ใน 2050 แล้วเพิ่มอีก 1,043 มม.ใน 2075 และ 2,044 mm 2100
การแปล กรุณารอสักครู่..

ค่ารูปแบบของรอบระยะเวลาการให้น้ำพืชคายระเหยฝนที่มีประสิทธิภาพและขาดความชุ่มชื้นในดินสำหรับกลุ่มดินที่แตกต่างกันจะใช้ในการคำนวณการเปลี่ยนแปลงในความต้องการน้ำชลประทาน. แผนที่ระดับตำบลของความต้องการน้ำชลประทานในปี 2025, 2050, 2075 และ 2100 จะแสดงในรูป 10a-D ตามลำดับ. ค่าเฉลี่ยของความต้องการน้ำชลประทานในปีที่แตกต่างกันจะเห็นได้จากกราฟในรูป 11. ผลที่ได้แสดงให้เห็นว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ในความต้องการน้ำชลประทานในพื้นที่ศึกษา. ค่าเฉลี่ยของน้ำชลประทานจะเพิ่มขึ้นจาก 1,057 มมมูลค่า 1,059 มม 2025 แล้วลดลง 1,036 มิลลิเมตรในปี 2050 และอีกครั้งเพิ่มขึ้นถึง 1043 2,075 มิลลิเมตรและ 2,044 มม 2100
การแปล กรุณารอสักครู่..
