Developing a Learning Progression w

Developing a Learning Progression with Empirical SupportThe goal of this article is to present a proposed learning progression, organized around two dimensions,each ofwhich integrates practice and metamodeling knowledge.We refer to these key integrative dimensions as ‘‘Models as generative tools for predicting and explaining’’ and ‘‘Models change as our understanding improves.’’ We present illustrations of student performance and understanding along each of these dimensions drawn from several empirical investigations involving elementary and middle school students. We use excerpts from these data, which include written assessments of student reasoning with models, reflective interviews about modeling practice, and classroom discourse during modeling activities, to identify aspects of performance and understanding that are evidenced in students’ work, and those which may not be achieved. The data help elucidate the meaning of the dimensions of the progression, and help distinguish between various levels of performance. The data are not intended as a test of a particular curriculum or teaching approach, or an overall validation of the progression. Rather, the data help illustrate what kinds of performances and understandings in modeling are possible with elementary and middle grades students, with appropriate support, and how they can be characterized using the learning progression.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การพัฒนาความก้าวหน้าการเรียนรู้ด้วยการสนับสนุนเชิงประจักษ์เป้าหมายของบทความนี้คือเพื่อนำเสนอความก้าวหน้าการเรียนรู้ที่จัดเป็นสองมิติ ซึ่งแต่ละมิติจะบูรณาการการปฏิบัติและความรู้ในการเปลี่ยนแปลงรูปแบบ เราเรียกมิติเชิงบูรณาการที่สำคัญเหล่านี้ว่า ''แบบจำลองเป็นเครื่องมือเชิงกำเนิดสำหรับการทำนายและ การอธิบาย'' และ ''แบบจำลองเปลี่ยนไปเมื่อความเข้าใจของเราดีขึ้น'' เรานำเสนอภาพประกอบของประสิทธิภาพและความเข้าใจของนักเรียนตามแต่ละมิติเหล่านี้ที่มาจากการตรวจสอบเชิงประจักษ์หลายครั้งที่เกี่ยวข้องกับนักเรียนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตอนต้น เราใช้ข้อความที่ตัดตอนมาจากข้อมูลเหล่านี้ ซึ่งรวมถึงการประเมินลายลักษณ์อักษรของการให้เหตุผลของนักเรียนด้วยแบบจำลอง การสัมภาษณ์แบบไตร่ตรองเกี่ยวกับการฝึกปฏิบัติในการสร้างแบบจำลอง และวาทกรรมในชั้นเรียนระหว่างกิจกรรมการสร้างแบบจำลอง เพื่อระบุแง่มุมของการปฏิบัติงานและความเข้าใจที่มีหลักฐานในงานของนักเรียน และแง่มุมที่อาจไม่ สามารถทำได้ ข้อมูลช่วยอธิบายความหมายของมิติของความก้าวหน้า และช่วยแยกแยะระหว่างประสิทธิภาพระดับต่างๆ ข้อมูลนี้ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการทดสอบหลักสูตรหรือแนวทางการสอนเฉพาะ หรือการตรวจสอบความก้าวหน้าโดยรวม แต่ข้อมูลนี้ช่วยแสดงให้เห็นว่าการแสดงและความเข้าใจประเภทใดที่เป็นไปได้สำหรับนักเรียนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตอนต้น พร้อมการสนับสนุนที่เหมาะสม และวิธีการกำหนดลักษณะนักเรียนโดยใช้ความก้าวหน้าในการเรียนรู้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

พัฒนาความก้าวหน้าในการเรียนรู้ด้วยการสนับสนุนจากประสบการณ์
วัตถุประสงค์ของบทความนี้คือการเสนอความก้าวหน้าการเรียนรู้ที่จัดขึ้นรอบสองมิติ
แต่ละองค์มีการผสมผสานความรู้เชิงปฏิบัติและเมตาโมเดลเข้าด้วยกัน เราเรียกมิติที่ครอบคลุมที่สำคัญเหล่านี้ว่า "แบบจำลองที่เป็นเครื่องมือในการสร้างการคาดการณ์และการตีความ" และ "แบบจำลองจะเปลี่ยนแปลงเมื่อเราเข้าใจมากขึ้น" เราได้นำเสนอผลงานและความเข้าใจของนักเรียนในมิติดังกล่าว ซึ่งมาจากการสำรวจเชิงประจักษ์หลายครั้งของนักเรียนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา เราใช้ข้อความที่ตัดตอนมาจากข้อมูลนี้รวมถึงการประเมินเป็นลายลักษณ์อักษรเกี่ยวกับการใช้เหตุผลของนักเรียนโดยใช้แบบจำลองการสัมภาษณ์ที่สะท้อนเกี่ยวกับการปฏิบัติในการสร้างแบบจำลองและคำพูดในชั้นเรียนระหว่างกิจกรรมการสร้างแบบจำลองเพื่อระบุด้านประสิทธิภาพและความเข้าใจที่พิสูจน์แล้วในการทำงานของนักเรียนและด้านที่อาจไม่สามารถทำได้ ข้อมูลเหล่านี้ช่วยในการชี้แจงความหมายของมิติความคืบหน้าและช่วยแยกแยะการเดิมพัน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

พัฒนากระบวนการเรียนรู้ด้วยการสนับสนุนเชิงประจักษ์
เป้าหมายของบทความนี้คือการนําเสนอความคืบหน้าของการเรียนรู้ที่แนะนําซึ่งจัดรอบสองมิติ,
แต่ละอย่างรวมความรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติและเมตาโมเดล เราเรียกมิติข้อมูลที่สําคัญเหล่านี้ว่า"แบบจําลองเป็นเครื่องมือในการสร้างการคาดการณ์และการตีความ"และ"แบบจําลองเปลี่ยนไปตามความเข้าใจของเรา" "เราแสดงตัวอย่างของประสิทธิภาพและความเข้าใจของนักเรียนในมิติเหล่านี้จากผลการสํารวจเชิงประจักษ์หลายประการที่เกี่ยวข้องกับนักเรียนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา เราใช้ข้อมูลสกัดจากข้อมูลเหล่านี้ซึ่งรวมถึงการประเมินผลที่เป็นลายลักษณ์อักษรของนักเรียนโดยใช้แบบจําลองการสัมภาษณ์แบบสะท้อนเกี่ยวกับการสร้างแบบจําลองและการอภิปรายในชั้นเรียนในระหว่างกิจกรรมการสร้างแบบจําลองเพื่อระบุประสิทธิภาพและความเข้าใจในการทํางานของนักเรียนและผู้ที่ไม่สามารถทําได้ ข้อมูลเหล่านี้ช่วยชี้แจงความหมายของมิติอนุกรมและช่วยแยกความแตกต่างระหว่างระดับประสิทธิภาพที่แตกต่างกัน ข้อมูลเหล่านี้ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นหลักสูตรเฉพาะหรือการทดสอบวิธีการสอนหรือการยืนยันความคืบหน้า ตรงกันข้ามข้อมูลเหล่านี้ช่วยอธิบายว่านักเรียนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตอนต้นสามารถทําอะไรได้บ้างในการสร้างแบบจําลองและความเข้าใจและวิธีการใช้ความคืบหน้าในการเรียนรู้เพื่ออธิบายลักษณะของพวกเขา