Agricultural Extension Model for Co

Agricultural Extension Model for Community Self-Reliance: A Case of Thailand
Thailand deems agricultural extension crucial for agricultural sustainable development in terms of promoting possible change in individuals or groups when coping with appropriat technology,while aiming for quality products,as well as a better quality of life, through the training &visiting system.From time to time,the agricultural extension agent (EA) would be talking knowledge from the knowledge resource to farmers and taking problems in order to find out solutions from knowledge resource center. The EA would therefore,serve as teacher and coordinator. Up to present information era, farmers have been able to learn or find. Out their required information directly from existing knowledge through media around them.
Therefore with the current agricultural extension emphasis upon communities' and farmers' self -reliance, the objectives of this research on the agricultural extension model for community self -reliance were to:1) study and evaluate the general circumstances of communities concerned 2) study participatory action of communities in their self -reliance with regard to agricultural extension 3) develop agricultural extension for self -reliance of community and 4) try out the agricultural extension model for the self -reliance at the agricultural extension center. They were from 6 provinces in this region and there was and EA total of 130 persons. By interviewing, group discussion, experiment knowledge, and the media package for technology transfer.
From the study, it was found that informations' obtained 75% of their knowledge from :the community's information tower, 59.2% from agricultural village leaders, and 50.0% from Sub-District Agricultural Technology Transfer and Service Center. Information obtained by their main occupation, members' source of information included independent self-study, which was at 76.7%, neighbors (68.3%), television (64.2%), and from government officials (50.8%). Information obtained on their subordinate occupation, members' sources of information include independent self-study at 80.0%, from neighbors(68.3%), government officials (55.8%) and leaders (51.7%). Participants obtained information on life skills (savings, sufficiency living, morality, physical, and mental health etc.) gained: members' sources of information included independent self-study at 72.5%, from neighbors (49.2%), and knowledge relating to culture (grouping, natural preservation, religious activity and rituals). Knowledge required for development consistsed of better living, marketing, processing, packaging, agro-tour ism.
The model shows the EA and disseminate knowledge to other communities. To achieve this endeavor, an agricultural extension agent must increase his/her role though exchanging and sharing learning, thinking and implementating together with farmers rather than being an instructor or resource person. Arising from the above concept,the agricultural extension model will begin with farmers and communities working through the analytical systems thinking process so as to find out farmers' or communities' problems. Apart from learning about farmers or communities' problems and their limitations, the EA will discover tacit knowledge of farmers, communities, and local indigenous wisdom via exchanging and sharing leaning process.
The extension guidelines that agricultural extension agent gleams from the knowledge bank should be in accordance with concept and theory. In case of practice, the EA must determine whether or not it is really practical. Also taken into consideration is that the farmers is using agricultural extension philosophy of the self-reliance concept for sustainable development. Thus, it is highly recommended that agricultural extension agent should learn with farmers in order to gain appropriat innovation for potential solutions, or building a new model of agricultural development quidelines as the transfer of innovation via communition principle-SMCR. The primary concern of AEG is good communition with the receiver or farmer, in order to consider basic characteristics, such as, needs, attitude, and materials or equipment for receiving such innovation. Besides the transfer of knowledge to farmers, it is also recommended that the agricultural extension agent publicize the innovation acquired to the general public, so that the study of that innovation can be conducted for further development with better appropriateness

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

รูปแบบการเกษตรสำหรับชุมชนพึ่งพาตนเอง: กรณีของประเทศไทยไทยเห็นว่าเกษตรในการพัฒนาเกษตรยั่งยืนในด้านการส่งเสริมบุคคลหรือกลุ่มสามารถเปลี่ยนเมื่อเผชิญกับเทคโนโลยี appropriat ในขณะที่เป้าหมายสำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ตลอดจนการพัฒนาคุณภาพชีวิต ผ่านการฝึกอบรม และเยี่ยมชมระบบครั้ง ตัวแทนเกษตร (EA) จะพูดความรู้จากทรัพยากรความรู้แก่เกษตรกร และมีปัญหาเพื่อที่จะหาโซลูชั่นจากศูนย์ทรัพยากรข้อมูลความรู้ ดังนั้น อีเอจะทำหน้าที่เป็นครูผู้สอนและผู้ประสานงาน ถึงปัจจุบันข้อมูลยุค เกษตรกรได้สามารถเรียนรู้ หรือค้นหา ข้อมูลความจำเป็นโดยตรงจากความรู้ที่มีอยู่ผ่านสื่อรอบ ๆดังนั้น โดยเน้นเกษตรปัจจุบันของชุมชนและเกษตรกรด้วยตนเอง - พึ่ง วัตถุประสงค์ของงานวิจัยนี้การเกษตรสำหรับชุมชนตนเอง - พึ่งได้: 1) ศึกษา และประเมินสถานการณ์ทั่วไปของชุมชนเกี่ยวข้อง 2 ศึกษาดำเนินการมีส่วนร่วมของชุมชนของตนเอง-พึ่งเกี่ยวกับเกษตร 3) พัฒนาเกษตรสำหรับตนเอง-พึ่งของชุมชนและ 4 ลองออกแบบเกษตรสำหรับตนเอง-พึ่งศูนย์เกษตร พวกจาก 6 จังหวัดในภูมิภาคนี้ และมีเอจำนวน 130 คนและ โดยการสัมภาษณ์ข้อมูลส่วนตัว สนทนากลุ่ม ทดสอบความรู้ และชุดสื่อสำหรับการถ่ายโอนเทคโนโลยีจากการศึกษา พบว่า ของรายละเอียดรับ 75% ของความรู้จาก: ทาวเวอร์ข้อมูลของชุมชน 59.2% จากผู้นำหมู่บ้านเกษตร และ 50.0% จากตำบลเกษตรเทคโนโลยีถ่ายโอนและศูนย์บริการ ข้อมูลที่ได้รับ โดยอาชีพหลักของพวกเขา แหล่งข้อมูลสมาชิกรวมหลักอิสระ ที่ 76.7% บ้าน (68.3%), ทีวี (64.2%), และ จากเจ้าหน้าที่ของรัฐ (50.8%) ข้อมูลที่ได้รับในอาชีพรองของพวกเขา แหล่งข้อมูลสมาชิกรวมหลักอิสระที่ 80.0%, neighbors(68.3%) เจ้าหน้าที่ของรัฐ (55.8%) และผู้นำ (51.7%) ผู้เรียนได้รับทักษะชีวิต (ประหยัด ชีวิตพอเพียง ศีลธรรม สุขภาพกาย และจิตใจฯลฯ) ได้รับข้อมูล: แหล่งข้อมูลสมาชิกรวมหลักอิสระที่ 72.5% จากเพื่อนบ้าน (49.2%), และความรู้ที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรม (จัดกลุ่ม อนุรักษ์ธรรมชาติ กิจกรรมทางศาสนา และพิธีกรรม) ความรู้จำเป็นสำหรับพัฒนา consistsed ของชีวิตที่ดี การตลาด ประมวลผล บรรจุภัณฑ์ ism เกษตรท่องเที่ยวแบบแสดงอีเอ และสืบสานความรู้สู่ชุมชนอื่น ๆ เพื่อให้บรรลุนี้แข่งขัน ตัวแทนเกษตรต้องเพิ่มบทบาทเขา/เธอว่าการแลกเปลี่ยน และร่วมกันเรียน รู้ ความคิดและ implementating ร่วมกับเกษตรกร มากกว่าที่เป็นการสอนหรือทรัพยากรบุคคล เกิดจากแนวคิดข้างต้น รูปแบบการเกษตรจะเริ่ม มีเกษตรกรและชุมชนที่ทำงานผ่านระบบวิเคราะห์กระบวนการคิดเพื่อค้นหาปัญหาของเกษตรกรหรือชุมชน นอกจากเรียนรู้เกี่ยวกับเกษตรกร หรือปัญหาของชุมชน และข้อจำกัดของพวกเขา EA จะค้นพบความรู้ tacit ของเกษตรกร ชุมชน และภูมิปัญญาท้องถิ่นพื้นเมืองผ่านการแลกเปลี่ยน และร่วมกระบวนการลำแนวทางต่อที่เกษตรดูเสมือนตัวแทนจากธนาคารความรู้ควรเป็นไปตามแนวคิดและทฤษฎี ในกรณีที่การปฏิบัติ อีเอต้องกำหนดว่า จะปฏิบัติจริง ๆ นอกจากนี้ยัง นำมาพิจารณาได้ว่า เกษตรกรที่ใช้เกษตรปรัชญาแนวคิดการพึ่งพาตนเองเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ดังนั้น มันกแทนเกษตรที่ควรเรียนรู้กับเกษตรกรเพื่อให้ได้นวัตกรรม appropriat เป็นโซลูชั่น หรือสร้างรูปแบบใหม่ของการพัฒนาด้านการเกษตร quidelines เป็นการโอนย้ายของนวัตกรรมผ่าน communition หลัก SMCR ความกังวลหลักของ AEG communition ดีกับตัวรับสัญญาณ หรือ เกษตรกร การพิจารณาลักษณะพื้นฐาน เช่น ต้อง ทัศนคติ และวัสดุ หรืออุปกรณ์สำหรับการรับนวัตกรรมดังกล่าวได้ นอกจากถ่ายทอดความรู้แก่เกษตรกร นอกจากนี้ยังแนะนำว่า ตัวแทนการเกษตรประชาสัมพันธ์นวัตกรรมเพื่อประชาชน เพื่อให้สามารถดำเนินการศึกษานวัตกรรมที่พัฒนาเพิ่มเติม ด้วยความดี

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ส่งเสริมการเกษตรแบบจำลองเพื่อการพึ่งตนเองของชุมชน: กรณีของประเทศไทย
ประเทศไทยเห็นว่าการส่งเสริมการเกษตรที่สำคัญสำหรับการพัฒนาที่ยั่งยืนทางการเกษตรในแง่ของการส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปได้ในบุคคลหรือกลุ่มเมื่อการรับมือกับเทคโนโลยี appropriat ขณะที่เล็งสำหรับสินค้าที่มีคุณภาพเช่นเดียวกับที่มีคุณภาพที่ดีขึ้น ชีวิตที่ผ่านการฝึกอบรมและการไปเยือนครั้ง system.From เวลา, ตัวแทนส่งเสริมการเกษตร (EA) จะพูดคุยความรู้จากแหล่งความรู้ให้กับเกษตรกรและการปัญหาในการที่จะหาโซลูชั่นจากความรู้ศูนย์ทรัพยากร EA จึงจะทำหน้าที่เป็นครูและผู้ประสานงาน จนถึงปัจจุบันยุคข้อมูลเกษตรกรได้รับสามารถที่จะเรียนรู้หรือหา . เอาข้อมูลที่จำเป็นของพวกเขาความรู้โดยตรงจากที่มีอยู่ผ่านสื่อรอบตัวพวกเขา
ดังนั้นด้วยการส่งเสริมการเกษตรในปัจจุบันเน้นในเรื่องของชุมชนและเกษตรกร -reliance ตนเองวัตถุประสงค์ของงานวิจัยนี้ในรูปแบบการส่งเสริมการเกษตรสำหรับชุมชน -reliance ตนเองมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) การศึกษาและประเมินสถานการณ์ทั่วไปของชุมชนที่เกี่ยวข้อง 2) การศึกษาการดำเนินการมีส่วนร่วมของชุมชนใน -reliance ตนเองของพวกเขาเกี่ยวกับการส่งเสริมการเกษตร 3) การพัฒนางานส่งเสริมการเกษตรสำหรับ -reliance ตนเองของชุมชนและ 4) การทดลองใช้รูปแบบการส่งเสริมการเกษตรสำหรับตัวเอง - ความเชื่อมั่นที่ศูนย์ส่งเสริมการเกษตร พวกเขามาจาก 6 จังหวัดในภูมิภาคนี้และมีและ EA จำนวน 130 คน โดยการสัมภาษณ์การสนทนากลุ่มความรู้ทดลองและแพคเกจสื่อสำหรับการถ่ายโอนเทคโนโลยี.
จากการศึกษาพบว่าข้อมูล 'ที่ได้รับ 75% ของความรู้ของพวกเขาจาก: หอข้อมูลของชุมชน 59.2% จากผู้นำหมู่บ้านการเกษตรและ 50.0% จากตำบลถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรและศูนย์บริการ ข้อมูลที่ได้จากการประกอบอาชีพหลักของพวกเขาแหล่งที่มาของสมาชิกของข้อมูลรวมถึงการศึกษาด้วยตนเองเป็นอิสระซึ่งอยู่ที่ 76.7% เพื่อนบ้าน (68.3%), โทรทัศน์ (64.2%) และจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ (50.8%) ข้อมูลที่ได้ในการประกอบอาชีพของผู้ใต้บังคับบัญชาของพวกเขาแหล่งที่มาของสมาชิกของข้อมูลรวมถึงการเรียนรู้ด้วยตนเองเป็นอิสระที่ 80.0% จากเพื่อนบ้าน (68.3%) ข้าราชการ (55.8%) และผู้นำ (51.7%) ผู้เข้าร่วมได้รับข้อมูลเกี่ยวกับทักษะชีวิต (เงินฝากออมทรัพย์และการใช้ชีวิตพอเพียง, ศีลธรรม, ทางร่างกาย, และอื่น ๆ สุขภาพจิต) ได้รับ: แหล่งที่มาของสมาชิกของข้อมูลรวมถึงการศึกษาด้วยตนเองอิสระที่ 72.5% จากเพื่อนบ้าน (49.2%) และความรู้ที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรม (การจัดกลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติ, กิจกรรมทางศาสนาและพิธีกรรม) ความรู้ที่จำเป็นสำหรับการพัฒนา consistsed ของการใช้ชีวิตที่ดีขึ้น, การตลาด, การประมวลผลบรรจุภัณฑ์ลัทธิเกษตรการท่องเที่ยว.
แสดงให้เห็นรูปแบบของอีเอและเผยแพร่ความรู้ให้กับชุมชนอื่น ๆ เพื่อให้บรรลุถึงความพยายามนี้ตัวแทนส่งเสริมการเกษตรต้องเพิ่ม / บทบาทของเธอของเขาแม้ว่าการแลกเปลี่ยนและแบ่งปันการเรียนรู้การคิดและการดำเนินงานตามกันกับเกษตรกรแทนที่จะเป็นคนที่สอนหรือทรัพยากร ที่เกิดขึ้นจากแนวคิดข้างต้นรูปแบบการส่งเสริมการเกษตรจะเริ่มต้นกับเกษตรกรและชุมชนการทำงานผ่านระบบการวิเคราะห์กระบวนการคิดเพื่อหาปัญหาของเกษตรกรหรือชุมชน ' นอกเหนือจากการเรียนรู้เกี่ยวกับเกษตรกรหรือชุมชนปัญหาและข้อ จำกัด ของพวกเขาอีเอจะค้นพบความรู้ของเกษตรกรชุมชนและภูมิปัญญาของชนพื้นเมืองในท้องถิ่นผ่านการแลกเปลี่ยนและแบ่งปันกระบวนการเอน.
แนวทางการขยายที่การเกษตรขยายตัวแทนสะท้อนจากความรู้ที่ธนาคารควรจะอยู่ใน สอดคล้องกับแนวคิดและทฤษฎี ในกรณีของการปฏิบัติ EA ต้องกำหนดหรือไม่เป็นจริงจริงๆ นอกจากนี้ยังนำเข้าสู่การพิจารณาคือเกษตรกรจะใช้ปรัชญาการส่งเสริมการเกษตรของแนวคิดการพึ่งตนเองเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ดังนั้นจึงขอแนะนำว่าตัวแทนส่งเสริมการเกษตรควรจะเรียนรู้กับเกษตรกรเพื่อให้ได้นวัตกรรม appropriat สำหรับการแก้ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นหรือการสร้างรูปแบบใหม่ของการพัฒนาการเกษตรหลักเกณฑ์การโอนของนวัตกรรมผ่าน communition หลักการ SMCR ความกังวลหลักของ AEG เป็น communition ที่ดีกับตัวรับสัญญาณหรือเกษตรกรเพื่อพิจารณาลักษณะพื้นฐานเช่นความต้องการทัศนคติและวัสดุหรืออุปกรณ์ในการรับนวัตกรรมดังกล่าว นอกจากการถ่ายทอดความรู้ให้กับเกษตรกรก็จะแนะนำว่าตัวแทนส่งเสริมการเกษตรเผยแพร่นวัตกรรมที่ได้มาให้กับประชาชนทั่วไปเพื่อให้การศึกษาของนวัตกรรมที่สามารถดำเนินการเพื่อการพัฒนาต่อไปด้วยความเหมาะสมดีกว่า

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

รูปแบบการส่งเสริมการเกษตรเพื่อการพึ่งตนเองของชุมชน : กรณีประเทศไทย
ประเทศไทยเห็นว่า การส่งเสริมการเกษตร ที่สำคัญ เพื่อการพัฒนาการเกษตรที่ยั่งยืนในแง่ของการเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปได้ในบุคคลหรือกลุ่มบุคคล เมื่อเผชิญกับ appropriat เทคโนโลยีในขณะที่มีเป้าหมายสำหรับผลิตภัณฑ์คุณภาพ ตลอดจนมีคุณภาพชีวิตที่ดีผ่านการฝึกอบรม&เข้าระบบ จาก เวลา ,the agricultural extension agent (EA) would be talking knowledge from the knowledge resource to farmers and taking problems in order to find out solutions from knowledge resource center. The EA would therefore,serve as teacher and coordinator. Up to present information era, farmers have been able to learn or find. Out their required information directly from existing knowledge through media around them.
Therefore with the current agricultural extension emphasis upon communities' and farmers' self -reliance, the objectives of this research on the agricultural extension model for community self -reliance were to:1 ) วิเคราะห์และประเมินผลสถานการณ์ทั่วไปของชุมชนที่เกี่ยวข้อง 2 ) เพื่อศึกษากระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนในการพึ่งพาตนเองของพวกเขาเกี่ยวกับการส่งเสริมการเกษตร 3 ) พัฒนาส่งเสริมการเกษตรเพื่อการพึ่งตนเองของชุมชน และ 4 ) พยายามออกรูปแบบการส่งเสริมการเกษตรเพื่อการพึ่งตนเอง ที่ศูนย์ส่งเสริมการเกษตรพวกเขา จาก 6 จังหวัด ในภูมิภาคนี้ และมี และ EA ทั้งหมด 130 คน โดยการสัมภาษณ์ การสนทนากลุ่ม มีการทดลอง และชุดสื่อเพื่อการถ่ายทอดเทคโนโลยี .
จากการศึกษาพบว่ารายละเอียด ' ได้รับ 75% ของความรู้จาก : หอข้อมูลชุมชน ร้อยละ 59.2 จากผู้นำหมู่บ้านเกษตรและ 500% from Sub-District Agricultural Technology Transfer and Service Center. Information obtained by their main occupation, members' source of information included independent self-study, which was at 76.7%, neighbors (68.3%), television (64.2%), and from government officials (50.8%). Information obtained on their subordinate occupation,สมาชิกแหล่งข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ 80.0 อิสระด้วยตนเอง ที่ จากเพื่อนบ้าน ( 68.3 % ) ข้าราชการ ( 5 % ) และผู้นำ ( ตนเอง % ) ผู้เข้าร่วมได้รับข้อมูลเกี่ยวกับทักษะชีวิต ( ประหยัด พอเพียง ใช้ชีวิต คุณธรรม สุขภาพกาย สุขภาพจิต ฯลฯ ) ได้รับแหล่งที่มาของข้อมูล : สมาชิกรวมอิสระด้วยตนเองที่ 72.5 เปอร์เซ็นต์ จากเพื่อนบ้าน ( 49.2 % )และความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรม ( กลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติ กิจกรรมทางศาสนาและพิธีกรรม ) ความรู้ที่จำเป็นสำหรับการพัฒนา consistsed ของชีวิตที่ดี การตลาด การแปรรูป การบรรจุ เกษตรทัวร์ลัทธิ .
รูปแบบแสดง EA และเผยแพร่ความรู้สู่ชุมชนอื่น ๆ เพื่อให้บรรลุงานนี้ an agricultural extension agent must increase his/her role though exchanging and sharing learning, thinking and implementating together with farmers rather than being an instructor or resource person. Arising from the above concept,the agricultural extension model will begin with farmers and communities working through the analytical systems thinking process so as to find out farmers' or communities' problems. Apart from learning about farmers or communities' problems and their limitations, the EA will discover tacit knowledge of farmers, communities, and local indigenous wisdom via exchanging and sharing leaning process.
การขยายแนวทางที่เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรกับแสงสว่างจากธนาคารความรู้ควรสอดคล้องกับแนวคิดและทฤษฎี . ในกรณีของการปฏิบัติ , EA ต้องพิจารณาหรือไม่เป็นจริงในทางปฏิบัติ ยังพิจารณาที่เกษตรกรใช้ในการส่งเสริมการเกษตรของปรัชญาแนวคิดการพึ่งตนเองเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ดังนั้นขอแนะนำว่า เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรควรเรียนรู้กับเกษตรกรเพื่อให้ได้นวัตกรรม appropriat สำหรับโซลูชั่นที่มีศักยภาพหรือสร้างรูปแบบใหม่ของการพัฒนาการเกษตร เช่น ศึกษาการนวัตกรรมผ่านการสื่อสารหลักการ smcr . ความกังวลหลักของเวลาดี การสื่อสารกับผู้รับ หรือชาวนา เพื่อพิจารณาลักษณะพื้นฐาน such as, needs, attitude, and materials or equipment for receiving such innovation. Besides the transfer of knowledge to farmers, it is also recommended that the agricultural extension agent publicize the innovation acquired to the general public, so that the study of that innovation can be conducted for further development with better appropriateness