Many of the basic ideas that animat

Many of the basic ideas that animated the human rights movement developed in the aftermath of the Second World War and the atrocities of The Holocaust,[6] culminating in the adoption of the Universal Declaration of Human Rights in Paris by the United Nations General Assembly in 1948. Ancient peoples did not have the same modern-day conception of universal human rights.[11] The true forerunner of human rights discourse was the concept of natural rights which appeared as part of the medieval natural law tradition that became prominent during the Enlightenment with such philosophers as John Locke, Francis Hutcheson, and Jean-Jacques Burlamaqui, and which featured prominently in the political discourse of the American Revolution and the French Revolution.[6] From this foundation, the modern human rights arguments emerged over the latter half of the twentieth century,[12] possibly as a reaction to slavery, torture, genocide, and war crimes,[6] as a realization of inherent human vulnerability and as being a precondition for the possibility of a just society.[5]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

แนวความคิดพื้นฐานที่เคลื่อนไหวเคลื่อนไหวสิทธิมนุษยชนมากมายพัฒนาผลพวงของสงครามโลกครั้งสองและในยามสงครามของ The Holocaust, [6] จบในการยอมรับของในปฏิญญาสากลของสิทธิมนุษยชนในปารีสโดยสหประชาชาติสมัชชาในค.ศ. 1948 คนโบราณไม่ได้มีความคิดอันเดียวกันของสิทธิมนุษยชนสากล [11] คิวการจริงของวาทกรรมสิทธิมนุษยชนถูกแนวคิดสิทธิตามธรรมชาติซึ่งปรากฏเป็นส่วนหนึ่งของประเพณีกฎหมายธรรมชาติยุคกลางเป็นที่โดดเด่นระหว่างธรรมกับนักปรัชญาเช่นจอห์นล็อก Francis ปรัชญา และ Jean-Jacques Burlamaqui และซึ่งที่โดดเด่นจึงในวาทกรรมทางการเมืองของการปฏิวัติอเมริกันและการปฏิวัติฝรั่งเศส [6] จากมูลนิธินี้ อาร์กิวเมนต์สมัยสิทธิมนุษยชนเกิดช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ยี่สิบ, [12] อาจเป็นแบบปฏิกิริยา การทาส ทรมาน พันธุฆาต อาชญากรรมสงคราม, [6] เป็นสำนึกของมนุษย์โหว่แต่กำเนิด และเป็น เงื่อนไขสำหรับของสังคมเพียง [5]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

หลายความคิดพื้นฐานที่เคลื่อนไหวการเคลื่อนไหวสิทธิมนุษยชนการพัฒนาในผลพวงของสงครามโลกครั้งที่สองและโหดของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ [6] สูงสุดในการยอมรับของปฏิญญาสากลของสิทธิมนุษยชนในกรุงปารีสโดยสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติใน ปี 1948 ผู้คนโบราณไม่ได้มีความคิดที่ทันสมัย​​วันเดียวกันของสิทธิมนุษยชนสากล. [11] บรรพบุรุษที่แท้จริงของสิทธิมนุษยชนวาทกรรมที่เป็นแนวคิดของสิทธิตามธรรมชาติที่ปรากฏเป็นส่วนหนึ่งของประเพณีกฎธรรมชาติในยุคกลางที่กลายเป็นที่โดดเด่นในช่วงการตรัสรู้ กับนักปรัชญาเช่นจอห์นล็อค, ฟรานซิสฮัทซ์และ Jean-Jacques Burlamaqui และที่เด่นผงาดในวาทกรรมทางการเมืองของการปฏิวัติอเมริกาและการปฏิวัติฝรั่งเศส. [6] จากมูลนิธินี้, ข้อโต้แย้งสิทธิมนุษยชนที่ทันสมัย​​โผล่ออกมาในช่วงครึ่งหลัง ของศตวรรษที่ยี่สิบ [12] อาจเป็นปฏิกิริยาที่เป็นทาสทรมาน, การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และก่ออาชญากรรมสงคราม [6] เป็นสำนึกของช่องโหว่ของมนุษย์โดยธรรมชาติและเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับความเป็นไปของสังคมเพียงที่. [5]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

มากมายของแนวคิดพื้นฐานที่เคลื่อนไหวสิทธิมนุษยชนขบวนการพัฒนาในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง และความโหดร้ายของความหายนะ [ 6 ] culminating ในการยอมรับของปฏิญญาสากลของสิทธิมนุษยชนในปารีสโดยสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติในปี 1948 คนโบราณมีความคิดสมัยเดียวกันของสิทธิมนุษยชนสากล[ 11 ] เป็นเอกสารที่แท้จริงของวาทกรรมสิทธิมนุษยชน แนวธรรมชาติ สิทธิซึ่งปรากฏเป็นส่วนหนึ่งของยุคกลางกฎหมายธรรมชาติ ประเพณีที่กลายเป็นที่โดดเด่นในระหว่างการตรัสรู้กับนักปรัชญา เช่น จอห์น ฟรานซิส และ ฌอง ฌาคส์ burlamaqui Hutcheson , และที่เด่นผงาดในวาทกรรมทางการเมืองของการปฏิวัติอเมริกาและการปฏิวัติฝรั่งเศส[ 6 ] จากมูลนิธินี้ สมัยใหม่การสิทธิมนุษยชนเกิดขึ้นกว่าครึ่งหลังของศตวรรษที่ยี่สิบ , [ 12 ] อาจเป็นปฏิกิริยากับทาส การทรมาน การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และอาชญากรรมสงคราม [ 6 ] เป็นตระหนักถึงความอ่อนแอของมนุษย์ที่แท้จริง และเป็นสิ่งที่จําเป็นสําหรับความเป็นไปได้ของสังคมที่เป็นธรรม . 5 ]