ฐานที่ ๑ ประวัติปราสาท ปรางค์กู่
กลางอำเภอปรางค์กู่ มีหมู่บ้านชาวกูยเล็ก ๆ ที่ชัดเจนเอกลักษณ์ทั้งภาษาพูด เครื่องแต่งกาย และวิถีชีวิตรวมถึงวัฒนธรรมอันน่าศึกษา ศานสถานแห่งหนึ่งเคียงคู่พวกเขามาเนิ่นนาน เก่าแก่ก่อนการมาปักหลักฝังราก ยาวไกลไปจนถึงสมัยวัฒนธรรมขอมแผ่คลุมพื้นที่อีสานใต้ ตัวปรางค์ก่อด้วยแผ่นอิฐยกแผ่น คล้ายที่ปราสาทศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ ตกทอดความเก่าแก่มานานับพันปี จากคติฮินดูสู่การนับถือพุทธที่สังเกตได้จากยอดขององค์ปรางค์ รายรอบด้วยบาราย-สระน้ำโบราณตามแผนผัง การสร้างอโรคยาศาลของขอมโบราณ ที่ยามเมื่อหน้าหนาวมาเยือน บารายแห่งนี้คือที่พักของนกอพยพมากมายอย่างเป็ดแดง เป็ดก่า เป็นอีกความรื่นรมย์บนแผ่นดินโบราณที่สัมผัสได้หากผ่านมาเยือนปราสาทปรางค์กู่ ทับหลังและลวดลายจำหลักแม้ลบเลือน หากทว่าทางกรมศิลปากรได้จัดสร้างทับหลังองค์จำลองไว้ที่ด้านหน้าปราสาท ให้คุณสามารถทอดตามองรูปรอยเชิงช่างอันวิจิตรในการแกะสลักแผ่นหินเพื่อสะท้อนคติความเชื่อทางศาสนาของผู้คในยุคโบราณนับพันปีก่อน กลางแผ่นหิน ลวดลาย และความขรึมขลังเงียบงันของโบราณสถานแห่งหนึ่ง หากใครสักคนได้มาเยือนปราสาทปรางค์กู่ ที่ตรงนั้นพร้อมที่จะยืนยันอย่างชัดเจนว่า แผ่นดินใดแผ่นดินหนึ่งล้วนมีประวัติศาสตร์เป็นของตนเองเก่าแก่และคงทนตราบเท่าที่ผู้คนตรงนั้นยังหวงแหนและพร้อมจะเก็บรักษามันไว้การเดินทาง ปราสาทปรางค์กู่สามารถเดินทางได้ 2 เส้นทาง คือ เส้นทางศรีสะเกษ-สุรินทร์ แยกซ้ายเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2234 หรือเส้นทางศรีสะเกษ-ขุขันธ์ แยกขวาเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2167 ปรางค์กู่อยู่ห่างจากตัวอำเภอปรางค์กู่ ประมาณ 10 กิโลเมตร
ฐานที่ 2 พิพิธภัณฑ์ เครื่องใช้โบราณชาวกูย
ได้มีใช้ขึ้นมาตั้งแต่ สมัย กรุงศรีอยุธยา ซึ่งปัจจุบันได้มี การ เก็บรักษาไว้ ณ วัดบ้าน กู่ เพื่อให้ผู้ที่สนใจศึกษาได้เข้าชม เครื่องมือเครื่องใช้ได้มีหลายอย่าง ได้แก่ ดาบ ไม้พาย ไห หีบเก็บสมบัติ ตะกร้าที่สานจากไม้ไผ่ ไม้หาบ เขาควาย กระบวย ตะกร้าใส่เสื้อผ้า เตียงไม้โบราณ กระบอกเก็บเอกสาร ฆ้อง ระฆัง เครื่องมือ อุปกรณ์การทอผ้า และอื่นๆ
นอกจากเครื่องมือ จะบ่งบอกถึง วิถีความเป็นอยู่แล้ว มันก็ยังบอกถึงความเจริญทางวัฒนธรรม และที่สำคัญคือ ความเป็นปราชญ์ด้านภูมิปัญญา ของบรรรพบุรุษเรา ที่สามารถประดิษฐ์คิดค้นเครื่องมือ มาเป็นสิ่งประกอบในการทำมาหากินของบรรพบุรุษเราในสมัยนั้น
ฐานที่ 3 การแต่งกาย ของชาวกูย
การแต่งกายของเผ่ากูยจะมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ซึ่งการแต่งกายของชายและหญิงจะไม่เหมือนกัน ผู้หญิง จะใส่เสื้อแก๊ป
ผ้าถุง และก็ สไบ ส่วนผู้ชายก็จะมีเสื้อแก๊ป แขน นุ่งสโร่ง สไบพาดไหล่ทั้ง 2 ข้าง และมีผ้าขาวม้าคาดเอว
ฐานที่ 4 อาหาร พื้นบ้าน
กือแหวกือตาม (แกงมันปู) เรียกเป็นภาษาไทยกลางว่า แกงมันปูเป็นอาหารพื้นบ้านที่
ชาวกูยนิยมและมีมาแต่ดั้งเดิม มีส่วนประกอบที่สำคัญ ดังนี้
1. ปู 2. พริกแห้ง 3. ข่า 4. ตะไคร้ 5. กระชาย 6. หอมแดง 7. กระเทียม 8. ยอดมะขามหรือมะขามเปียก 9.กบ 10. เกลือ / น้ำาปลา
10. ใบกะเพรา
กือแหวกือตาม ตามสูตรชาวกูยบ้านกู่ มีขั้นตอนวิธีทำ ดังนี้
1. หากะปูหรือ กือตามให้ได้ประมาณพอแกง แล้วเอากะปูล้างน้ำให้สะอาดแล้วแกะ
ส่วนที่เป็นขี้ออก เอาส่วนที่กินได้ใส่ครก ตาให้ละเอียด ตักออกจากครกใส่ภาชนะ เทน้ำสะอาดพอประมาณ กรองเอาแต่น้ำ
2. ขั้นตอนต่อไปเตรียมพริกแห้ง ข่า ตะไคร้ กระชาย หอม กระเทียม ให้เหมาะสมกับ น้ำกะปูที่กรองเอาไว้ แล้วเอาใส่ครกตำให้ละเอียด ปรุงใส่น้ำกะปูที่กรองไว้
3. ตั้งหม้อต้มน้ำกะปูที่ปรุงเครื่องแล้วพอน้ำเดือดใส่ยอดมะขามหรือมะขามเปียก หรือ จะใส่ผักดอกแคก็ได้ถ้ามี ใส่เกลือ หรือน้ำปลาและใบกะเพรา (ในอดีตไม่มีผงชูรส) ทิ้งไ ว้ให้หม้อแกงเดือด พอสุกชิมดูรสอาหารได้พอดีแล้วยก ลงจากเตาไฟ รับประทานได้
ความรู้สึกและความประทับใจ
ในการไปศึกษาแหล่งเรียนรู้ ที่บ้านกู่ ครั้งนี้ ทำให้ ดิฉันได้เห็นถึงวัฒนธรรมของ ชาวบ้านหลายๆด้าน เช่น การแต่งกาย การพูดที่มีภาษาที่เป็น เอกลักษณ์ ประวัติความเป็นมาของปราสาทปรางค์กู่ ได้ร่วมกิจกรรมกับเพื่อนๆ อาหารพื้นบ้านที่แสนอร่อย