2) Statins: Analysis of large trial

2) Statins: Analysis of large trials and meta-analysis suggests that dyslipidaemia aggravates the progressive decline of renal function in patients with CKD (Griffin & Lightstone, 2013). Evidence in the literature indicates that use of statins can reduce (plaque) inflammation, vascular stiffness and endothelial dysfunction. However, there are conflicts in the evidence regarding the merits of statins in CKD (Griffin & Lightstone, 2013; Chong, et al., 2011). The Study of Heart and Renal Protection trial about the use of statin therapy did not show any decrease in progression of renal failure but shows significant cardiovascular advantages (Griffin & Lightstone, 2013). Therefore, statin treatment should be given with the aim of reducing cardiovascular risk in accordance with the guidelines (Griffin & Lightstone, 2013; Chong, et al., 2011). Low cholesterol dietary intake and adequate exercise is also necessary in the treatment of hyperlipidaemia. This is relevant for all those with renal insufficiency, particularly those at increased risk due to SLE. If deterioration is inevitable or renal

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

2) Statins: วิเคราะห์ทดลองขนาดใหญ่และวิเคราะห์แสดงให้เห็นว่า dyslipidaemia aggravates ลดลงก้าวหน้าของการทำงานของไตในผู้ป่วยโรคไต (กริฟฟอนและเอ็น., 2013) หลักฐานในวรรณคดีบ่งชี้ว่า การใช้ statins สามารถลดอักเสบ (โรคเหงือก) หลอดเลือดแข็ง และบุผนังหลอดเลือดผิดปกติ อย่างไรก็ตาม มีข้อขัดแย้งในหลักฐานที่เกี่ยวกับข้อดีของ statins ในโรคไต (กริฟฟอนและเอ็น., 2013 ปากช่อง et al. 2011) การศึกษาของหัวใจและไตป้องกันทดลองเกี่ยวกับการใช้ของสแตตินบำบัดไม่ได้แสดงการลดอาการไตวาย แต่แสดงประโยชน์หัวใจสำคัญ (กริฟฟอนและเอ็น., 2013) ดังนั้น สแตตินการรักษาควรได้รับกับเป้าหมายของการลดความเสี่ยงหลอดเลือดหัวใจตามแนวทาง (กริฟฟอนและเอ็น., 2013 ปากช่อง et al. 2011) บริโภคอาหารไขมันต่ำและออกกำลังกายที่พอจะจำเป็นในการรักษา hyperlipidaemia นี้จะเกี่ยวข้องทั้งหมดที่มีไตไม่เพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเนื่องจาก SLE ถ้าเสื่อมสภาพของไต หรือหลีกเลี่ยงไม่ได้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

2) กลุ่ม statin: การวิเคราะห์การทดลองขนาดใหญ่และการวิเคราะห์อภิมาแสดงให้เห็นว่าภาวะไขมันในเลือดลดลง aggravates ความก้าวหน้าของการทำงานของไตในผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง (กริฟฟิ & Lightstone, 2013) หลักฐานในวรรณคดีที่บ่งชี้ว่าการใช้ยากลุ่ม statin สามารถลด (แผ่นโลหะ) อักเสบตึงของหลอดเลือดและความผิดปกติของหลอดเลือด แต่มีความขัดแย้งในหลักฐานที่เกี่ยวกับประโยชน์ของยากลุ่ม statin ใน CKD (กริฟฟิ & Lightstone, 2013;. ปากช่อง, et al 2011) การศึกษาทดลองหัวใจไตและคุ้มครองเกี่ยวกับการใช้การรักษาด้วยยา statin ไม่ได้แสดงใด ๆ ในการลดการลุกลามของโรคไตวาย แต่แสดงให้เห็นถึงข้อดีหัวใจและหลอดเลือดอย่างมีนัยสำคัญ (กริฟฟิ & Lightstone, 2013) ดังนั้นการรักษา statin ควรจะได้รับโดยมีวัตถุประสงค์ของการลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดตามหลักเกณฑ์ที่ (กริฟฟิ & Lightstone, 2013;. ปากช่อง, et al 2011) ต่ำคอเลสเตอรอลการบริโภคอาหารและการออกกำลังกายที่เพียงพอนอกจากนี้ยังเป็นสิ่งที่จำเป็นในการรักษาไขมันใน นี้มีความเกี่ยวข้องสำหรับทุกคนที่มีภาวะไตโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเนื่องจากการ SLE หากเสื่อมสภาพไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือไต

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

2 ) ความ : การวิเคราะห์การทดลองขนาดใหญ่และการวิเคราะห์แสดงให้เห็นว่าความดันโลหิตสูงที่ aggravates ก้าวหน้าความเสื่อมของไตในผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง ( กริฟฟิน & lightstone 2013 ) หลักฐานในวรรณคดี บ่งชี้ว่า การใช้ความสามารถลดการอักเสบ ( หินปูน ) , ความแข็งแรงของหลอดเลือดและเยื่อบุหลอดเลือดผิดปกติ อย่างไรก็ตาม มีความขัดแย้งในหลักฐานเกี่ยวกับข้อดีของความใน CKD ( กริฟฟิน & lightstone 2013 ; ชอง , et al . , 2011 ) การศึกษาและทดลองใช้ป้องกันไต หัวใจ เกี่ยวกับการใช้ยา การรักษาไม่พบการลดลงในความก้าวหน้าของไตวาย แต่แสดงประโยชน์หัวใจและหลอดเลือดอย่างมีนัยสำคัญ ( กริฟฟิน & lightstone 2013 ) ดังนั้น การรักษาควรให้ยาที่มีจุดมุ่งหมายในการลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดตามแนวทาง ( กริฟฟิน & lightstone 2013 ; ชอง , et al . , 2011 ) คอเลสเตอรอลต่ำ การบริโภคอาหาร และการออกกำลังกายที่เพียงพอ ยังเป็นสิ่งที่จําเป็นในการรักษา hyperlipidaemia . เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับทุกผู้ที่มีไตไม่เพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นเนื่องจาก SLE . ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้หรือไตเสื่อม คือ