หลักการใช้ Present Simple Tense
1. ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน หรือเกิดขณะที่พูดเช่น
Ann watches television.
Ron takes a bath in the bathroom.
2. ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่เป็นจริงตามธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นอดีต ปัจจุบัน
หรืออนาคตเช่น
Tiger is a dangerous animal.
The earth moves around the sun.
3. ใชักับเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นบ่อยๆซ้ำๆจนเป็นกิจวัตรประจำวันหรือประจำเดือน
--------------------------------------------------------------------------------
ทำไมคำกริยาต้องเติม " s " หรือ " es "
Read aloud.
1. I drink water every day.
2. You drink water every day.
3. We drink water every day.
4. They drink water every day.
5. He drinks water every day.
6. She drinks water every day.
7. It drinks water every day.
นักเรียนจะสังเกตเห็นว่าในข้อ 5 - 6 - 7 คำกริยา drink เติม s นักเรียนลองเดาซิคะว่าเพราะอะไรบางคนก็ตอบถูกค่ะว่าเพราะประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่ 3 คือ He She และ It ค่ะ นักเรียนต้องจำให้ได้นะคะ
กฎการเติม s หรือ es หลังคำกริยา
1. คำกริยาธรรมดาทั่วๆไปเติม S ได้ทันที เช่นคำว่า work - works , live - lives
2. คำกริยาที่ลงท้ายด้วย s , ss , sh , ch , x และ o ให้เติม es เช่น go - goes ,
watch - watches , catch - catches
3. คำกริยาที่ลงท้ายด้วย y ให้เปลี่ยน y เป็น I แล้วเติม es เช่น cry - cries ,
study - studies
--------------------------------------------------------------------------------
Present Simple Tense ในรูปประโยคบอกเล่า
ประโยคบอกเล่า หมายถึงประโยคที่พูดหรือเล่าเรื่องราวต่างๆให้ฟัง เช่น ฉันดื่มน้ำทุกๆวัน ในภาษาอังกฤษรูปกริยาที่ใช้ต้องเป็นช่องที่ 1 ( V .1 ) ถ้าประธานเป็นเอกพจน์กริยาต้องเติม s หรือ es ส่วนประธานพหูพจน์ ( รวมทั้ง I และ You ) กริยาไม่ต้องเติมให้คงรูปเดิม
โครงสร้างประโยค Present Simple Tense
ประธาน กริยา กรรม คำบอกเวลา
--------------------------------------------------------------------------------
Present Simple Tense ในรูปประโยคปฏิเสธ
ถ้าในประโยคบอกเล่านั้นมีเพียงกริยาแท้ เมื่อต้องการเปลี่ยนให้เป็นปฏิเสธให้นำ Verb to do ( do not , does not ) วางไว้หลังประธานมีรูปแบบดังนี้
ประธาน
do not
กริยาแท้ช่องที่1
does not
do not ( don't ) ใช้กับประธานพหูพจน์ได้แก่ I , You , We , They
does not ( doesn't ) ใช้กับประธานเอกพจน์ได้แก่ He , She , It
เช่น ประโยคบอกเล่า I live in London.
ประโยคปฎิเสธ I don' t live in London.
ประโยคบอกเล่า He lives in Canada.
ประโยคปฎิเสธ He doesn' t live in Canada.
ข้อสังเกต 1. เมื่อใช้ does not ( doesn ' t ) กับประธานเอกพจน์ คำกริยาที่เติม s หรือ es ให้ตัด s หรือ es ทิ้งและคงเหลือคำกริยาช่องที่ 1 ซึ่งไม่ต้องเติมอะไรทั้งสิ้น
2. ส่วน do not ( don 't )ใช้กับประธานพหูพจน์คำกริยาให้คงเดิมไม่ต้องเปลี่ยนแปลงใดๆ
--------------------------------------------------------------------------------
Present Simple Tense ในรูปประโยคคำถาม
ประโยค Present Simple Tense ที่มี Verb to be เมื่อทำเป็นคำถามให้นำ Verb to be มาวางไว้หน้าประธาน แต่ถ้าประโยคนั้นๆไม่มี Verb to be ให้ใช้ Verb to do ( do , does ) วางไว้หน้าประธาน
มีรูปแบบดังนี้
Do
ประธาน กริยาแท้ช่องที่ 1 ?
Does
เช่น ประโยคบอกเล่า : They live in London.
ประโยคคำถาม : Do they live in London ?
ประโยคบอกเล่า : He works in an office.
ประโยคคำถาม : Does he work in an office ?
Do ใช้กับประธานพหูพจน์ มี I , You , We , They
Does ใช้กับประธานเอกพจน์ มี He , She , It
ข้อสังเกต
1.การใช้ Verb to do ในประโยคคำถามเมื่อใช้ Does กับประธานเอกพจน์ให้ตัดs หรือ esข้างหลังคำกิยาทิ้งและคงไว้แต่คำกริยาแท้ ( V.1)
2.แต่ถ้าใช้ Do กับประธานพหูพจน์คำกริยาคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
; www.igetweb.com
Verb Tenses
(Present Tenses )
ดังได้กล่าวมาในบท Verb Tense ( Types ) แล้วว่า Verb Tense มีทั้งหมด 12 รูปใน active voice ในบทนี้จะได้กล่าวถึงการใช้ Present tenses ทั้ง 4 รูปคือ Simple present , Present progressive, Present perfect,และ Present perfect progressive.
1.Simple Present Tense
โครงสร้าง
Subject auxiliary verb ( do ) main verb ( base )
ประธาน กริยาช่วย ( do) กริยาหลักช่อง 1
ดังตัวอย่าง
ประธาน
กริยาหลัก
บอกเล่า
I
am
French.
You, we, they
are
French.
He, she, it
is
French.
- ปฏิเสธ
I
am
not
old.
You, we, they
are
not
old.
He, she, it
is
not
old.
? คำถาม
Am
I
late?
Are
you, we, they
late?
Is
he, she, it
late?
การใช้ ใช้ Simple Present tense เมื่อ
•เป็นการกระทำ/เหตุการณ์ที่เป็นจริงโดยทั่วไป เช่น
The Moon goes round the Earth.
Birds fly.
Sugar is sweet.
•เป็นการบรรยายการกระทำ/เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะที่พูด
John waits patiently while Bridget books the tickets.
He needs help right now.
I'm here now.
The car is clean
•เป็นกระทำที่เกิดขึ้นตลอดเวลา เป็นกิจวัตร ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต เช่น
He gets up early every day.
I play football every Sunday.
•เป็นการกระทำที่กำหนดแน่นอนว่า จะกระทำในอนาคต โดยใช้ ร่วมกับ adverb หรือ adverbial phrase เช่น
The doors open in 10 minutes.
John arrives on Tuesday.
มีข้อยกเว้นดังนี้
•สำหรับประโยคบอกเล่า ( positive ) ปกติจะไม่ใช้กริยาช่วย ( นอกจากต้องการเน้นเช่น I do love you )
•สำหรับประธานเอกพจน์บุรุษที่ 3 ( he, she, it ) เติม s ที่กริยาหลัก และเติม es ที่กริยาช่วย
•สำหรับ verb to be ที่เป็นกริยาหลัก ปกติจะไม่มีกริยาช่วย แม้ในประโยคปฏิเสธ หรือประโยคคำถาม
ตามตัวอย่างในตารางต่อไปนี้
ประธาน
กริยาช่วย
กริยาหลัก
บอกเล่า
I, you, we, they
like
coffee.
He, she, it
likes
coffee.
-
ปฏิเสธ
I, you, we, they
do
not
like
coffee.
He, she, it
does
not
like
coffee.
?
คำถาม
Do
I, you, we, they
like
coffee?
Does
he, she, it
like
coffee?
verb to be ที่เป็นกริยาหลัก ปกติจะไม่มีกริยาช่วย แม้ในประโยคปฏิเสธ หรือประโยคคำถามดังนี้
หลักการใช้อยู่เครียดง่าย1. ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นในปัจจุบันหรือเกิดขณะที่พูดเช่น แอนนาฬิกาโทรทัศน์ รอนจะอาบน้ำในห้องน้ำ2. ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่เป็นจริงตามธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นอดีตปัจจุบัน หรืออนาคตเช่น เสือเป็นสัตว์อันตราย แผ่นดินเลื่อนไปรอบ ๆ ดวงอาทิตย์3. ใชักับเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นบ่อยๆซ้ำๆจนเป็นกิจวัตรประจำวันหรือประจำเดือน -------------------------------------------------------------------------------- ทำไมคำกริยาต้องเติม "s" หรือ "es" อ่านออกเสียง 1. ฉันดื่มน้ำทุก ๆ วัน 2. คุณดื่มน้ำทุกวัน 3. เราดื่มน้ำทุกวัน 4. พวกเขาดื่มน้ำทุกวัน 5. เขาดื่มน้ำทุกวัน 6. เธอดื่มน้ำทุกวัน 7.ดื่มน้ำทุกวัน นักเรียนจะสังเกตเห็นว่าในข้อ 5-6-7 คำกริยาเครื่องดื่มเติม s นักเรียนลองเดาซิคะว่าเพราะอะไรบางคนก็ตอบถูกค่ะว่าเพราะประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่ 3 คือเขาและเธอและมันนักเรียนต้องจำให้ได้นะคะเลยค่ะ กฎการเติม s หรือ es หลังคำกริยา 1. คำกริยาธรรมดาทั่วๆไปเติม S ได้ทันทีเช่นคำว่าทำงาน -ทำงาน สด - ชีวิต 2. คำกริยาที่ลงท้ายด้วย s, ss, sh, ch, x และ o ให้เติม es เช่นไป - ไป นาฬิกา - นาฬิกา จับ - จับ 3. คำกริยาที่ลงท้ายด้วย y ให้เปลี่ยน y ความฉันแล้วเติม es เช่น cry - ร้องไห้ การศึกษา - การศึกษา--------------------------------------------------------------------------------ในรูปประโยคบอกเล่าเครียดง่ายอยู่ ประโยคบอกเล่าหมายถึงประโยคที่พูดหรือเล่าเรื่องราวต่างๆให้ฟังเช่นฉันดื่มน้ำทุกๆวันในภาษาอังกฤษรูปกริยาที่ใช้ต้องเป็นช่องที่ 1 (V .1) ถ้าประธานเป็นเอกพจน์กริยาต้องเติม s หรือ es ส่วนประธานพหูพจน์ (รวมทั้งฉันและคุณ) กริยาไม่ต้องเติมให้คงรูปเดิม โครงสร้างประโยคอยู่เครียดง่าย ประธานกริยากรรมคำบอกเวลา --------------------------------------------------------------------------------ในรูปประโยคปฏิเสธเครียดง่ายอยู่ ถ้าในประโยคบอกเล่านั้นมีเพียงกริยาแท้เมื่อต้องการเปลี่ยนให้เป็นปฏิเสธให้นำกริยาทำ (ทำไม่ได้ ไม่ได้) วางไว้หลังประธานมีรูปแบบดังนี้ ประธาน ไม่ กริยาแท้ช่องที่1 ไม่ได้ ทำไม่ได้ (ไม่) ใช้กับประธานพหูพจน์ได้แก่ คุณ เรา พวกเขา ไม่ได้ (ไม่) ใช้กับประธานเอกพจน์ได้แก่เขา เธอ มันเช่นประโยคบอกเล่าที่ผมอาศัยอยู่ในลอนดอน ประโยคปฎิเสธฉัน don' t ที่อาศัยอยู่ในลอนดอน ประโยคบอกเล่าที่เขาอาศัยอยู่ในแคนาดา ประโยคปฎิเสธเขา doesn' t ที่อาศัยอยู่ในแคนาดาข้อสังเกต 1 ไม่มีเมื่อใช้ (doesn ' t) กับประธานเอกพจน์คำกริยาที่เติม s หรือ es ให้ตัด s หรือ es ทิ้งและคงเหลือคำกริยาช่องที่ 1 ซึ่งไม่ต้องเติมอะไรทั้งสิ้น 2. ส่วนทำไม่ได้ (t don) ใช้กับประธานพหูพจน์คำกริยาให้คงเดิมไม่ต้องเปลี่ยนแปลงใด ๆ--------------------------------------------------------------------------------ในรูปประโยคคำถามเครียดง่ายอยู่ที่มีเครียดง่ายอยู่ประโยคกริยาจะ เมื่อทำเป็นคำถามให้นำกริยาจะ มาวางไว้หน้าประธานแต่ถ้าประโยคนั้นๆไม่มีกริยาจะ ให้ใช้กริยาทำ ( ไม่) วางไว้หน้าประธานมีรูปแบบดังนี้ ทำ ประธานกริยาแท้ช่องที่ 1 ไม่เช่นประโยคบอกเล่า: พวกเขาอาศัยอยู่ในลอนดอน ประโยคคำถาม: พวกเขาอาศัยอยู่ในลอนดอน ประโยคบอกเล่า: เขาทำงานในสำนักงาน ประโยคคำถาม: เขาไม่ทำงานใน office หรือไม่ ไม่ใช้กับประธานพหูพจน์มี คุณ เรา พวกเขา ไม่ใช้กับประธานเอกพจน์มีเขา เธอ มันข้อสังเกต 1.การใช้ กริยาทำในประโยคคำถามเมื่อใช้ไม่ กับประธานเอกพจน์ให้ตัดs หรือ esข้างหลังคำกิยาทิ้งและคงไว้แต่คำกริยาแท้ (V.1) 2.แต่ถ้าใช้ ทำกับประธานพหูพจน์คำกริยาคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ; www.igetweb.comกาลกริยา (ปัจจุบันกาล) ดังได้กล่าวมาในบทกริยาตึง (ชนิด) แล้วว่าเครียดกริยามีทั้งหมด 12 รูปในกรรตุวาจกในบทนี้จะได้กล่าวถึงการใช้กาลปัจจุบันทั้ง 4 รูปคือง่ายปัจจุบัน ปัจจุบันก้าวหน้า ปัจจุบันสมบูรณ์ และก้าวหน้าได้1.ง่ายปัจจุบันกาลโครงสร้าง เรื่องเสริมกริยา (do) กริยาหลัก (ฐาน)ประธานกริยาช่วย (do) กริยาหลักช่อง 1 ดังตัวอย่าง ประธาน กริยาหลัก บอกเล่า ผม น. ฝรั่งเศส คุณ เรา พวกเขา มี ฝรั่งเศส เขา เธอ มัน มี ฝรั่งเศส -ปฏิเสธ ผม น. ไม่ เก่า คุณ เรา พวกเขา มี ไม่ เก่า เขา เธอ มัน มี ไม่ เก่า ? คำถาม น. ผม สาย มี คุณ เรา พวกเขา สาย มี เขา เธอ มัน สาย การใช้ใช้ง่ายอยู่เมื่อเครียดเช่น•เป็นการกระทำ/เหตุการณ์ที่เป็นจริงโดยทั่วไปดวงจันทร์ไปรอบโลกนกบินน้ำตาลมีรสหวาน•เป็นการบรรยายการกระทำ/เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะที่พูด จอห์นอดทนรอในขณะที่บริดเก็หนังสือตั๋วเขาต้องการความช่วยเหลืออยู่ฉันอยู่ที่นี่ตอนนี้รถจะสะอาด•เป็นกระทำที่เกิดขึ้นตลอดเวลาเป็นกิจวัตรทั้งในอดีตปัจจุบันและอนาคตเช่น เขาได้รับล่วงหน้าทุกวันผมเล่นฟุตบอลทุกวันอาทิตย์•เป็นการกระทำที่กำหนดแน่นอนว่า จะกระทำในอนาคต โดยใช้ ร่วมกับ adverb หรือ adverbial phrase เช่นThe doors open in 10 minutes.John arrives on Tuesday.มีข้อยกเว้นดังนี้•สำหรับประโยคบอกเล่า ( positive ) ปกติจะไม่ใช้กริยาช่วย ( นอกจากต้องการเน้นเช่น I do love you )•สำหรับประธานเอกพจน์บุรุษที่ 3 ( he, she, it ) เติม s ที่กริยาหลัก และเติม es ที่กริยาช่วย•สำหรับ verb to be ที่เป็นกริยาหลัก ปกติจะไม่มีกริยาช่วย แม้ในประโยคปฏิเสธ หรือประโยคคำถามตามตัวอย่างในตารางต่อไปนี้ ประธาน กริยาช่วย กริยาหลัก บอกเล่า I, you, we, they like coffee. He, she, it likes coffee. -ปฏิเสธ I, you, we, they do not like coffee. He, she, it does not like coffee. ?คำถาม Do I, you, we, they like coffee? Does he, she, it like coffee? verb to be ที่เป็นกริยาหลัก ปกติจะไม่มีกริยาช่วย แม้ในประโยคปฏิเสธ หรือประโยคคำถามดังนี้
การแปล กรุณารอสักครู่..