More than 25% of the U.S. populatio

More than 25% of the U.S. population
aged $65 years has diabetes
(1), and the aging of the overall
population is a significant driver of the
diabetes epidemic. Although the burden
of diabetes is often described in terms of
its impact on working-age adults, diabetes
in older adults is linked to higher mortality,
reduced functional status, and increased
risk of institutionalization (2). Older adults
with diabetes are at substantial risk for both
acute and chronic microvascular and cardiovascular
complications of the disease.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

มากกว่า 25% ของประชากรสหรัฐฯอายุ $65 ปีมีโรคเบาหวาน(1), และอายุโดยรวมเป็นโปรแกรมควบคุมที่สำคัญของการโรคระบาดโรคเบาหวาน ถึงแม้ว่าภาระของโรคเบาหวานมักจะอธิบายไว้ในรูปของผลกระทบในผู้ใหญ่วัยทำงาน เบาหวานในผู้ใหญ่มากกว่าจะเชื่อมโยงกับการตายที่สูงสถานะการทำงานลดลง และเพิ่มความเสี่ยงของ institutionalization (2) ผู้ใหญ่รุ่นเก่าโรคเบาหวานมีความเสี่ยงที่พบทั้งเฉียบพลัน และโรคหลอดเลือดหัวใจ และ microvascularภาวะแทรกซ้อนของโรค

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

มากกว่า 25% ของประชากรสหรัฐ
อายุ 65 $ ปีมีโรคเบาหวาน
(1) และอายุของโดยรวมของ
ประชากรเป็นไดรเวอร์ที่สำคัญของ
การแพร่ระบาดของโรคเบาหวาน แม้ว่าภาระ
ของโรคเบาหวานมักถูกอธิบายในแง่ของ
ผลกระทบต่อผู้ใหญ่วัยทำงาน, โรคเบาหวาน
ในผู้สูงอายุจะเชื่อมโยงกับการเสียชีวิตที่สูงขึ้น
สถานะการทำงานลดลงและเพิ่ม
ความเสี่ยงของสถาบัน (2) ผู้สูงอายุ
ที่มีโรคเบาหวานที่มีความเสี่ยงอย่างมากสำหรับทั้งสอง
microvascular เฉียบพลันและเรื้อรังและโรคหัวใจและหลอดเลือด
ภาวะแทรกซ้อนของโรค

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

มากกว่า 25% ของประชากรสหรัฐฯที่มีอายุ 65 ปี ได้ $

( 1 ) เบาหวาน และอายุของประชากรโดยรวม
เป็นไดรเวอร์ที่สำคัญของ
โรคเบาหวานเป็นโรคระบาด แม้ว่าภาระ
เบาหวานมักจะอธิบายในแง่ของ
ผลกระทบในวัยทำงาน ผู้ใหญ่ เบาหวาน
ในผู้สูงอายุเชื่อมโยงสูงกว่าอัตราการตาย
ลดสถานะการทํางาน และเพิ่มความเสี่ยงของสถาบัน
( 2 )ผู้สูงอายุ
กับโรคเบาหวานมีความเสี่ยง ทั้งแบบเฉียบพลันและเรื้อรัง เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด

และภาวะแทรกซ้อนของโรค