General Chakri succeeded him in 178

General Chakri succeeded him in 1782 as Rama I, the first king of the Chakri dynasty. In the same year he founded the new capital city across the Chao Phraya river in an area known as Rattanakosin Island. (While settlements on both banks were commonly called Bangkok, both the Burney Treaty of 1826 and the Roberts Treaty of 1833 refer to the capital as the City of Sia-Yut'hia.[24]) In the 1790s, Burma was defeated and driven out of Siam, as it was then called. Lanna also became free of Burmese occupation, but was reduced to the Kingdom of Chiangmai: the king of the new dynasty was installed as a tributary ruler of the Chakri monarch.

Rama I restored most of the social and political system of the Ayutthaya kingdom, promulgating new law codes, reinstating court ceremonies[25] and imposing discipline on the Buddhist monkhood. His government was carried out by six great ministries (Krom) headed by royal princes. Four of these administered particular territories: the Kalahom the south; the Mahatthai the north and east; the Phrakhlang the area immediately south of the capital; and the Krom Mueang, the area around Bangkok. The other two were the ministry of lands (Krom Na) and the ministry of the royal court (Krom Wang). The army was controlled by the King's deputy and brother, the Uparat.

The heirs of Rama I became increasingly concerned with the threat of European colonialism after British victories in neighbouring Burma in 1826. The first Thai recognition of Western power in the region was the Burney Treaty with the United Kingdom in 1826. In 1833, United States diplomatist Edmund Roberts exchanged a treaty with Siam, updated in 1856, 1945 and 1949. Numerous treaties with foreign powers were signed during the reigns of King Mongkut (1804–1868), and his son King Chulalongkorn (1853–1910).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เทพทั่วไปประสบความสำเร็จเขาใน 1782 เป็นพระรามผม ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ในปีเดียวกัน เขาก่อตั้งเมืองหลวงใหม่ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาในบริเวณที่เรียกว่าเกาะรัตนโกสินทร์ (ในขณะที่การจ่ายเงินในธนาคารทั้งสองถูกเรียกกันว่ากรุงเทพมหานคร 1826 สนธิเบอร์นีและสนธิสัญญาโรเบิร์ตของ 528 หมายถึงเมืองหลวงเป็นการเมืองของคาม [24]) ใน 1790s พม่า และจากสยาม เป็นวรรณคดี ล้านนายังกลายเป็นฟรีของพม่า แต่ลดลงราชอาณาจักรเชียงใหม่: กษัตริย์ราชวงศ์ใหม่ติดตั้งเป็นผู้ปกครองสมทบของพระมหากษัตริย์จักรีพระรามที่ฉันคืนค่าของระบบสังคม และการเมืองของราชอาณาจักรอยุธยา ตรวจชำระใหม่รหัสกฎหมายใหม่ reinstating พิธีศาล [25] และสง่างามวินัยในพระพุทธศาสนา รัฐบาลของเขาได้ดำเนินการ โดยหกดีพันธกิจ (Krom) โดยรอยัลปริ้นเซส สี่เหล่านี้บริหารดินแดนเฉพาะ: Kalahom ใต้ มหาดไทยภาคเหนือและตะวันออก Phrakhlang พื้นที่ทางตอนใต้ของเมืองหลวง ทันที และกรม เมือง บริเวณรอบ ๆ กรุงเทพมหานคร ทั้งสองถูกกระทรวงที่ดิน (กรมนา) และกระทรวงรอยัลคอร์ท (กรมวัง) กองทัพถูกควบคุม โดยรองและพี่ชาย Uparat การของกษัตริย์ทายาทพระฉันเป็นกังวลมากขึ้นเรื่อย ๆ กับการคุกคามของกระทรวงหลังจากชัยชนะอังกฤษในพม่าที่อยู่ใกล้เคียงใน 1826 การรับรู้ไทยแรกอำนาจตะวันตกในภูมิภาคเป็นสนธิสัญญา เบอร์นีกับไทยใน 1826 สหรัฐอเมริกา diplomatist โรเบิร์ตวางแลกเปลี่ยนสนธิสัญญากับสยาม การปรับปรุงใน 1856, 1945 และ 1949 ใน 1833 สนธิสัญญามากมาย ด้วยอำนาจต่างประเทศถูกลงลายมือชื่อระหว่างเรนส์ของสมเด็จพระเพทราชา (1804 – 1868), และบุตรของกษัตริย์จุฬาลงกรณ์ (1853 – 1910)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ทั่วไปจักรีเขาประสบความสำเร็จใน 1782 เป็นพระรามกษัตริย์องค์แรกของราชวงศ์จักรี ในปีเดียวกันเขาก่อตั้งเมืองหลวงใหม่ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาในบริเวณที่เรียกว่าเกาะรัตนโกสินทร์ (ในขณะที่การตั้งถิ่นฐานในธนาคารทั้งสองถูกเรียกกันว่ากรุงเทพฯทั้งสนธิสัญญาเบอร์นี 1826 และสนธิสัญญา 1833 โรเบิร์ตอ้างถึงเมืองหลวงเป็นเมืองแห่งเสี่ย Yut'hia. [24]) ในยุค 1790 พม่าก็พ่ายแพ้และขับรถ จากสยามมันก็เรียกแล้ว ล้านนาก็กลายเป็นอิสระจากการยึดครองของพม่า แต่ถูกลดลงไปราชอาณาจักรเชียงใหม่:. กษัตริย์แห่งราชวงศ์ใหม่ได้รับการติดตั้งเป็นผู้ปกครองเมืองขึ้นของพระมหากษัตริย์จักรี

พระรามบูรณะมากที่สุดของระบบสังคมและการเมืองของอาณาจักรอยุธยาตีความ รหัสกฎหมายใหม่ซึ้งศาลพิธี [25] และการจัดเก็บภาษีมีระเบียบวินัยในสมณเพศที่นับถือศาสนาพุทธ รัฐบาลของเขาได้ดำเนินการโดยกระทรวงหกที่ดี (กรม) นำโดยพระราชโอรส สี่ดินแดนเหล่านี้โดยเฉพาะยาที่: Kalahom ใต้; Mahatthai ทางเหนือและตะวันออก; Phrakhlang พื้นที่ทันทีทางตอนใต้ของเมืองหลวง; และกรมเมืองบริเวณรอบ ๆ กรุงเทพฯ อีกสองคนกระทรวงที่ดิน (กรมนา) และพันธกิจของราชสำนักที่ (กรมวัง) กองทัพถูกควบคุมโดยรองผู้อำนวยการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพี่ชายที่ Uparat.

ทายาทของพระรามฉันกลายเป็นความกังวลมากขึ้นกับภัยคุกคามของลัทธิล่าอาณานิคมของยุโรปหลังจากชัยชนะของอังกฤษในประเทศเพื่อนบ้านพม่า 1826 การรับรู้ไทยคนแรกของมหาอำนาจตะวันตกในภูมิภาคเป็นเบอร์นีย์ สนธิสัญญากับสหราชอาณาจักรใน 1,826 ใน 1,833, สหรัฐอเมริกาทูตเอ๊ดมันด์โรเบิร์ตแลกเปลี่ยนสนธิสัญญากับสยามปรับปรุงในปี 1856 ปี 1945 และปี 1949 สนธิสัญญาจำนวนมากที่มีอำนาจต่างประเทศได้ลงนามในช่วงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (1804-1868) และ ลูกชายของเขาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า (1853-1910)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

อาคารทั่วไปประสบความสำเร็จเขาใน 1782 เป็นพระราม ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ในปีเดียวกันเขาได้ก่อตั้งเมืองหลวงใหม่ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ในบริเวณที่เรียกว่า เกาะรัตนโกสินทร์ ( ในขณะที่ตราสารหนี้ธนาคาร ทั้งสองถูกเรียกว่ากรุงเทพฯ ทั้งในสนธิสัญญาโรเบิร์ต 1826 และสนธิสัญญา 1833 อ้างถึงเมืองหลวงเป็นเมืองของ sia-yut"hia [ 24 ] ) ในอังกฤษ พม่า พ่ายแพ้และถูกไล่ออกจากบริษัท สยาม มันก็โทรมา ล้านนายังเป็นอิสระอาชีพ ของพม่า แต่ลดลงถึงอาณาจักรของเชียงใหม่ : กษัตริย์แห่งราชวงศ์ใหม่ถูกติดตั้งเป็นแควของผู้ปกครองฯ พระมหากษัตริย์ .ผมพระรามคืนส่วนใหญ่ของระบบสังคมและการเมืองของอาณาจักรอยุธยาแก้ไขรหัส , กฎหมายใหม่ , การคืนตำแหน่งให้พิธีศาล [ 25 ] และวินัยในการเป็นพระภิกษุ . รัฐบาลของเขาถูกดำเนินการโดยหกกระทรวง ( กรม ) นำโดย พระประมุข สี่เหล่านี้ใช้เฉพาะ : การปกครองดินแดนทางใต้ การแต่งตั้งเหนือและตะวันออก ; phrakhlang พื้นที่ทันที ทางใต้ของเมืองหลวง และกรมเมือง พื้นที่รอบๆ กรุงเทพฯ อีกสอง คือ กระทรวงที่ดิน ( กรมนา ) และกระทรวงของราชสำนัก ( กรมวัง ) กองทัพถูกควบคุมโดยรองของกษัตริย์และพี่ชาย , uparat .ทายาทของพระราม ฉันเริ่มกังวลมากขึ้นกับการคุกคามของลัทธิล่าอาณานิคมของยุโรปหลังจากชัยชนะของอังกฤษในประเทศเพื่อนบ้านพม่าใน 1826 . ครั้งแรกของไทยเป็นที่ยอมรับของพลังงานในภูมิภาคมีสนธิสัญญาในกับสหราชอาณาจักรใน 1826 . ใน 1833 , สหรัฐอเมริกาทูตมันด์ โรเบิร์ตแลกเปลี่ยนสนธิสัญญากับสยาม และการปรับปรุงใน 1856 1945 1949 . สนธิสัญญามากมายด้วยอำนาจต่างประเทศลงนามในระหว่างรัชสมัยของพระจอมเกล้า ( 1804 – 1868 ) และลูกชายของเขา กษัตริย์จุฬาลงกรณ์ ( 1853 – 1910 )