Keynesianism A reform of liberalis

Keynesianism
 A reform of liberalism
 Developed by John Maynard Keynes
 In response to economic problems of the Classical Liberal model
 Particularly the Great Depression which followed the Stock Market crash of 1929
Keynesian reforms
 Greater State role
 The State should act to counter economic downturns (recessions or depressions)
 Through spending, particularly Deficit spending
 Also through taxation and interest rate policies
 The purpose is to shore up Demand
 Many classical economists believed ‘Say’s Law’, which states that supply generates its own demand
 Keynes refuted this, and the conditions of the Great Depression seemed to prove his claim
 In severe downturns, the psychological response of economic decision makers is effected
 People tend to become extremely cautious and avoid spending money
 Businesses would avoid investing even in a low price environment
 Aggregate demand would be reduced
 Prices would fall, and an expectation of deflation would set in, further reducing demand and investment
 Excessive saving – people are too cautious to spend or invest their funds, even though interests rates in a depression are very, very low
 Motivation for saving more due to fear than desire for return or profit
 Downward spiral of falling prices (deflation), falling investment, and falling wages
 Keynes propose ‘counter cyclical’ State actions, including:
 Infrastructure spending
 A social safety net such as unemployment payments and pensions
 These kick in during bad times, and the government borrows money (runs a deficit) to get money into the hands of spenders and soak up savings)
 It was important to Keynes that deficit spending by the State then be reduced when ‘good times’ or ‘full employment’ returned
 Otherwise these demand-supporting policies could be inflationary.
 Keynes preferred to see State expenditures go to the lower classes, because he believed they would spend, rather than the rich, who would save.
 Keynesianism became the dominant system of economic thought and public policy in most European social democracies after WWII
 It was also dominant in the US from about 1930s to about 1980
 The Reagan Revolution and ‘Supply Side Economics’ was a return to Neo-Liberalism and rejection of Keynes

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Keynesianism A ปฏิรูปของเสรีนิยมพัฒนา โดยจอห์นเมย์นาร์ดเคนส์ตอบสนองต่อปัญหาเศรษฐกิจแบบเสรีนิยมคลาสสิกโดยเฉพาะอย่างยิ่งดีภาวะซึมเศร้าซึ่งตามปัญหาตลาดหุ้นของ 1929 สำนักเคนส์ปฏิรูปสถานะมากกว่าบทบาทรัฐควรดำเนินการเคาน์เตอร์เอกชนทางเศรษฐกิจ (recessions หรือทราย) โดยค่าใช้จ่าย ใช้จ่ายขาดดุลโดยเฉพาะอย่างยิ่งยังผ่านภาษีและอัตราดอกเบี้ยนโยบายวัตถุประสงค์เป็นจุนความต้องการ นักเศรษฐศาสตร์คลาสสิกมากเชื่อว่า 'พูดของกฎหมาย" ซึ่งรัฐที่เป็นแหล่งสร้างความต้องการของตนเองลดันเคย์เนสโต้แย้งนี้ และเงื่อนไขของภาวะซึมเศร้าดีดูเหมือนจะ พิสูจน์สิทธิ์ของเขาในเอกชนอย่างรุนแรง การตอบสนองทางจิตใจของผู้ตัดสินใจทางเศรษฐกิจเป็นผล คนมีแนวโน้มจะ กลายเป็นมากระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการใช้จ่ายเงินธุรกิจจะหลีกเลี่ยงการลงทุนได้ในราคาต่ำรวมอุปสงค์จะลดลงราคาจะลดลง และมีความคาดหวังของภาวะเงินฝืดจะตั้ง การลดอุปสงค์และการลงทุนเพิ่มเติม ประหยัดมากเกินไป – คนระมัดระวังเกินไปใช้จ่าย หรือลงทุนเงินทุนของพวกเขา แม้ว่าราคาสนใจในภาวะซึมเศร้าที่เป็นมาก มากน้อยแรงจูงใจสำหรับการบันทึกมากขึ้นเนื่องจากความกลัวมากกว่าความคืน หรือกำไร Downward เกลียวของราคาลดลง (ภาวะเงินฝืด), ลงทุน และตกลงค่าจ้าง ลดันเคย์เนสเสนอ ' เคาน์เตอร์แบบ ' รัฐการดำเนินการ รวมทั้ง:ใช้โครงสร้างพื้นฐาน A สังคมนิรภัยเช่นการชำระเงินว่างงานและเงินบำนาญนี้เตะในในช่วงเวลาที่ดี และรัฐบาลมิตรเงิน (ดุลการทำงาน) จะได้รับเงินในมือของ spenders และแดดประหยัด)เรื่องถูกต้องคีย์เนสที่ใช้จ่ายขาดดุล โดยรัฐ แล้วลดลงเมื่อคืน 'เวลา' หรือ 'การจ้างงานเต็มที่'หรือ นโยบายที่สนับสนุนความต้องการเหล่านี้อาจจะเงินเฟ้อได้ ลดันเคย์เนสต้องดูไปที่ชนชั้นล่าง ค่าใช้จ่ายของรัฐเนื่องจากเขาเชื่อว่า พวกเขาจะใช้จ่าย มากกว่าคนรวย ที่จะบันทึก  Keynesianism กลายเป็น ระบบหลักของความคิดทางเศรษฐกิจและนโยบายสาธารณะในสังคมเหมือน ๆ ยุโรปส่วนใหญ่หลังจากสงครามโลกครั้งเนื่องจากหลักในสหรัฐอเมริกาจาก 1930s เกี่ยวกับการประมาณ 1980การปฏิวัติเรแกนและ 'เศรษฐศาสตร์ด้านอุปทาน' ได้กลับไปยังนีโอเสรีนิยมและการปฏิเสธของลดันเคย์เนส

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

Keynesianism ปฏิรูปเสรีนิยมพัฒนาโดยจอห์นเมย์นาร์ดเคนส์ในการตอบสนองต่อปัญหาเศรษฐกิจของรูปแบบเสรีนิยมคลาสสิกโดยเฉพาะอย่างยิ่งตกต่ำซึ่งตามตลาดหุ้นตก1929 การปฏิรูปของเคนส์บทบาทมหานครรัฐรัฐควรทำหน้าที่ในการตอบโต้ทางเศรษฐกิจตกต่ำ (ถดถอยหรือหดหู่) ผ่านการใช้จ่ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งการขาดดุลการใช้จ่ายนอกจากนี้ผ่านการจัดเก็บภาษีและดอกเบี้ยนโยบายอัตรามีวัตถุประสงค์ที่จะขึ้นฝั่งอุปสงค์อดีตนักเศรษฐศาสตร์หลายคนเชื่อว่า'พูดของกฎหมาย' ซึ่งระบุว่าอุปทานจะสร้างความต้องการของตัวเอง Keynes ข้องแวะ นี้และเงื่อนไขของการตกต่ำดูเหมือนจะพิสูจน์ได้ว่าการเรียกร้องของเขาในตกต่ำอย่างรุนแรงการตอบสนองทางด้านจิตใจของผู้มีอำนาจตัดสินใจทางเศรษฐกิจจะมีผลคนมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นที่ระมัดระวังมากและหลีกเลี่ยงการใช้จ่ายเงินธุรกิจจะหลีกเลี่ยงการลงทุนแม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีราคาต่ำความต้องการรวมจะลดลงราคาจะลดลงและความคาดหวังของภาวะเงินฝืดจะตั้งอยู่ในต่อการลดความต้องการและการลงทุนประหยัดมากเกินไป- คนที่มีความระมัดระวังมากเกินไปที่จะใช้จ่ายหรือลงทุนเงินของพวกเขาแม้ว่าอัตราดอกเบี้ยในภาวะซึมเศร้าเป็นอย่างมาก ต่ำมากแรงจูงใจสำหรับการบันทึกมากขึ้นเนื่องจากกลัวกว่าความปรารถนาที่จะกลับมาหรือกำไรเกลียวลงของการลดลงของราคา(ภาวะเงินฝืด) ลดลงการลงทุนและการลดลงของค่าจ้าง Keynes เสนอ 'เคาน์เตอร์วัฏจักรการกระทำของรัฐรวมไปถึง: การใช้จ่ายของโครงสร้างพื้นฐานให้บริการงานสุทธิความปลอดภัยเช่นการชำระเงินการว่างงานและเงินบำนาญเหล่านี้เตะในช่วงเวลาที่เลวร้ายและรัฐบาลยืมเงิน (ทำงานขาดดุล) จะได้รับเงินในมือของมือหนักและดื่มด่ำกับเงินฝากออมทรัพย์) มันเป็นสิ่งสำคัญที่จะ Keynes ว่าการใช้จ่ายการขาดดุลโดย รัฐนั้นจะลดลงเมื่อ 'เวลาที่ดี' หรือ 'การจ้างงานเต็ม' กลับมิฉะนั้นนโยบายความต้องการการสนับสนุนอาจจะเงินเฟ้อ. เคนส์ต้องการที่จะเห็นค่าใช้จ่ายของรัฐไปที่ชั้นต่ำเพราะเขาเชื่อว่าพวกเขาจะใช้เวลามากกว่าที่อุดมไปด้วย ซึ่งจะช่วยประหยัด.  Keynesianism กลายเป็นระบบที่โดดเด่นของความคิดทางเศรษฐกิจและนโยบายสาธารณะในระบอบประชาธิปไตยสังคมยุโรปมากที่สุดหลังจากสงครามโลกครั้งที่สองมันก็ยังเป็นที่โดดเด่นในสหรัฐจากปี1930 ประมาณ 1,980 เรแกนปฏิวัติและซัพพลายเศรษฐศาสตร์ด้าน 'เป็น กลับไปเสรีนิยมใหม่และการปฏิเสธของเคนส์

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

keynesianism ปฏิรูปเสรีนิยม
พัฒนาโดย จอห์น เมย์นาร์ด เคนส์
ในการตอบสนองต่อปัญหาเศรษฐกิจแบบเสรีนิยมคลาสสิกของ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Great Depression ซึ่งตามการแข่งขันในตลาดหุ้นของ 1929

มากขึ้นของการปฏิรูปบทบาทของรัฐ
รัฐควรกระทำเพื่อต่อต้าน downturns ทางเศรษฐกิจ ( ถดถอยหรือทะเล )
ผ่านใช้โดยเฉพาะการใช้จ่ายขาดดุล
ยังผ่านนโยบายภาษี และอัตราดอกเบี้ย
มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มความต้องการ
หลายคลาสสิกนักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่าเป็นกฎหมาย ซึ่งระบุว่า อุปทานสร้างอุปสงค์
ของตัวเอง Keynes ข้องแวะ และเงื่อนไขของ Great อาการซึมเศร้าที่ดูเหมือนจะพิสูจน์เรียกร้อง
ของเขาใน downturns อย่างรุนแรง ,การตอบสนองทางด้านจิตใจของเศรษฐกิจการตัดสินใจผล
ผู้คนมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นที่ระมัดระวังมาก และหลีกเลี่ยงการใช้จ่ายเงิน
ธุรกิจจะหลีกเลี่ยงการลงทุน แม้ในราคาประหยัดสิ่งแวดล้อม
อุปสงค์รวมจะลดลง
ราคาจะตก และความคาดหวังของภาวะเงินฝืดจะตั้งค่าใน เพิ่มเติม การลดอุปสงค์และการลงทุน
มากเกินไปสำหรับคนประหยัดเกินไประมัดระวังการใช้จ่ายหรือลงทุนเงินของพวกเขา แม้ว่าสนใจอัตราใน depression มากต่ำมาก
แรงจูงใจสำหรับการประหยัดมากขึ้น เนื่องจากเกรงว่าต้องการผลตอบแทนหรือกำไร
เกลียวลงของราคาที่ถูกลง ( เงินฝืด ) การลงทุนลดลง และลดลงค่าจ้าง
เคนส์เสนอ ' นับล้านของรัฐ การกระทำ รวมทั้งโครงสร้างพื้นฐานที่ใช้

สุทธิความปลอดภัยทางสังคม เช่น การชำระเงิน การว่างงาน และเงินบำนาญ
เหล่านี้เตะในช่วงเวลาที่เลวร้าย และรัฐบาลยืมเงิน ( วิ่งเกิน ) จะได้รับเงินในมือของ spenders และอุ้มออม )
 มันสำคัญกับคีนที่ขาดการใช้โดยรัฐก็จะลดลง เมื่อ ' ดีมาก ' หรือ ' เต็ม ' กลับมา
การจ้างงานมิฉะนั้นเหล่านี้ต้องการสนับสนุนนโยบายอาจจะเฟ้อ
คีนที่ต้องการเห็นรายจ่ายของรัฐไปเรียนลดลง เพราะเขาเชื่อว่าพวกเขาจะใช้จ่ายมากกว่าคนรวย ใครจะช่วยได้
 keynesianism เป็นระบบเด่นของความคิดทางเศรษฐศาสตร์และนโยบายสาธารณะในสังคมประชาธิปไตยมากที่สุดในยุโรปหลังสงครามโลกครั้งที่สอง
มันยังเด่นในสหรัฐฯจาก 1930 จนถึงประมาณ ปี 1980
ที่ Reagan การปฏิวัติและ ' อุปทานเศรษฐศาสตร์เป็นกลับเสรีนิยมนีโอ และการปฏิเสธของเคนส์