In political science and sociology,

In political science and sociology, elite theory is a theory of the state which seeks to describe and explain the power relationships in contemporary society. The theory posits that a small minority, consisting of members of the economic elite and policy-planning networks, holds the most power and that this power is independent of a state's democratic elections process. Through positions in corporations or on corporate boards, and influence over the policy-planning networks through financial support of foundations or positions with think tanks or policy-discussion groups, members of the "elite" are able to exert significant power over the policy decisions of corporations and governments. An example of this can be found in the Forbes magazine article [1] (published in December 2009) entitled The World's Most Powerful People, in which Forbes purported to list the 67 most powerful people in the world (assigning one "slot" for each 100,000,000 of human population).

Even when entire groups are ostensibly completely excluded from the state's traditional networks of power (historically, on the basis of arbitrary criteria such as nobility, race, gender, or religion), elite theory recognizes that "counter-elites" frequently develop within such excluded groups. Negotiations between such disenfranchised groups and the state can be analyzed as negotiations between elites and counter-elites. A major problem, in turn, is the ability of elites to co-opt counter-elites.

Elite theory stands in opposition to pluralism in suggesting that democracy is a utopian ideal. It also stands in opposition to state autonomy theory.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

รัฐศาสตร์และสังคมวิทยา ทฤษฎีชนชั้นสูงคือ ทฤษฎีรัฐซึ่งพยายามอธิบาย และอธิบายความสัมพันธ์ของอำนาจในสังคมร่วมสมัย ทฤษฎี posits ว่า ชนกลุ่มน้อยขนาดเล็ก ประกอบด้วยสมาชิกของชนชั้นสูงทางเศรษฐกิจและนโยบายการวางแผนเครือข่าย มีอำนาจมากที่สุด และว่าอำนาจนี้ขึ้นอยู่กับสถานะของประชาธิปไตยกระบวนการเลือกตั้ง ตำแหน่ง ในบริษัท หรือบอร์ดของบริษัท และมีอิทธิพลเหนือนโยบายการวางแผนเครือข่ายผ่านการสนับสนุนทางการเงินของมูลนิธิหรือตำแหน่งถังคิดหรือนโยบายการสนทนากลุ่ม สมาชิก "" จะสามารถโหมพลังงานสำคัญกว่าการตัดสินใจนโยบายของรัฐบาลและองค์กร ตัวอย่างนี้สามารถพบได้ใน Forbes นิตยสารบทความ [1] (เผยแพร่ในเดือนธันวาคมพ.ศ. 2552) ได้รับของโลกมากที่สุดมีประสิทธิภาพคน Forbes purported รายการ 67 คนมีประสิทธิภาพมากที่สุดในโลก (กำหนดหนึ่ง "ช่อง" สำหรับแต่ละ 100,000,000 ของประชากรมนุษย์)แม้ว่าทั้งกลุ่มเป็นรัฐบาลสมบูรณ์แยกออกจากเครือข่ายดั้งเดิมของรัฐอำนาจ (อดีต ตามเกณฑ์กำหนด เช่นขุนนาง เชื้อชาติ เพศ ศาสนา) รู้จักทฤษฎีชนชั้นสูงว่า "ซึ่งร่ำรวย" มักจะพัฒนาภายในกลุ่มดังกล่าวไม่รวม เจรจาระหว่างเช่นกลุ่มกลุ่ม และสามารถวิเคราะห์สถานะการเจรจาระหว่างที่ร่ำรวยและร่ำรวยซึ่งเป็น ปัญหาสำคัญ เป็นความร่ำรวยเพื่อร่วมเลือกเคาน์เตอร์ที่ร่ำรวยทฤษฎีชนชั้นสูงหมายถึงในการต่อต้านการ pluralism ในแนะนำว่า ประชาธิปไตยเหมาะกล่าว นอกจากนี้มันยังยืนในการต่อต้านการรัฐอิสระทฤษฎี

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในรัฐศาสตร์และสังคมวิทยาทฤษฎีชนชั้นเป็นทฤษฎีของรัฐซึ่งพยายามที่จะอธิบายและอธิบายความสัมพันธ์เชิงอำนาจในสังคมร่วมสมัย ทฤษฎี posits ที่เป็นชนกลุ่มน้อยขนาดเล็กที่ประกอบด้วยสมาชิกของชนชั้นทางเศรษฐกิจและเครือข่ายนโยบายการวางแผนการถืออำนาจมากที่สุดและว่าอำนาจนี้เป็นอิสระจากกระบวนการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยของรัฐ ผ่านตำแหน่งใน บริษัท หรือบนกระดานขององค์กรและมีอิทธิพลต่อผ่านเครือข่ายนโยบายการวางแผนผ่านการสนับสนุนทางการเงินของมูลนิธิหรือตำแหน่งที่มีความคิดว่าถังหรือกลุ่มนโยบายการอภิปรายสมาชิกของ "ชนชั้น" สามารถที่จะใช้อำนาจอย่างมีนัยสำคัญในการตัดสินใจนโยบายของ องค์กรและหน่วยงานรัฐบาล ตัวอย่างนี้สามารถพบได้ในบทความในนิตยสารฟอร์บ [1] (ตีพิมพ์ในธันวาคม 2009) สิทธิคนที่มีอำนาจมากที่สุดในโลกซึ่งฟอร์บอ้างว่ารายชื่อ 67 คนที่มีอำนาจมากที่สุดในโลก (กำหนดหนึ่ง "ช่อง" สำหรับแต่ละ 100,000,000 ของประชากรมนุษย์). แม้เมื่อกลุ่มทั้งหมดเป็นประหนึ่งการยกเว้นอย่างสมบูรณ์จากเครือข่ายแบบดั้งเดิมของรัฐที่มีอำนาจ (ในอดีตบนพื้นฐานของเกณฑ์โดยพลการเช่นขุนนางเชื้อชาติเพศหรือศาสนา) ทฤษฎีชนชั้นตระหนักดีว่า "ชนชั้นเคาน์เตอร์ "บ่อยครั้งที่การพัฒนาภายในกลุ่มดังกล่าวได้รับการยกเว้น การเจรจาต่อรองระหว่างกลุ่มสิทธิ์ดังกล่าวและรัฐสามารถวิเคราะห์ได้เจรจาระหว่างชนชั้นสูงและชนชั้นเคาน์เตอร์ ปัญหาสำคัญในทางกลับกันคือความสามารถของชนชั้นสูงที่จะร่วมเลือกชนชั้นเคาน์เตอร์. ทฤษฎียอดยืนอยู่ในความขัดแย้งกับหลายฝ่ายในการแสดงให้เห็นว่าประชาธิปไตยเป็นที่เหมาะยูโทเปีย นอกจากนี้ยังยืนอยู่ในความขัดแย้งกับทฤษฎีรัฐเอกราช

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

รัฐศาสตร์และสังคมวิทยาทฤษฎีชนชั้นนำเป็นทฤษฎีของรัฐซึ่งพยายามที่จะอธิบายและอธิบายพลังความสัมพันธ์ในสังคมร่วมสมัย ที่ posits ทฤษฎีที่ว่าชนกลุ่มน้อยขนาดเล็กที่ประกอบด้วยสมาชิกของชนชั้นทางเศรษฐกิจและเครือข่ายการวางแผนนโยบาย มีพลังมากที่สุด และใช้พลังงานที่เป็นอิสระของรัฐประชาธิปไตย การเลือกตั้ง กระบวนการผ่านตำแหน่งต่างๆ ในบริษัท หรือองค์กรบนกระดาน และอิทธิพลเหนือนโยบายการวางแผนเครือข่ายที่ผ่านการสนับสนุนทางการเงินของมูลนิธิ หรือตำแหน่งกับรถถัง หรือนโยบาย การอภิปรายกลุ่ม สมาชิกของ " ยอด " จะสามารถออกแรงที่มีอำนาจการตัดสินใจในนโยบายของ บริษัท และรัฐบาลตัวอย่างนี้สามารถพบได้ในบทความในนิตยสาร Forbes [ 1 ] ( ตีพิมพ์ในธันวาคม 2009 ) สิทธิบุคคลของโลกที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดซึ่งใน Forbes อ้างว่ารายการ 67 ที่มีประสิทธิภาพที่สุดในโลก ( ให้หนึ่ง " สล็อต " สำหรับแต่ละ 100000000 ประชากรมนุษย์

)แม้ว่ากลุ่มทั้งหมดจะว่าสมบูรณ์แยกออกจากเครือข่ายของอำนาจรัฐแบบดั้งเดิม ( ในอดีต บนพื้นฐานของเกณฑ์ที่กําหนด เช่น ขุนนาง เชื้อชาติ เพศ หรือ ศาสนา ) , ทฤษฎีการรับรู้ว่า " ยอดเคาน์เตอร์ชนชั้นสูง " บ่อยพัฒนาภายใน เช่น แยกกลุ่มการเจรจาระหว่างกลุ่มที่ถูกตัดสิทธิ์ และรัฐสามารถวิเคราะห์ได้ เช่น การเจรจาระหว่างชนชั้นสูงและเคาน์เตอร์ชนชั้นสูง . ปัญหาหลักในการเปิดคือความสามารถของชนชั้นสูง CO เลือกเคาน์เตอร์ชนชั้นสูง .

ยอดทฤษฎียืนในการต่อต้านการพหุนิยมทางการเมืองในชี้ให้เห็นว่าประชาธิปไตยเป็นสังคมอุดมคติที่เหมาะ มันยังยืนในการต่อต้านทฤษฎีความเป็นอิสระของรัฐ