HISTORICAL PERSPECTIVEIn order to f

HISTORICAL PERSPECTIVE
In order to fully comprehend the intricacies of the modern hotel, it is important
to look at its origins. The history of lodging can be traced back to the civilizations
of Sumaria and ancient Egypt.1 Indeed, the need for a place to stay
away from home is as old as the first nomadic traveler.
Trading between cultures created the need for groups of people to travel
often great distances. Along these trade routes, certain stopping points became
favored out of necessity. An oasis in the desert or a mountain pass in winter
became logical places for trading caravans to rest. Areas where different trading
routes intersected also became favored stopping points. These junction
points often grew into trading centers. Many junction points eventually
evolved into cities.
Along trade and caravan routes without junction points, a different type
of stopover location evolved. When traveling over vast distances, people were
limited by their mode of transportation and the supplies they could carry. A
journey segment is the maximum reasonable distance traveled in one day
along these routes using the transportation of the day. The length of a journey
segment by camel or horse was significantly longer than the journey segment
on foot. At these journey segments, lodging facilities became a need. They
were called relay houses in China, khans in Persia, and tabernas in Rome.2
Whatever they were called, these earliest lodging facilities began a tradition of
hospitality that endures today.
As the history of lodging unfolded, innovations began to emerge. At
some point, innkeepers began to incorporate food and beverage service in
their operations. This led to a change in the way people traveled. No longer
did people have to carry enough supplies for an entire overland journey. They
simply needed enough to get them from one journey point to another.
Another development was the Roman network of roads that crisscrossed
Europe and parts of Asia and Africa. These roads provided fast and safe routes
for travelers, which created new junction points and journey segments. The
industrial revolution of the mid-1700s created new modes of transportation
that further changed the way people traveled.3
As the evolution of lodging continued, new facilities began to emerge as
an option for travelers. The wealthy and landed aristocracy of the world began
to view the many spare rooms in their castles and estates as sources of revenue.
Generating money in this fashion assisted them in maintaining these
expensive holdings. The best examples of this can be traced back to the English
and colonial inns of the 1700s.4 Each fulfilled the need for housing of travelers
by renting spare rooms. The significant difference between the two was that
colonial inns offered rooms to anyone who could afford to pay, whereas
English inns were most often reserved for the aristocracy. Indeed, the word
hotel is the Anglicized version of the French hôtel garni, which translates into
“large, furnished mansion.”5
Another difference between the two was that English inns rented out
individual sleeping rooms, whereas colonial inns regularly offered large rooms
with several beds inside. This meant that English inns could offer private guest
rooms, whereas colonial inns were better suited for communal accommodations.
Monasteries also provided accommodations similar to the colonial inns,
albeit in a typically more spartan environment.
The first lodging facility that can be directly considered a precursor of the
modern hotel was the City Hotel built in New York in 1794.6 It is a significant
milestone in the evolution of lodging because its sole purpose was to house
guests. All the previous inns were homes first, and lodging facilities second.
City Hotel’s 73 rooms made it quite large for its time.
The emergence of railroads and later the automobile played large roles in
lodging’s history because both dramatically increased the lengths of journey
segments for a traveler. For overland travel, the endurance of animals always
limited the length of journey segments.
In 1829, Tremont House was built in Boston.7 This property was another
milestone in the early evolution of hotels. By the standards of the day, it was
considered the first five-star hotel. Highly trained staff, French Cuisine, and
luxuriously appointed rooms combined to give guests the finest hotel experience
available ever to that point. Amenities the Tremont House offered, such
as in-room water pitchers and free soap, were considered revolutionary.
From the mid-nineteenth century to the early twentieth century, the
railroad became the dominant form of overland travel in America. As the
country expanded westward, the railroads brought people and supplies from
the east. New junction points emerged along these railroad lines. These junction
points eventually evolved into cities like Chicago and St. Louis. All along
these railroad lines, the various junction points served as trading centers that
needed lodging facilities.
At about this same time, in the established cities in the east, the lodging
industry began its modern evolution. In 1908, Ellsworth Statler opened what
many believe to be the first “modern” hotel, the Buffalo Statler.8 It is considered
to be the precursor of the modern hotel because of the many innovations
Mr. Statler incorporated into his product. These innovations, considered commonplace
today, were revolutionary at the time. In addition to setting the first
real standards for cleanliness and guest comfort, these innovations included:

Fire doors

Installation of light switches inside the door so that guests could
enter a lighted room

Private bathrooms

Key holes placed directly

Circulating hot and cold

Full-length mirrors

Morning newspaper

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

มุมมองประวัติศาสตร์
เพื่อเข้าใจ intricacies ของห้องเต็ม มันเป็นสิ่งสำคัญ
ที่กำเนิด สามารถติดตามประวัติการเดินกลับไปที่อารยธรรม
Sumaria และโบราณ Egypt.1 จริง ต้องการพัก
พักอยู่ที่เก่าเป็นแรก nomadic นัก.
ค้าระหว่างวัฒนธรรมที่จำเป็นสำหรับกลุ่มคนในการเดินทางสร้าง
ระยะทางมักจะดีขึ้น ไปตามเส้นทางการค้า เป็นบางจุดหยุด
ปลอดจากความจำเป็น ผ่านโอเอซิสในทะเลทรายหรือภูเขาในฤดูหนาว
กลายเป็นสถานเชิงตรรกะเพื่อการค้าเน้นการพักผ่อน พื้นที่ที่แตกต่างค้า
ระดับเส้นทางยังเป็นชื่นชอบหยุดจุด เชื่อมต่อเหล่านี้
จุดมักจะเติบโตเป็นศูนย์กลางการซื้อขาย จุดเชื่อมต่อมากในที่สุด
เป็นเมือง
ตามเส้นทางการค้าและคาราวานโดยจุดเชื่อมต่อ ชนิดอื่น
สถานออกกำลังกายพัฒนา เมื่อเดินทางผ่านระยะทางที่มากมาย คนถูก
จำกัด โดยโหมดการขนส่งและอุปกรณ์ที่พวกเขาสามารถดำเนินการ A
เซ็กเมนต์เดินทางเป็นระยะเหมาะสมสูงสุดเดินทางในหนึ่งวัน
ตามเส้นทางเหล่านี้โดยใช้การขนส่งของวันนั้น ความยาวของการเดินทาง
เซกเมนต์ โดยอูฐหรือม้าได้นานกว่ากว่าเซ็กเมนต์เดินทาง
เท้า ในกลุ่มเดินทาง พักกลายเป็น ความจำเป็น พวกเขา
บ้านเรียกว่ารีเลย์ในประเทศจีน khans ในเปอร์เซีย และ tabernas ใน Rome.2
Whatever ที่พวกเขาเรียกว่า แรกสุดพักสิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้เริ่มประเพณีการ
สะดวกที่ endures วันนี้
เป็นประวัติศาสตร์พักกางออก นวัตกรรมเริ่มโผล่ ใน
บางจุด innkeepers เริ่มจะรวมบริการอาหารและเครื่องดื่มใน
การดำเนินงาน นี้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในทางคนเดินทาง ไม่
ได้คนต้องมีอุปกรณ์เพียงพอสำหรับเดินขับ พวกเขา
เพียงพอที่จะนำมาจากการเดินทางหนึ่งต้องชี้ไปยังอีกการ
เครือข่ายถนนที่ crisscrossed โรมันถูกพัฒนาอีก
ยุโรปและบางส่วนของเอเชียและแอฟริกา ถนนสายนี้มีเส้นทางอย่างรวดเร็ว และปลอดภัย
สำหรับนักท่องเที่ยว ที่สร้างขึ้นใหม่เชื่อมต่อจุดและเซ็กเมนต์เดินทาง ใน
ปฏิวัติอุตสาหกรรมของที่กลาง-1700s สร้างโหมดใหม่ของขนส่ง
ที่เปลี่ยนแปลงเพิ่มเติม traveled.3
As คนลักษณะที่วิวัฒนาการเดินต่อไป สิ่งอำนวยความสะดวกใหม่เริ่มโผล่เป็น
ตัวเลือกสำหรับนักท่องเที่ยว ขุนนางมั่งคั่ง และที่ดินของโลกเริ่ม
เพื่อดูห้องว่างมากมายในปราสาทและนิคมเป็นแหล่งของรายได้
สร้างเงินนี้ความช่วยเหลือในการรักษาเหล่านี้
โฮลดิ้งที่มีราคาแพง สามารถติดตามตัวอย่างดีที่สุดนี้กลับไปอังกฤษ
และอินน์โคโลเนียลของ 1700s ได้4 แต่ละดำเนินการจำเป็นสำหรับการอยู่อาศัยของนักท่องเที่ยว
โดยเช่าห้องอะไหล่ ความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญระหว่างสองนะ
อินน์โคโลเนียลให้ห้องให้ใครก็ไม่สามารถจ่ายชำระ ขณะ
อินส์อังกฤษถูกมักสงวนไว้สำหรับชนชั้นสูง คำจริง
นี่รุ่น Anglicized การ์โฮเทลฝรั่งเศส ซึ่งเป็
"ขนาดใหญ่ ห้องอากาศ"5
ความแตกต่างระหว่างสองอื่นถูกว่า อินส์อังกฤษเช่าออก
ละนอนห้อง ในขณะที่โรงแรมโคโลเนียลเป็นประจำเสนอห้อง
มีหลายเตียงภายใน นี้หมายถึง อินส์อังกฤษอาจมีห้องส่วนตัว
ห้อง ในขณะที่โรงแรมโคโลเนียลได้ดีเหมาะสำหรับพักชุมชน
อารามให้พักกับโรงแรมโคโลเนียล,
แม้ว่าในปกติมากหน่อยสภาพแวดล้อม
สถานที่พักที่แรกที่สามารถถือได้โดยตรงว่าสารตั้งต้นของการ
โรงแรมถูกโรงแรมในนิวยอร์กใน 1794.6 มันเป็นการสำคัญ
ในวิวัฒนาการของพักเนื่องจากวัตถุประสงค์ของบ้าน
แขก อินน์ที่ก่อนหน้านี้ทั้งหมดได้สิ่งแรก และพักบ้านสอง
ห้องพัก 73 ห้องทำค่อนข้างใหญ่เวลาของการ
เกิดขึ้นรถราง และภายหลัง รถยนต์เล่นใหญ่บทบาทใน
ประวัติของพักเนื่องจากทั้งสองเพิ่มความยาวของการเดินทางอย่างมาก
เซ็กเมนต์สำหรับผู้เดินทาง สำหรับการเดินทางว่า ความอดทนของสัตว์เสมอ
จำกัดความยาวของการเดินทางส่วน
ใน 1829 อนท์ฮิลล์ House ถูกสร้างใน Boston.7 แห่งนี้ถูกอีก
เหตุการณ์สำคัญในช่วงวิวัฒนาการของโรงแรม โดยมาตรฐานของวัน มันเป็น
ถือเป็นโรงแรมระดับห้าดาวแรก สูงผ่านการฝึกอบรมพนักงาน อาหารฝรั่งเศส และ
รวมเพื่อให้แขกผู้เข้าพักดีโรงแรมห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหรา
ใช้ได้เฉพาะจุดที่เคย สิ่งอำนวยความสะดวกบ้านอนท์ฮิลล์เสนอ เช่น
เป็นใน ห้องน้ำ เหยือกและสบู่ฟรี ได้ถือปฏิวัติ
จากศตวรรษปั้นจั่นกลางถึงศตวรรษที่ยี่สิบต้น การ
รถไฟกลายเป็น รูปแบบหลักของสหรัฐว่าในอเมริกา เป็นการ
ประเทศขยาย westward รถรางนำคนและอุปกรณ์จาก
ตะวันออก จุดเชื่อมต่อใหม่เกิดตามเส้นทางรถไฟนี้ เชื่อมต่อเหล่านี้
ชอบสถานที่ในที่สุดพัฒนาเป็นเมืองเซนต์หลุยส์และชิคาโกด้วย ตลอด
นี้รถไฟบรรทัด จุดเชื่อมต่อต่าง ๆ ที่ให้บริการเป็นศูนย์ซื้อขายที่
จำเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกพัก
ที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ขณะเดียวกัน ในเมืองขึ้นในภาคตะวันออก
อุตสาหกรรมเริ่มต้นของวิวัฒนาการที่ทันสมัย ใน 1908, Ellsworth Statler เปิดอะไร
จำนวนมากเชื่อว่าเป็น โรงแรมแรกที่ "ทันสมัย" บัฟฟาโล Statler.8 ว่า
เป็น สารตั้งต้นของห้อง เพราะนวัตกรรมจำนวนมาก
นาย Statler รวมอยู่ในผลิตภัณฑ์ของเขา นวัตกรรมเหล่านี้ ถือดาด ๆ ธรรมดา
วันนี้ ถูกปฏิวัติในเวลานั้น นอกจากครั้งแรก
สบายสะอาดและห้องมาตรฐานจริง นวัตกรรมเหล่านี้รวม:
ประตูไฟ
ติดไฟสลับภายในประตูเพื่อให้แขกสามารถ
ป้อนห้องพักกระจก
ห้องน้ำส่วนตัว
คีย์หลุมวางตรง
หมุนเวียนน้ำร้อน และเย็น
กระจกปราศจาก
หนังสือ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ประวัติศาสตร์ในมุมมอง
เพื่อที่จะเข้าใจความซับซ้อนของโรงแรมทันสมัยเป็นสิ่งสำคัญ
ดูกำเนิดของ ประวัติความเป็นมาของที่พักที่สามารถตรวจสอบกลับไปยังอารยธรรม
ของ sumaria และอียิปต์โบราณ ที่ 1 แน่นอน ต้องการที่พัก ห่างจากบ้าน
เป็นเก่าเป็นนักเดินทางเร่ร่อนก่อน
การซื้อขายระหว่างวัฒนธรรมที่สร้างความต้องการสำหรับกลุ่มของผู้คนเดินทาง
มักจะดี ระยะทาง ตามเส้นทางการค้าเหล่านี้บางจุดแวะมา
โปรด เพราะความจำเป็น โอเอซิสในทะเลทรายหรือภูเขาผ่านฤดูหนาว
กลายเป็นสถานที่ตรรกะสำหรับการซื้อขายคาราวานเพื่อพักผ่อน พื้นที่ที่เส้นทางการซื้อขาย
แตกต่างกัน intersected ก็กลายเป็นที่ชื่นชอบการหยุดจุด จุดแยก
เหล่านี้มักจะเติบโตในศูนย์การค้า จุดเชื่อมต่อมากมายในที่สุด
พัฒนาเป็นเมือง ตามเส้นทางการค้าและคาราวาน

ไม่มีจุดเชื่อม , ชนิดที่แตกต่างกันของ แวะสถานที่วิวัฒนาการ เมื่อเดินทางผ่านระยะทางอันกว้างใหญ่ คนถูก
จำกัดโดยโหมดของการขนส่งและวัสดุที่พวกเขาจะถือ เป็นส่วนที่เป็นสูงสุดที่เหมาะสม
การเดินทางระยะทางที่เดินทางในวันเดียว
ตามเส้นทางเหล่านี้ใช้ขนส่งของวันความยาวของการเดินทาง
ส่วนโดยอูฐหรือม้าอย่างมีนัยสำคัญมากกว่าส่วนการเดินทาง
บนฝ่าเท้า ในส่วนการเดินทางเหล่านี้ , ที่พักเครื่องก็ต้อง พวกเขา
ถูกเรียกว่าถ่ายทอดบ้านในประเทศจีน ข่านในเปอร์เซีย และตาเบร์นัสในกรุงโรม 2
สิ่งที่พวกเขาเรียกว่า เครื่องที่พักเหล่านี้แรกเริ่มเป็นประเพณีของการต้อนรับที่อดทน

วันนี้เป็นประวัติศาสตร์ที่พักแบบกางออกนวัตกรรมเริ่มที่จะโผล่ออกมา ที่
บางจุด innkeepers เริ่มที่จะรวมบริการอาหารและเครื่องดื่มใน
การดําเนินงานของตนเอง นี้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในทางที่คนเดินทาง ไม่มีอีกต่อไป
คนต้องแบกอุปกรณ์เพียงพอสำหรับการเดินทางโดยทางบกทั้งหมด พวกเขาเพียงแค่ต้องการ
พอที่จะรับพวกเขาเดินทางจากจุดหนึ่งไปยังอีก .
การพัฒนาอีกเป็นเครือข่ายของถนนโรมันที่ทับ
ยุโรปและบางส่วนของเอเชียและแอฟริกา ถนนเหล่านี้ให้เส้นทาง
สำหรับการเดินทางที่รวดเร็ว และปลอดภัย ซึ่งได้สร้างจุดเชื่อมต่อใหม่ และการเดินทางของกลุ่ม
การปฏิวัติอุตสาหกรรมของ mid-1700s สร้างรูปแบบใหม่ของการขนส่ง
ที่เพิ่มเติมการเปลี่ยนแปลงวิธีที่ผู้คนเดินทาง 3
เป็นวิวัฒนาการของที่พักต่อเครื่องใหม่ก็เริ่มโผล่เป็น
ทางเลือกสำหรับนักท่องเที่ยว คนรวยและที่ดินชนชั้นสูงของโลกเริ่ม
ดูหลายห้องอะไหล่ของปราสาทและที่ดินเป็นแหล่งที่มาของรายได้
สร้างเงินในแฟชั่นนี้ช่วยพวกเขาในการรักษาเหล่านี้
แพง โฮลดิ้งส์ ตัวอย่างที่ดีที่สุดของนี้สามารถ traced กลับไปที่อังกฤษและอาณานิคม
inns 1700 .4 แต่ละเติมเต็มความต้องการที่อยู่อาศัยของนักเดินทาง
เช่าห้องว่าง ความแตกต่างระหว่างสองคือว่า
อินน์อาณานิคมเสนอห้องพักให้ใครจ่าย ในขณะที่
อินน์ภาษาอังกฤษส่วนใหญ่มักจะสงวนไว้สำหรับชนชั้นสูง . จริงๆ คำว่า
Hotel เป็น anglicized เวอร์ชั่นของภาษาฝรั่งเศส H เป็นการโทร การ์นิ ที่แปลลงใน
" ขนาดใหญ่ตกแต่งคฤหาสน์ 5
"ความแตกต่างระหว่างสองคือว่า อินน์ ภาษาอังกฤษ เช่า
บุคคลนอนห้องพัก ในขณะที่อินอาณานิคมเป็นประจำเสนอ
ห้องขนาดใหญ่ที่มีเตียงหลายด้านใน นี้หมายความว่าอินน์ภาษาอังกฤษสามารถเสนอห้องพัก
ส่วนตัว ในขณะที่อินอาณานิคมถูกดีเหมาะกับที่พักส่วนกลาง
วัดยังให้ที่พักคล้ายกับอาณานิคม
อินน์แม้ว่าในสภาพแวดล้อมที่เรียบง่ายมักจะเพิ่มเติม .
ครั้งแรกกับสถานที่พักที่สามารถโดยตรงถือเป็นสารตั้งต้นของ
โรงแรมเป็นโรงแรมสร้างใหม่ในนิวยอร์กใน 1794.6 มันเป็นก้าวสำคัญในการวิวัฒนาการของที่พักเพราะ

จุดประสงค์ของมันคือการบ้านแขก ทั้งหมดก่อนหน้านี้มีขนาดเล็กบ้านครั้งแรก และที่พักเครื่อง 2 .
โรงแรม 73 ห้อง ทำให้มันค่อนข้างใหญ่สำหรับเวลาของ การรถไฟ และภายหลัง
รถยนต์เล่นบทบาทขนาดใหญ่ในประวัติศาสตร์ของที่พัก
เพราะทั้งสามารถเพิ่มความยาวของส่วนการเดินทาง
สำหรับนักเดินทาง สำหรับ โอเวอร์แลนด์เดินทาง ความอดทนของสัตว์เสมอ
จำกัดความยาวของส่วนการเดินทาง .
ในปี 1829 Tremont House ถูกสร้างขึ้นในบอสตัน นี่คืออีก
7 คุณสมบัติขั้นในวิวัฒนาการเช้าของโรงแรม โดยมาตรฐานของวันนี้ มัน
ถือว่าเป็นโรงแรม 5 ดาวก่อน การฝึกอบรมพนักงาน อาหารฝรั่งเศส และได้รับการแต่งตั้งอย่างหรูหราห้องพักรวมให้

โรงแรมแขกที่ดีที่สุดประสบการณ์ที่มีอยู่เดิมไปสู่จุดนั้น สิ่งอำนวยความสะดวกบ้าน Tremont เสนอ เช่นน้ำในเหยือก
เป็นห้องและสบู่ฟรี ถือว่า
ปฏิวัติจากศตวรรษที่สิบเก้ากลางศตวรรษที่ยี่สิบต้น ,
ทางรถไฟเป็นรูปแบบเด่นของเกาะท่องเที่ยวที่อเมริกา เป็นประเทศที่ขยายไปทางทิศตะวันตกรถไฟ
,
นำคนและอุปกรณ์จากทางทิศตะวันออก จุดเชื่อมต่อใหม่เกิดขึ้นตามแนวเส้นทางรถไฟสายนี้ เหล่านี้แยก
จุดในที่สุดพัฒนาเป็นเมืองเช่นชิคาโกและเซนต์หลุยส์ ตลอดมา
เส้นทางรถไฟเหล่านี้เชื่อมต่อจุดต่างๆ ทำหน้าที่เป็นศูนย์ค้าที่
ต้องการพักเครื่อง .
ที่เกี่ยวกับเวลาเดียวกันนี้ ในการสร้างเมืองในตะวันออก , บ้านพัก
อุตสาหกรรมเริ่มวิวัฒนาการที่ทันสมัยของ ในปี 1908 , Ellsworth แนะนำใกล้เปิดแล้ว
หลายคนเชื่อว่าเป็นครั้งแรกที่ " ทันสมัย " โรงแรม บัฟฟาโล ตทเลอร์ 8 ก็ถือว่า
ที่จะเป็นสารตั้งต้นของโรงแรมที่ทันสมัยเพราะ
นวัตกรรมมากมายคุณแนะนำใกล้รวมอยู่ในผลิตภัณฑ์ของเขา นวัตกรรมเหล่านี้ ถือเป็นเรื่องธรรมดา
วันนี้มีการปฏิวัติในเวลา นอกจากการตั้งค่าครั้งแรก
จริงมาตรฐานความสะอาดและความสะดวกของแขกนวัตกรรมเหล่านี้รวม :


ไฟประตู
ติดตั้งสวิทช์ไฟประตูด้านในเพื่อให้แขกสามารถเข้าไปจัดห้อง



ห้องน้ำส่วนตัว
คีย์หลุมวางไว้ตรง

หมุนเวียนร้อนและเย็น


กระจกยาวเต็ม
หนังสือพิมพ์เช้า