In January 1920, Duchamp made (agai

In January 1920, Duchamp made (again) an optical experiment with the assistance of Man Ray. Making us of the fact that the eye retains an image for a fraction of a second after it diappeared, he built a motorized machine, 'Rotary Glass Plates (Precision Optics)'. Segments of a circle were painted on five glass plates mounted on an electrically operated metal axis. Rubber strips connected the axis to the motor. The experiment was no success.
Three years later, Duchamp tried this experiment again, now using a turntable of a record player. He made a series of 'Disks Bearing Spirals' (1923) mounted on cardboard. This anticipated the spiral theme that would later appear in 'Rotary Demisphere' (Precision Optics, 1925) and in the film 'Anémic Cinéma' (1925-1926). The revolving disks produced a three-dimensional effect.
Rotary Demisphere, 1925The disks in 'Disks Bearing Spirals' (1923) were preliminary studies for Duchamp's (second) attempt to produce a three-dimensional film. This time he just filmed rotating disks, alternating ten 'Optical Disks', based on the earlier 'Disks Bearing Spirals'. Nine of these disks were inscribed by puns, white letters pasted on black cardboard disks.
Bart Testa: "Anemic Cinema alternates shots of moving spirals and shots of texts mounted on disks in slight relief. The texts, which we read from the outside inwards, involve complex word play that may, on certain if always instable readings, suggest to us a set of erotic scenarios. On one, let's call it a material level, Duchamp's film lives up to its name: it minimizes the element of silent films: words, then images. Duchamp sharply bifurcates the film viewing activity into two: reading words on a screen and viewing images, moving spirals, whose motion produces the play of depth and flatness that is a given of cinematic illusion. On another, let's call it a phenomenal level, the combined reading and viewing of silent films conventionally give rise to a third activity: our imaginative conjuration of a domain with all the space and furniture of a world. It is what film semioticians term diegesis. Anemic Cinema exposes, by its reduction, this third and paradoxically maximizing activity: our imaginary production of diegesis, which can still happen in Anemic Cinema. And the film does this, amazingly enough, by dismissing mimesis.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ใน 1920 มกราคม Duchamp ได้ (อีกครั้ง) การทดลองแสงจากเรย์คน ทำให้เราความจริงที่ว่า ตาจะรูปภาพสำหรับเศษส่วนของวินาทีหลังจากนั้น diappeared เขาสร้างเครื่องยนต์ 'หมุนแผ่นแก้ว (เลนส์ความแม่นยำ)' ส่วนของวงกลมสีบนแผ่นแก้วห้าที่บนแกนโลหะไฟฟ้าดำเนินการ แถบยางกับแกนมอเตอร์ การทดลองไม่สำเร็จสามปีต่อมา Duchamp พยายามทดลองนี้อีก ตอนนี้ ใช้การหมุนของเครื่องเล่นบันทึก เขาทำชุดของ 'ดิสก์แบก Spirals' (1923) บนกระดาษแข็ง นี้คาดแบบเกลียวที่ภายหลังปรากฏ ใน 'โรตารี Demisphere' (เลนส์ความแม่นยำ 1925) และ ในภาพยนตร์เรื่อง 'Anémic Cinéma' (1925-1926) ดิสก์หมุนผลิตผลสามมิติDemisphere โรตารี่ ดิสก์ 1925The ค.ศ.' ดิสก์แบก' (1923) ได้ศึกษาเบื้องต้นสำหรับความพยายาม (รอบสอง) ของ Duchamp ผลิตภาพยนตร์สามมิติ เวลานี้เขาเพิ่งถ่ายทำดิสก์หมุน สลับสิบ 'ออปติคัลดิสก์' อิงการก่อนหน้า 'ดิสก์แบก Spirals' เก้าของดิสก์เหล่านี้ถูกจารึก โดยซ้ำ ๆ ซาก ๆ ตัวอักษรสีขาวที่วางบนดิสก์กระดาษแข็งสีดำBart Testa: "ติดภาพทางเลือกภาพยนตร์ Anemic ย้าย spirals และภาพของข้อความบนดิสก์ในเล็กน้อยบรรเทา ข้อความ ซึ่งเราอ่านจาก inwards อยู่นอก เกี่ยวข้องกับการเล่นคำซับซ้อนที่อาจ บนบางถ้า instable เสมออ่าน แนะนำให้เราชุดของสถานการณ์ที่เร้าอารมณ์ หนึ่ง เรียกระดับวัสดุ ภาพยนตร์ของ Duchamp ชีวิตถึงชื่อ: จะช่วยลดการองค์ประกอบของภาพยนตร์เงียบ: คำ แล้วภาพที่ Duchamp bifurcates ฟิล์มดูกิจกรรมเป็นสองคม: อ่านคำบนหน้าจอ และดูภาพ ย้าย spirals การเคลื่อนไหวก่อให้เกิดการเล่นของความลึกและความเรียบที่มีให้ภาพยนตร์ภาพลวงตา ในอีก เรียกระดับปรากฏการณ์ การอ่านรวมและการดูภาพยนตร์เงียบตามอัตภาพที่ก่อให้เกิดกิจกรรมที่สาม: conjuration เราจินตนาการของโดเมนพร้อมพื้นที่และเฟอร์นิเจอร์ของโลก มันเป็นอะไร semioticians ฟิล์มระยะ diegesis โรคโลหิตจางภาพยนตร์แสดง โดยลดของมัน นี้ที่สาม และทางเพิ่มกิจกรรม: ผลิตในจินตนาการของ diegesis ซึ่งสามารถยังเกิดขึ้นในภาพยนตร์โรคโลหิตจาง และฟิล์มทำ น่าอัศจรรย์ พอปิด mimesis

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในมกราคม 2463 , ดัชแชมพ์ ( อีกครั้ง ) การทดลองแสงด้วยความช่วยเหลือของแมนเรย์ ทำให้เราความจริงที่ว่าตายังคงมีภาพเสี้ยววินาทีหลังจากที่มัน diappeared เขาสร้างเครื่องยนต์เครื่อง " จานหมุน ( เลนส์แก้วความแม่นยำ ) " ส่วนของวงกลมที่ถูกวาดบนแผ่นแก้วห้าติดการไฟฟ้าโลหะแกน ยางแกนมอเตอร์รางเพื่อเชื่อมต่อ การทดลองไม่ประสบความสำเร็จสามปีต่อมา จนท. ได้พยายามทดลองอีกที ตอนนี้ใช้จานหมุนของเครื่องเล่นแผ่นเสียง เขาทำชุด " " ( 1923 ) ดิสก์แบริ่งแบบติดบนกระดาษแข็ง นี้คาดเกลียวธีมที่ภายหลังจะปรากฏใน " " ( หมุน demisphere เครื่องแก้ไขภาพกล้องความแม่นยำ 1925 ) และในภาพยนตร์เรื่อง " " ( ? ) ไมค์ ) มา 1925-1926 ) ดิสก์หมุนผลิตผลสามมิติdemisphere หมุนดิสก์ดิสก์แบริ่งแบบ 1925the ใน " " ( 1923 ) การศึกษาเบื้องต้นเพื่อดูชอง ( ที่สอง ) พยายามที่จะผลิตภาพยนตร์สามมิติ คราวนี้เขาก็แค่ถ่ายจานหมุนสลับ 10 " " บนพื้นฐานของออปติคอลดิสก์ , ดิสก์แบริ่งแบบก่อนหน้านี้ " " เก้าของดิสก์เหล่านี้ถูกจารึกโดยปุนขาวตัวอักษรวางบนแผ่นกระดาษแข็งสีดำบาร์ท เทสต้า : " ภาพหนังสลับ ) ย้ายรอบและภาพข้อความติดบนดิสก์ในโล่งอก ข้อความที่เราอ่านจากข้างนอกเข้ามา เกี่ยวข้องกับการเล่นคำที่ซับซ้อนอาจจะเกี่ยวกับบางอย่างถ้าเสมอกระบวนการอ่านแนะนำให้เราชุดของสถานการณ์ที่เร้าอารมณ์ หนึ่ง ขอเรียกมันว่า วัสดุระดับ จนท. ของภาพยนตร์ชีวิตถึงชื่อของมัน : มันลดองค์ประกอบของภาพยนตร์เงียบ : คำพูด , ภาพ เซ็นทรัล อย่างรวดเร็ว bifurcates ฟิล์มดูกิจกรรมออกเป็นสอง : อ่านคำบนหน้าจอ และดูภาพเคลื่อนที่แบบที่เคลื่อนไหวสร้างเล่นของความลึกและความแก่ของโรงภาพยนตร์ที่เป็นภาพลวงตา เรื่องอื่น ขอเรียกมันว่า ระดับปรากฏการณ์ , การอ่านและการดูโดยรวมภาพยนตร์เงียบที่ก่อให้เกิดกิจกรรมที่สาม : ของเราใช้เวทมนตร์ของโดเมนกับทุกพื้นที่ และเฟอร์นิเจอร์ของโลก มันเป็นสิ่งที่ semioticians ภาพยนตร์ในระยะ diegesis . ภาพยนตร์ ) ที่เปิดเผยโดยการลดและเพิ่มกิจกรรมที่สามนี้ขัดแย้ง : การผลิตของเราในจินตนาการของ diegesis ซึ่งยังสามารถเกิดขึ้นในโรงภาพยนตร์ โรคโลหิตจาง และภาพยนตร์เรื่องนี้ , amazingly เพียงพอ โดยการตัดการทำสำเนา .