Templeton became a billionaire[4][5

Templeton became a billionaire[4][5][6][7][8][9] by pioneering the use of globally diversified mutual funds. His Templeton Growth Fund, Ltd. (investment fund), established in 1954, was among the first who invested in Japan in the middle of the 1960s.[10] He is noted for, during the Depression of the 1930s, buying 100 shares of each NYSE listed company which was then selling for less than $1 a share ($17 today) (104 companies, in 1939), later making many times the money back when USA industry picked up as a result of World War II.[11]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ริคคาร์ตันเป็น แบบ billionaire [4] [5] [6] [7] [8] [9] โดยบุกเบิกการใช้กองทุนทั่วโลกหลากหลาย เขาเทมเปิลตันเติบโตกองทุน Ltd. (กองทุนรวม), ก่อตั้งขึ้นใน 1954 ถูกในครั้งแรกที่ลงทุนในญี่ปุ่นกลางปี 1960[10] เขาเป็นสังเกตสำหรับ ระหว่างภาวะซึมเศร้าของ 1930 ซื้อ 100 หุ้นแต่ละบริษัท NYSE แสดงซึ่งมีขายแล้วสำหรับน้อยกว่า $1 หุ้น ($17 วันนี้) (104 ประเทศ 1939), ในภายหลังทำให้หลายครั้งเงินกลับเมื่ออุตสาหกรรมสหรัฐอเมริการับจากสงครามโลกครั้งที่สอง[11]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เทมเปิลกลายเป็นมหาเศรษฐี [4] [5] [6] [7] [8] [9] โดยการสำรวจการใช้ที่หลากหลายทั่วโลกกองทุนรวม เทมเปิลการเจริญเติบโตของกองทุนของเขากัด (กองทุนรวมที่ลงทุน) ก่อตั้งขึ้นในปี 1954 เป็นหนึ่งในครั้งแรกที่ลงทุนในประเทศญี่ปุ่นในช่วงกลางของทศวรรษที่ 1960. [10] เขาถูกตั้งข้อสังเกตในช่วงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำของปี 1930 ซื้อ 100 หุ้นของ แต่ละ บริษัท NYSE จดทะเบียนแล้วซึ่งได้รับการขายน้อยกว่า $ 1 หุ้น ($ 17 วัน) (104 บริษัท ในปี 1939) ต่อมาทำให้หลายต่อหลายครั้งเงินคืนเมื่ออุตสาหกรรมสหรัฐอเมริกาปรับตัวดีขึ้นเป็นผลมาจากสงครามโลกครั้งที่สองได้. [11]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เทมเปิลตันกลายเป็นเศรษฐี [ 4 ] [ 5 ] [ 6 ] [ 7 ] [ 8 ] [ 9 ] โดยผู้บุกเบิกการใช้ทั่วโลกหลากหลายกองทุนรวม เขาเติบโตกองทุน Templeton จำกัด ( ลงทุน ) , ก่อตั้งขึ้นในปี 1954 เป็นหนึ่งในครั้งแรกที่ลงทุนในญี่ปุ่นในช่วงกลางของทศวรรษที่ 1960 [ 10 ] เขาระบุไว้ในช่วงภาวะซึมเศร้าในช่วงทศวรรษที่ 1930 ,ซื้อ 100 หุ้นของแต่ละบริษัท ซึ่งจดทะเบียนที่ขายสำหรับน้อยกว่า $ 1 ร่วมกัน ( $ 17 วันนี้ ) ( 104 บริษัท ในปี 1939 ) ในภายหลัง ทำให้หลายครั้งที่เงินกลับเมื่ออุตสาหกรรม USA รับผลของสงครามโลกครั้งที่สอง . [ 11 ]