Honey gets its sweetness from the m

Honey gets its sweetness from the monosaccharides fructose and glucose, and has about the same relative sweetness as granulated sugar.[1][2] It has attractive chemical properties for baking and a distinctive flavor that leads some people to prefer it to sugar and other sweeteners.[1] Most microorganisms do not grow in honey so sealed honey does not spoil, even after thousands of years.[3][4] However, honey sometimes contains dormant endospores of the bacterium Clostridium botulinum, which can be dangerous to babies, as it may result in botulism.[5]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

น้ำผึ้งหวานที่ได้รับจาก monosaccharides ฟรักโทสและกลูโคส และมีเกี่ยวกับความสัมพันธ์เดียวกันหวานเป็นน้ำตาลทรายแดง [1] มันมีคุณสมบัติทางเคมีที่น่าสนใจสำหรับการอบและรสเด่นที่บางคนต้องการน้ำตาลและสารให้ความหวานอื่น ๆ [1] ส่วนใหญ่จุลินทรีย์ไม่เจริญเติบโตในน้ำผึ้งเพื่อให้ผึ้งปิดผนึกไม่เสีย แม้หลังจากพัน ๆ ปี [3] [4] อย่างไรก็ตาม น้ำผึ้งประกอบด้วยบางครั้งอยู่เฉย ๆ endospores ของของแบคทีเรีย Clostridium botulinum ซึ่งสามารถเป็นอันตรายต่อทารก อีสุกอีใสอาจส่งผล [5]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ฮันนี่ได้รับความหวานจากน้ำตาลฟรุกโต monosaccharides และกลูโ​​คสและมีเกี่ยวกับความหวานญาติเช่นเดียวกับน้ำตาลทราย. [1] [2] มันมีคุณสมบัติทางเคมีที่น่าสนใจสำหรับการอบและรสชาติที่โดดเด่นที่นำไปสู่​​บางคนจะชอบมันน้ำตาลและอื่น ๆ สารให้ความหวาน. [1] จุลินทรีย์ส่วนใหญ่ไม่ได้เติบโตในน้ำผึ้งเพื่อให้น้ำผึ้งปิดผนึกไม่เสียแม้หลังจากพัน ๆ ปี. [3] [4] แต่น้ำผึ้งบางครั้งมีสปอร์อยู่เฉยๆของ botulinum แบคทีเรีย Clostridium ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อทารก เพราะอาจส่งผลให้เกิดโรค. [5]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

น้ำผึ้งได้รับความหวานจากโมโนแซ็กคาไรด์กลูโคสและฟรุคโตส และเกี่ยวกับเดียวกันเทียบความหวานเป็นน้ำตาลทรายขาว [ 1 ] [ 2 ] มันมีเสน่ห์ เคมีสำหรับการอบและรสชาติที่โดดเด่นนัก บางคนชอบที่จะใส่น้ำตาลและสารให้ความหวานอื่น ๆ [ 1 ] จุลินทรีย์ส่วนใหญ่ไม่เติบโตในน้ำผึ้งแล้วปิดผนึก น้ำผึ้งไม่เสีย แม้หลังจากหลายปี [ 3 ] [ 4 ] อย่างไรก็ตาม น้ำผึ้ง บางครั้งมีเคลื่อนนโดสปอรของเชื้อ Clostridium Botulinum ซึ่งสามารถเป็นอันตรายต่อทารก มันอาจทำให้เกิดอาหารเป็นพิษ [ 5 ]