แม่หมีขั้วโลกต้องย้ายถิ่นฐานจากแผ่นน้ำแข็งในมหาสมุทรอาร์กติก ขึ้นฝั่งทางตอนเหนือของอลาสก้า เพื่อใช้เป็นสถานที่ให้กำเนิดลูก นี่คือรายงานวิจัยชิ้นล่าสุดเกี่ยวกับชะตากรรมของหมีขั้วโลก ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะโลกร้อน การศึกษาของนักวิทยาศาสตร์ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา พบว่าหมีขั้วโลกได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการละลายของน้ำแข็งในมหาสมุทรอาร์กติกที่เกิดจากภาวะโลกร้อน
อุณหภูมิบริเวณขั้วโลกเหนือสูงขึ้นถึง 5 องศาเซลเซียสในรอบ 100 ปี สูงกว่าบริเวณใดๆ ของโลก โดยในบริเวณอลาสก้า ตะวันตกของแคนาดา และตะวันออกของรัสเซีย อุณหภูมิเพิ่มขึ้น 4-7 องศาฟาห์เรนไฮท์ ภายในเวลา 50 ปี และอุณหภูมิในฤดูหนาวสูงขึ้นเร็วกว่าในฤดูร้อน เพราะน้ำแข็งที่บางลงจะปล่อยพลังงานจากมหาสมุทรสู่ชั้นบรรยากาศได้มากขึ้น เมื่อปี 2006 นักวิทยาศาสตร์พบว่า แผ่นน้ำแข็งของมหาสมุทรอาร์กติกเกือบ 7 ล้านตารางกิโลเมตร หดตัวเหลือเพียง 5.32 ล้านตารางกิโลเมตร หรือขนาดสองเท่าของรัฐเท็กซัส
นอกจากนี้ ยังพบว่า ตั้งแต่ปี 2002 เป็นต้นมา ช่วงเวลาน้ำแข็งละลายซึ่งจะเริ่มในฤดูใบไม้ผลิ เกิดขึ้นเร็วกว่าปกติในบริเวณทางตอนเหนือของอลาสก้า และไซบีเรีย และเมื่อปี 2005 ช่วงเวลาน้ำแข็งละลายทั่วอาร์กติกเร็วขึ้นถึง 17 วัน
หมีขั้วโลก (Polar bear) เป็นสัตว์กินเนื้อขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Ursus maritimus เป็นภาษาละตินมีความหมายว่า หมีทะเล ปัจจุบันมีหมีขั้วโลกอยู่ประมาณ 20,000-25,000 ตัว ราว 60% อยู่ในเขตประเทศแคนาดา ที่เหลือกระจายพันธุ์อยู่ในอลาสก้า รัสเซีย นอร์เวย์ และเกาะกรีนแลนด์ หมีขั้วโลกอาศัยแผ่นน้ำแข็งในมหาสมุทรอาร์กติกเพื่อจับแมวน้ำ ซึ่งโผล่ขึ้นมาหายใจทางรูน้ำแข็งหรือริมของน้ำแข็งเป็นอาหาร ช่วงเวลาที่น้ำแข็งละลายเร็วขึ้น ทำให้โอกาสที่มันจะจับแมวน้ำน้อยลงไป และแผ่นน้ำแข็งที่ละลายมากขึ้น ทำให้หมีขั้วโลกจำนวนหนึ่งต้องจมน้ำตาย
การศึกษาโดย US Fish and Wildlife Service พบว่า หมีขั้วโลกที่อ่าวฮัดสัน แคนาดาลดจำนวนลงถึง 22% จาก 1,194 ตัวในปี 1987 เหลือ 935 ตัวในปี 2004 โดยสาเหตุใหญ่เกิดจากแผ่นน้ำแข็งลดน้อยลง แผ่นน้ำแข็งในอ่าวฮัดสันละลายเร็วขึ้น 2 สัปดาห์ ครึ่งเมื่อเทียบกับ 30 ปีก่อน การขาดแคลนอาหารทำให้หมีตัวเมียมีน้ำหนักลดลง 55 ปอนด์ นักวิทยาศาสตร์ของกองทุนสัตว์ป่าโลก คาดว่า หากน้ำแข็งยังละลายในอัตราที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เมื่อถึงปี 2012 หมีตัวเมียบริเวณอ่าวฮัดสันจะผอมมากจนกระทั่งไม่สามารถสืบพันธุ์ได้ ผลการศึกษาล่าสุดโดยทีมนักวิทยาศาสตร์ของ US Geological Survey (USGS) พบว่าหมีตัวเมียจำนวนมากได้ย้ายถิ่นจากแผ่นน้ำแข็งในมหาสมุทรอาร์กติก ขึ้นบกที่อลาสก้าเพื่อให้กำเนิดลูก
โดยธรรมชาติหมีตัวเมียที่ตั้งครรภ์ จะสร้างถ้ำจากหิมะที่ทับถมบนแผ่นน้ำแข็ง เพื่อให้กำเนิดและเลี้ยงดูลูก นักวิทยาศาสตร์พบว่า ในระหว่างปี 1985 – 1994 แม่หมีขั้วโลกจำนวน 62% สร้างถ้ำเพื่อให้กำเนิดลูกบนแผ่นน้ำแข็งในมหาสมุทรอาร์กติก แต่ในระหว่างปี 1998 – 2004 มีจำนวนลดลง 37%
ทีมนักวิทยาศาสตร์ใช้วิธีศึกษาโดยสวมปลอกคอ ซึ่งติดตั้งเครื่องส่งสัญญาณวิทยุผ่านดาวเทียมให้กับหมีตัวเมียในบริเวณตอนเหนือของอลาสก้า ตั้งแต่ปี 1985 เพื่อติดตามตำแหน่งของแม่หมี สัญญาณวิทยุที่อ่อนลง หมายความว่า แม่หมีกำลังอยู่ในถ้ำที่ให้กำเนิดลูก ด้วยวิธีนี้ทีมนักวิทยาศาสตร์สามารถติดตามแม่หมีได้ทั้งหมดจำนวน 383 ตัวตั้งแต่เดือนเมษายน ปี 1985 – มิถุนายน 2005 ทีมนักวิทยาศาสตร์สรุปผลการศึกษาว่า แม่หมีจำนวนมากกำลังสร้างถ้ำบนผืนแผ่นดิน เพราะว่าน้ำแข็งในมหาสมุทรอาร์กติกลดน้อยลง และมีสภาพไม่มั่นคง ข้อมูลจากดาวเทียมแสดงให้เห็นว่า แม่หมีมีแนวโน้มจะเปลี่ยนบริเวณสร้างถ้ำไปยังบริเวณตะวันออก เพื่อหนีจากบริเวณตะวันตก ซึ่งแผ่นดินน้ำแข็งบางลงอย่างรวดเร็ว
แอนโธนี ฟิชแบช นักวิทยาศาสตร์ของ USGS หนึ่งในทีมศึกษา บอกว่าไม่กี่ปีที่ผ่านมาแผ่นน้ำแข็งอาร์กติกที่ละลาย คืนสภาพช้าลง ละลายเร็วขึ้น และบางลงด้วย การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ส่งผลให้แผ่นน้ำแข็งมีสภาพไม่มั่นคงต่อการสร้างถ้ำ เพื่อให้กำเนิดลูกหมี ปัจจุบันหมีขั้วโลกเป็นที่น่าสนใจของหลายองค์กร เป็นเวลา 4 ปีแล้วที่องค์กรกองทุนสัตว์ป่าโลก (World Wide Fund For Nature : WWF) ได้ติดตามศึกษาหมีขั้วโลกในบริเวณหมู่เกาะสฟาลบารด์ (Svalbard Archipelago) ของนอร์เวย์ตามโครงการ WWF-Canon Polar Bear Tracker
ทีมนักวิทยาศาสตร์สวมปลอกคอ ซึ่งติดตั้งเครื่องส่งสัญญาณวิทยุให้กับหมีตัวเมีย (ไม่สามารถสวมปลอกคอให้กับตัวผู้ได้เพราะหมีตัวผู้มีคอใหญ่กว่าหัว) เพื่อเรียนรู้ว่าหมีขั้วโลกมีวิถีชีวิตในสภาพแวดล้อมของอาร์กติกอย่างไร และพวกมันได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของอากาศจากภาวะโลกร้อนอย่างไร
นักวิทยาศาสตร์สามารถตรวจจับการเคลื่อนที่ของหมีขั้วโลก จากสัญญาณวิทยุผ่านดาวเทียม ข้อมูลจะบ่งบอกถึงเวลาที่แม่หมีขั้วโลกเข้าไปในถ้ำหิมะบนแผ่นน้ำแข็ง ช่วงเวลาที่มันออกจากถ้ำพร้อมลูกน้อย และระยะทางที่หมีขั้วโลกเดินทางในแต่ละวัน ในระยะยาวข้อมูลเหล่านี้จะแสดงให้เห็นการปรับตัวของหมีขั้วโลก ตัวอย่างเช่น ในปีที่แผ่นน้ำแข็งละลายมาก หมีขั้วโลกจะไปที่ไหนและปรับตัวอย่างไร
ปัจจุบันสหพันธ์อนุรักษ์โลก (World Conser-vation Union – IUCN) ได้ปรับสถานภาพหมีขั้วโลกจาก น่าเป็นห่วงที่สุด (Least Concern) มาเป็นเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ (Vulnerable) และพยากรณ์ว่าจำนวนหมีขั้วโลกจะลดลง 30% ภายในปี 2050 หมีขั้วโลกเป็นสัตว์ป่าไม่กี่ชนิดที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ เพราะการเปลี่ยนแปลงของอากาศ ไม่ใช่เพราะการล่าของมนุษย์หรือการบุกรุกถิ่นอาศัย โดยมนุษย์การอาศัยอยู่บนแผ่นน้ำแข็งในมหาสมุทรทำให้การล่าหมีขั้วโลกเป็นไปได้ยาก
ทว่าตอนนี้นักอนุรักษ์กำลังเป็นห่วง เพราะการที่พวกมันกำลังขึ้นบก เพราะภาวะโลกร้อน จะทำให้การล่าพวกมันง่ายขึ้น...