When DNA-amplification-based methods are used following apply:
The laboratory should use physical and / or biochemical barriers to prevent
DNA contamination.
The specificity of each primer and each oligonucleotide probe should be
defined and documented.
All reagents, equipment, and work areas should be monitored periodically
for absence of contamination.
Negative control should be included in each amplification.
Reports should designate the type of assay used.
COMPATIBILITY TESTING
Sample identification
Each specimen should be labelled to ensure proper identification of donor
and recipient specimen.
HLA type
When HLA type compatible blood components are required for transfusion,
donor and recipient HLA-A and -B antigens should be determined to obtain
compatible donor.
For living related stem cell transplantation donors, all available family
members (preferably siblings & parents) should be typed to determine
compatibility.
For organ transplantation, donor and recipient should be typed for ABO,
HLA-A, -B - C and –DR/DQ antigens.
HLA antibody detection
Comprehensive cell panel to ensure all WHO accepted antigens including
working antigens should be used for antibody detection in sera from
multiparous women and multitransfused patients.
LYMPHOCYTOTOXICITY CROSSMATCH
Crossmatch should be done using enhancing test methods available such
as prolonged incubation, washing, and augmentation with antiglobulin
reagents or flowcytometry on recently collected blood samples of the
recipient.
If serum shows presence of antibodies, it is preferable to preserve serum
sample for further cross match.
All serum samples should preferably be preserved, in frozen state for at
least 3 months, following transplantation.
PRETRANSPLANTATION TESTS
A sample of blood from prospective transplant donor should be tested
for ABO blood group VDRL, anti-HCV, HBsAg, anti-HIV-1, and anti-HIV-2.
Records of all HLA typing, antibody detection, lymphocyte crossmatch
and pretransplantation tests along with the results of necessary and external
controls tests should be maintained for a period of at least 5 years.
P. Histocompatibility
Testing
เมื่อเพิ่มปริมาณดีเอ็นเอโดยใช้วิธีต่อไปนี้ :
ห้องปฏิบัติการควรใช้ทางกายภาพและ / หรืออุปสรรคทางชีวเคมี เพื่อป้องกันการปนเปื้อนดีเอ็นเอ
.
ความจำเพาะของแต่ละสีและแต่ละตัว ซึ่งควรกำหนดไว้
ทั้งหมดและเอกสาร สารเคมี อุปกรณ์ และพื้นที่ทำงาน ควรจะตรวจสอบเป็นระยะ ๆ
ที่ไม่มีการปนเปื้อนควบคุมเชิงลบควรจะรวมอยู่ในแต่ละแบบ .
รายงานควรกําหนดประเภทของการทดสอบที่ใช้ ตัวอย่างการเข้ากันได้ทดสอบ
แต่ละชิ้นงานควรจะติดป้ายเพื่อให้แน่ใจว่ารหัสที่เหมาะสมของผู้บริจาคและผู้รับตัวอย่าง
.
เมื่อการต hla ประเภทประเภทที่รองรับส่วนประกอบของเลือดจะต้องให้เลือด
,ผู้บริจาคและผู้รับและโปรแกรม - B แอนติเจนควรพิจารณาขอรับ
อยู่ที่เข้ากันได้ผู้บริจาคสเต็มเซลล์ปลูกถ่ายผู้บริจาค , สมาชิกทุกคนในครอบครัว
ใช้ได้ ( โดยเฉพาะพี่น้องพ่อแม่& ) ควรพิมพ์เพื่อตรวจสอบความเข้ากันได้
.
ปลูกถ่ายอวัยวะของผู้บริจาคและผู้รับควรจะพิมพ์สำหรับโปรแกรมตรวจ
- B - C / DQ และ DR แอนติเจน แอนติบอดี
ตรวจสอบค่าสัมประสิทธิ์แผงเซลล์ที่ครอบคลุมเพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนที่ได้รับการยอมรับในการทำงานและรวมถึง
ควรใช้ตรวจหาแอนติบอดีในซีรั่มผู้ป่วยหญิงและ multitransfused สูตร
.
lymphocytotoxicity ความปรารถนาความปรารถนาควรทำโดยใช้การทดสอบวิธีการที่ใช้ได้เช่น
นานที่สุด 1 , ซักผ้า , และเสริม antiglobulin
สารเคมีหรือโฟลไซโทเมทรีเพิ่งเก็บเลือดตัวอย่าง
ถ้าผู้รับ แสดงสถานะของระดับแอนติบอดี จะดีกว่าการรักษา เซรั่ม
ตัวอย่างของครอส แมทช์ต่อไป
ตัวอย่างซีรั่มทั้งหมดควรจะถูกดองแช่แข็งสำหรับรัฐที่
อย่างน้อย 3 เดือน ตาม การ ทดสอบ pretransplantation
ตัวอย่างเลือด จากอนาคตเปลี่ยนผู้บริจาคควรทดสอบ
สำหรับการตรวจหมู่เลือดเอบีโอ , HBsAg , Anti HCV , ทำนาย , และ anti-hiv-2 .
ประวัติของค่าสัมประสิทธิ์ พิมพ์ การตรวจหาแอนติบอดี , lymphocyte และความปรารถนา
pretransplantation การทดสอบพร้อมกับผลที่จำเป็นและภายนอก
การทดสอบการควบคุมควรจะรักษาเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 5 ปี ในการทดสอบฮิสโตคอมแพทิบิลิตี
P
การแปล กรุณารอสักครู่..