The punishment imposed shall not be

The punishment imposed shall not be more severe than that prescribes by the law in force at the time the act is committed. But if the subsequent law, which replaced the law in force at the time the offense was committed, is more favorable to the offender than the law it replaced, the more favorable provision shall be applied retrospectively, according to Section 6. The rationale of this principle is that the act is now regarded a less serious crime under current law, thus, it becomes unreasonable to impose the offender a more severe punishment under the replaced law.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

กำหนดโทษจะรุนแรงมากขึ้นกว่าที่ได้กำหนดตามกฎหมายบังคับใช้ในเวลาที่กำหนดให้การกระทำไม่ แต่ถ้ากฎหมายต่อ แทนกฎหมายบังคับใช้ในขณะที่การกระทำความผิดถูกผูกมัด ที่ ดีกับผู้กระทำผิดมากกว่ากฎหมายนั้นถูกแทน สำรองที่ดีจะสามารถนำมาใช้ย้อนหลังได้ ตามมาตรา ๖ เหตุผลของหลักการนี้คือการกระทำตอนนี้ถือว่าเป็นอาชญากรรมร้ายแรงน้อยภายใต้กฎหมายปัจจุบัน ดังนั้น มันกลายเป็น unreasonable กำหนดระวางโทษที่รุนแรงมากขึ้นภายใต้กฎหมาย

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การลงโทษที่กำหนดจะไม่รุนแรงมากขึ้นกว่าที่กำหนดไว้ในกฎหมายมีผลบังคับใช้ในเวลาการกระทำที่มีความมุ่งมั่น แต่ถ้ากฎหมายที่ตามมาซึ่งแทนที่กฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในเวลาที่กระทำผิดกฎหมายมีความมุ่งมั่นเป็นอย่างดีมากขึ้นในการกระทำผิดกฎหมายกว่ามันถูกแทนที่ด้วยการจัดหาที่ดีขึ้นจะต้องถือปฏิบัติตามมาตรา 6 ของเหตุผลนี้ หลักการก็คือว่าการกระทำในขณะนี้ถือได้ว่าเป็นอาชญากรรมที่ร้ายแรงน้อยภายใต้กฎหมายปัจจุบันดังนั้นมันจะกลายเป็นไม่มีเหตุผลที่จะกำหนดผู้กระทำผิดได้รับการลงโทษที่รุนแรงมากขึ้นตามกฎหมายแทนที่

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การลงโทษที่กำหนดจะไม่รุนแรงมากกว่าที่กำหนดหลักในกฎหมายที่ใช้อยู่ในเวลาที่กระทำนั้นกระทำ แต่ถ้ากฎหมายตามมา ซึ่งแทนที่กฎหมายที่ใช้อยู่ในเวลาที่กระทำผิด คือ เป็นมงคลกับผู้กระทำความผิดกฏหมายมากกว่าแทน ส่วนเพิ่มเติมอันจะนำไปใช้ย้อนหลังตาม มาตรา 6เหตุผลหลักนี้ก็คือพระราชบัญญัติ คือตอนนี้ถือว่าเป็นอาชญากรรมที่ร้ายแรงน้อยกว่าภายใต้กฎหมายปัจจุบัน ดังนั้น มันก็ไม่มีเหตุผลที่จะกำหนดผู้ที่กระทำความผิดถูกลงโทษรุนแรงมากขึ้นภายใต้แทนที่กฎหมาย