Wherefore wealth?Income often refer

Wherefore wealth?

Income often refers to earnings from work, although it can include income from other sources such as rent. Wealth measures income accumulated over time, so it tends to have a cumulative effect over years. Wealth also includes assets in the form of property, stocks and inheritances. All these can grow in value separately from income.

A person with zero income can be very wealthy. A person may have $10 million in assets (and is hence considered wealthy) but can have zero income in a particular year – if he is not working and does not collect rent or dividends from his assets. Income and wealth must be taken together for a fuller picture of a household’s true economic power.

American think-tank Pew Research Centre last December published a report on wealth inequality which said: “Most researchers agree that wealth is much more unevenly distributed than income.”

It cited data showing that the top one-fifth of United States families earned about 60 per cent of all income but owned nearly 90 per cent of all wealth.

A separate report by the International Monetary Fund (IMF) last October said that the ratio of private wealth to national income in the world has more than doubled since 1970. This means wealth is growing more quickly than incomes.

“Household wealth is very unequally distributed – even more so than income,” the report said. “In advanced economies, the top 10 per cent own, on average, more than half of the wealth (up to 75 per cent in the US),” it added.

This means wealth is “arguably, a better indicator of ability to pay than annual income”, the report said.

Another reason the wealth gap is as significant as – if not more significant than – the income gap is that a build-up in wealth can become entrenched over time and is harder to redistribute.

For example, a rich family with houses worth $10 million can pass them on to their children, who may use those houses as collateral or capital to buy more property or build businesses to accumulate another $20 million for their descendants. And the cycle goes on.

So while wealth inequality has received less mention in Singapore than income inequality so far, it is arguably an even more important challenge facing our society.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

หอของความโลภให้เลือกมากมายหรือไม่รายได้มักจะอ้างถึงรายได้จากการทำงาน แต่สามารถมีรายได้จากแหล่งอื่น ๆ เช่นให้เช่า สมบัติวัดรายได้สะสมเวลา ดังนั้นจึงมีแนวโน้มที่จะมีผลสะสมปี ให้เลือกมากมายยังมีสินทรัพย์ในรูปแบบของคุณสมบัติ หุ้น และ inheritances ทั้งหมดเหล่านี้สามารถเติบโตในค่าแยกต่างหากจากเงินได้ผู้ มีรายได้ศูนย์สามารถรวยมาก คนได้ $10 ล้านในสินทรัพย์ (และดังนั้นจึงถือว่ารวย) แต่สามารถมีรายได้เป็นศูนย์ในปีหนึ่ง ๆ – ถ้าเขาไม่ทำงาน และไม่เก็บค่าเช่าหรือเงินปันผลจากสินทรัพย์ของเขา รายได้และอีกมากมายให้ต้องใช้ร่วมกันสำหรับรูปฟูลเลอร์ของอำนาจทางเศรษฐกิจที่แท้จริงของครัวเรือนศูนย์วิจัยพิว think-tank อเมริกันล่าสุดธันวาคมเผยแพร่รายงานเกี่ยวกับความไม่เท่าเทียมกันให้เลือกมากมายซึ่งกล่าวว่า: "ส่วนใหญ่นักวิจัยกันว่า มั่งคั่งมากซึ่งกระจายกว่ารายได้"มันอ้างถึงข้อมูลที่แสดงบน 1 5 ของสหรัฐอเมริกาได้ประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ทั้งหมด แต่เป็นเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์ของทรัพย์สินทั้งหมดรายงานแยกต่างหากโดยนานาชาติเงินกองทุน (IMF) เมื่อเดือนตุลาคมกล่าวว่า อัตราส่วนของทรัพย์สินส่วนตัวที่รายได้แห่งชาติในโลกมีสองเท่ากว่าตั้งแต่ 1970 ซึ่งหมายความ มั่งคั่งเติบโตได้รวดเร็วกว่ารายได้"ครัวเรือนอีกมากมายให้มีกระจายมาก unequally – แม้แต่ดังกว่ารายได้, " รายงานกล่าวว่า การ "ในขั้นสูง ตัวสูงสุดร้อยละ 10 เอง เฉลี่ย มากกว่าครึ่งหนึ่งของความมั่งคั่ง (ถึง 75 เปอร์เซ็นต์ในสหรัฐอเมริกา), " มันเพิ่มนี้หมายความ มั่งคั่ง "ว่า ที่ดีตัวบ่งชี้ความสามารถในการจ่ายเงินรายได้ประจำปีมากกว่า" รายงานกล่าวว่า การเหตุผลอื่นอีกมากมายให้ช่องว่างที่สำคัญเป็น – ถ้าไม่สำคัญกว่า – ช่องว่างของรายได้ ที่เกิดในความมั่งคั่งสามารถกลายเป็นมั่นคงแห่งรัฐเวลาหนักกระจาย และตัวอย่าง ครอบครัวที่ร่ำรวย มีบ้านมูลค่า $10 ล้านสามารถส่งให้ลูก ที่อาจใช้ที่บ้านเป็นหลักทรัพย์หรือเงินทุนเพื่อซื้อทรัพย์สินเพิ่มเติม หรือสร้างธุรกิจพอกอีก 20 ล้านเหรียญสำหรับลูกหลานของพวกเขา และการไปดังนั้น ในขณะที่ความไม่เท่าเทียมกันให้เลือกมากมายได้รับกล่าวถึงน้อยในสิงคโปร์กว่าความไม่เท่าเทียมกันของรายได้จน ได้ว่าเป็นความท้าทายสำคัญยิ่งหันหน้าเข้าหาสังคม

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เพราะฉะนั้นความมั่งคั่ง? รายได้มักจะหมายถึงรายได้จากการทำงานแม้ว่ามันอาจรวมถึงรายได้จากแหล่งอื่น ๆ เช่นค่าเช่า รายได้ความมั่งคั่งมาตรการสะสมในช่วงเวลาดังนั้นจึงมีแนวโน้มที่จะมีผลกระทบในช่วงหลายปี ความมั่งคั่งยังรวมถึงสินทรัพย์ในรูปแบบของสถานที่ให้บริการหุ้นและมรดก ทั้งหมดเหล่านี้สามารถเจริญเติบโตได้ในมูลค่าแยกต่างหากจากรายได้. คนที่มีรายได้เป็นศูนย์สามารถเป็นรวยมาก บุคคลที่อาจมี $ 10,000,000 ในสินทรัพย์ (และมีการพิจารณาจึงร่ำรวย) แต่จะมีรายได้ในปีที่ศูนย์โดยเฉพาะอย่างยิ่ง - ถ้าเขาไม่ได้ทำงานและไม่ได้เก็บค่าเช่าหรือเงินปันผลจากสินทรัพย์ของเขา รายได้และความมั่งคั่งจะต้องนำมารวมกันเพื่อให้ได้ภาพฟูลเลอร์ของอำนาจทางเศรษฐกิจในครัวเรือนที่แท้จริง. อเมริกันคิดว่าถัง Pew Research Centre เมื่อเดือนธันวาคมที่ตีพิมพ์รายงานเกี่ยวกับความไม่เท่าเทียมกันความมั่งคั่งซึ่งกล่าวว่า "นักวิจัยส่วนใหญ่ยอมรับว่าความมั่งคั่งมากขึ้นกระจายไม่สม่ำเสมอกว่ารายได้ "มันอ้างถึงข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าด้านบนหนึ่งในห้าของครอบครัวที่ประเทศสหรัฐอเมริกาได้รับประมาณร้อยละ60 ของรายได้ทั้งหมด แต่เป็นเจ้าของเกือบร้อยละ 90 ของความมั่งคั่งทั้งหมด. รายงานแยกต่างหากจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เมื่อเดือนตุลาคมกล่าวว่าอัตราส่วน ความมั่งคั่งส่วนตัวถึงรายได้ประชาชาติในโลกได้เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวตั้งแต่ปี 1970 ซึ่งหมายความว่าความมั่งคั่งที่มีการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วกว่ารายได้. "ความมั่งคั่งของครัวเรือนมีการกระจายอย่างไม่มีที่เปรียบมาก - มากยิ่งขึ้นกว่ารายได้" รายงานดังกล่าว "ในเศรษฐกิจขั้นสูงด้านบนร้อยละ 10 เป็นเจ้าของโดยเฉลี่ยมากกว่าครึ่งหนึ่งของความมั่งคั่ง (ไม่เกินร้อยละ 75 ในสหรัฐอเมริกา)," มันเพิ่ม. ซึ่งหมายความว่าความมั่งคั่งคือ "เนื้อหาเป็นตัวบ่งชี้ที่ดีขึ้นของความสามารถในการจ่าย กว่ารายได้ต่อปี "รายงานกล่าวว่า. อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เกิดช่องว่างความมั่งคั่งเป็นสำคัญเช่น - ถ้าไม่อย่างมีนัยสำคัญมากกว่า. - ช่องว่างรายได้เป็นที่สร้างขึ้นในความมั่งคั่งจะกลายเป็นที่ยึดที่มั่นในช่วงเวลาและยากที่จะแจกจ่ายตัวอย่างเช่นครอบครัวที่ร่ำรวยมีบ้านมูลค่า $ 10,000,000 สามารถผ่านพวกเขาให้กับเด็กของพวกเขาที่อาจจะใช้บ้านเหล่านั้นเป็นหลักประกันหรือเงินทุนที่จะซื้อทรัพย์สินเพิ่มเติมหรือสร้างธุรกิจที่จะสะสมอีก $ 20,000,000 สำหรับลูกหลาน และวงจรไปที่. ดังนั้นในขณะที่ความไม่เท่าเทียมกันความมั่งคั่งได้รับการกล่าวถึงในสิงคโปร์น้อยกว่าความไม่เท่าเทียมกันของรายได้เพื่อให้ห่างไกลมันเป็นเนื้อหาที่เป็นความท้าทายที่สำคัญมากยิ่งขึ้นหันหน้าไปทางสังคมของเรา

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เพราะฉะนั้น ความมั่งคั่ง

รายได้มักจะหมายถึงรายได้จากงาน ถึงแม้ว่าจะรวมถึงรายได้จากแหล่งอื่นๆ เช่น ค่าเช่า ความมั่งคั่งรายได้สะสมในช่วงเวลา ดังนั้นมันจึงจะได้ผลที่สะสมกว่าปี ความมั่งคั่งรวมถึงสินทรัพย์ในรูปของอสังหาริมทรัพย์ หุ้น และมรดก . ทั้งหมดเหล่านี้สามารถเติบโตในมูลค่าแยกต่างหากจากรายได้

คนที่ศูนย์รายได้สามารถร่ำรวย คนอาจจะได้ $ 10 ล้านในสินทรัพย์ ( และดังนั้นจึงถือว่ารวย ) แต่สามารถมีศูนย์รายได้ใน–ปีโดยเฉพาะถ้าเขาไม่ได้ทำงานและไม่เก็บค่าเช่า หรือเงินปันผลจากทรัพย์สินของเขา รายได้และความมั่งคั่งที่ต้องถ่ายด้วยกันภาพฟูลเลอร์ของครัวเรือนที่แท้จริงของเศรษฐกิจพลังงาน .

ชาวอเมริกันคิดว่ารถถังศูนย์วิจัย Pew เมื่อเดือนธันวาคมที่ตีพิมพ์รายงานความมั่งคั่งซึ่งกล่าวว่า : " นักวิจัยส่วนใหญ่ยอมรับว่าทรัพย์สมบัติมากซึ่งมากกว่าการกระจายมากกว่ารายได้ "

มันอ้างข้อมูลแสดงให้เห็นว่าหนึ่งในห้าด้านบนของครอบครัวที่สหรัฐอเมริกา ได้รับประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ทั้งหมด แต่เป็นเกือบร้อยละ 90 ของความมั่งคั่ง .

รายงานแยกต่างหากโดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ( IMF ) เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว กล่าวว่าอัตราส่วนความมั่งคั่งส่วนบุคคลรายได้แห่งชาติในโลกมีมากกว่าสองเท่านับตั้งแต่ปี 1970 . นี้หมายถึงความมั่งคั่งเติบโตเร็วกว่ารายได้

" ความมั่งคั่งของครัวเรือนเป็นวงกระจายยิ่งขึ้น มากกว่ารายได้ " รายงานกล่าวว่า " ในประเทศสูง , ด้านบน 10 เปอร์เซ็นต์เอง เฉลี่ยมากกว่าครึ่งหนึ่งของความมั่งคั่ง ( ถึง 75 เปอร์เซ็นต์ในสหรัฐอเมริกา ) , " มันเพิ่ม

นี้หมายถึงความมั่งคั่ง " อย่าง ดีกว่าตัวบ่งชี้ของความสามารถในการจ่ายมากกว่ารายได้ " ประจำปี , รายงานกล่าวว่า .

เหตุผลความมั่งคั่งเป็นสําคัญ เช่น ช่องว่าง ( ถ้าไม่สําคัญมากกว่า – ช่องว่างรายได้ที่สร้างขึ้นในความมั่งคั่งจะกลายเป็นที่ยึดที่มั่นในช่วงเวลาและมันยากที่จะแจกจ่าย

ตัวอย่าง