Limited research has been published

Limited research has been published that has examined the sources of nutrition information used by midwives.
In a small study (N = 77) conducted in the United Kingdom, approximately
half of the midwives (48%) reported they relied on the media (not
specified) rather than their professional education as a key source
from which to obtain nutrition information.
34
This is in contrast to
a relatively recent study in New Zealand that reported New
Zealand midwives used mainly the Ministry of Health documents,
such as the guidelines for pregnant and breastfeeding women and
the New Zealand Food Safety Authority pamphlet on food safety, as
their sources for nutrition information. The same study reported
that only 53% (196 of 370) of midwives accessed other health
professionals, such as dietitians, for information.
35
This can
possibly be explained by the fact that there was already a
comprehensive and detailed publication about the various
nutritional issues during pregnancy and their management
(including practical advice) available for midwives in New
Zealand.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

จำกัดวิจัยมีการเผยแพร่ที่ได้ตรวจสอบแหล่งมาของข้อมูลโภชนาการใช้ midwives ในการศึกษาขนาดเล็ก (N = 77) ดำเนินการในสหราชอาณาจักร ประมาณพวกเขาอาศัยในสื่อ (ไม่รายงานครึ่ง midwives (48%)ระบุ) แทนการศึกษามืออาชีพเป็นหลักแหล่งจากที่ได้รับข้อมูลโภชนาการ34ในทางตรงกันข้ามเพื่อการศึกษาล่าสุดค่อนข้างในนิวซีแลนด์ที่รายงานใหม่ส่วนใหญ่เอกสารกระทรวงสุขภาพ ใช้ midwives นิวซีแลนด์เช่นแนวทางสำหรับการตั้งครรภ์ และผู้หญิงที่เลี้ยงลูกด้วยนม และจุลสารหน่วยงานความปลอดภัยอาหารของนิวซีแลนด์ในความปลอดภัยของอาหาร เป็นแหล่งของข้อมูลโภชนาการ การศึกษาเดียวที่รายงานว่า เพียง 53% (196 370) ของ midwives เข้าถึงสุขภาพอื่น ๆผู้เชี่ยวชาญ เช่น dietitians ข้อมูลการ35นี้สามารถอาจจะอธิบายความจริงที่มีอยู่แล้วเป็นพิมพ์ครอบคลุม และรายละเอียดเกี่ยวกับการปัญหาโภชนาการระหว่างตั้งครรภ์และการบริหารจัดการ(รวมทั้งแนะนำปฏิบัติ) สำหรับ midwives ในใหม่นิวซีแลนด์

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วิจัย จำกัด ได้รับการตีพิมพ์ที่มีการตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูลโภชนาการที่ใช้โดยผดุงครรภ์.
ในการศึกษาขนาดเล็ก (ยังไม่มี = 77) ดำเนินการในสหราชอาณาจักรประมาณ
ครึ่งหนึ่งของผดุงครรภ์ (48%) รายงานว่าพวกเขาอาศัยอยู่ในสื่อ (ไม่
ระบุ ) มากกว่าการศึกษามืออาชีพของพวกเขาเป็นแหล่งสำคัญ
ที่จะได้รับข้อมูลโภชนาการ.
34
นี้เป็นในทางตรงกันข้ามกับ
การศึกษาล่าสุดค่อนข้างในประเทศนิวซีแลนด์ที่รายงานใหม่
ผดุงครรภ์นิวซีแลนด์ส่วนใหญ่จะใช้เอกสารที่กระทรวงสาธารณสุข
ดังกล่าวเป็นแนวทางสำหรับการตั้งครรภ์และ เลี้ยงลูกด้วยนมผู้หญิงและ
นิวซีแลนด์อาหารเล่มเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในความปลอดภัยของอาหารที่เป็น
แหล่งที่มาของพวกเขาสำหรับข้อมูลโภชนาการ การศึกษาเดียวกันมีรายงาน
ว่ามีเพียง 53% (196 370) ของผดุงครรภ์เข้าถึงสุขภาพอื่น ๆ
มืออาชีพเช่น dietitians สำหรับข้อมูล.
35
นี้สามารถ
อาจจะอธิบายได้ด้วยความจริงที่ว่ามีอยู่แล้ว
สิ่งพิมพ์ที่ครบวงจรและรายละเอียดเกี่ยวกับต่างๆ
ปัญหาทางโภชนาการ ในระหว่างตั้งครรภ์และการจัดการของพวกเขา
(รวมถึงคำแนะนำการปฏิบัติ) สามารถใช้ได้สำหรับการผดุงครรภ์ใน New
Zealand

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

วิจัยจำกัดได้รับการตีพิมพ์ที่ได้ตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูลโภชนาการที่ใช้โดยผดุงครรภ์
ในการศึกษาขนาดเล็ก ( n = 1 ) ดำเนินการในสหราชอาณาจักรประมาณ
ครึ่งหนึ่งของหมอตำแย ( ร้อยละ 48 ) รายงานว่า พวกเขาได้อาศัยสื่อ ( ไม่ได้
กำหนด ) มากกว่าการศึกษามืออาชีพของพวกเขาเป็นหลักแหล่ง
ที่ได้รับข้อมูลทางโภชนาการ
34
นี้เป็นในทางตรงกันข้ามกับ
การศึกษาค่อนข้างล่าสุดในนิวซีแลนด์รายงานใหม่
นิวซีแลนด์หมอตำแย ส่วนใหญ่ใช้กระทรวงเอกสารสุขภาพ
เช่นตั้งครรภ์และให้นมบุตร สตรีและแนวทาง
นิวซีแลนด์อำนาจความปลอดภัยด้านอาหารแผ่นพับเกี่ยวกับความปลอดภัยด้านอาหาร เป็นแหล่งสำหรับ
ข้อมูลโภชนาการ การศึกษาเดียวกันรายงาน
เพียง 53% ( 196 จาก 370 ) หมอตำแย เข้าถึงผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ
อื่น ๆเช่น dietitians , ข้อมูล .
3

อาจจะอธิบายได้โดยความจริงที่ว่ามีแล้ว
ที่ครอบคลุมและรายละเอียดสิ่งพิมพ์เกี่ยวกับโภชนาการในระหว่างการตั้งครรภ์และปัญหาต่างๆ

การจัดการของพวกเขา ( รวมถึงคำแนะนำการปฏิบัติงานผดุงครรภ์ใหม่
) ในนิวซีแลนด์