Abstract—The purposes of this resea

Abstract—The purposes of this research were: 1) to study
and compare speaking skills of Grade 11 students using three
communicative activities, and 2) to study the students’ attitude
towards teaching English speaking skills using the three
communicative activities. The sample group consisted of 49
students at a secondary school in Udon Thani, Thailand,
classified by high, medium, and low according to their
abilities of English speaking proficiency level. The design of
the research were mixed method design. The quantitative data
came from the speaking test and the students’ attitude towards
teaching English speaking. The qualitative data were drawn
from a Learning Log, a semi-structured interview and a
Teacher Journal. A one group pretest-posttest design was also
employed. The research instruments were 8 lesson plans, an
English speaking ability test, and an attitude questionnaire.
Percentage, mean, standard deviation and t-test for dependent
samples were employed to analyze data quantitatively. The
research findings were as follows: 1. The students’ English
speaking abilities after using the three communicative
activities were significantly higher than before their use.
(Pretest = 60.80; Posttest = 85.63). 2. The students’ attitude
towards teaching English speaking skills using the three
communicative activities were rated as good

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

นามธรรมซึ่งวัตถุประสงค์ของงานวิจัยนี้ได้: 1) เพื่อศึกษา และเปรียบเทียบทักษะการพูดของนักเรียนเกรด 11 ที่ใช้สาม กิจกรรมการสื่อสาร และ 2) เพื่อศึกษาทัศนคติของนักเรียน ต่อการสอนทักษะการพูดภาษาอังกฤษโดยใช้ 3 กิจกรรมสื่อสาร กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วย 49 โรงเรียนมัธยมในอุดรธานี ไทย จัด โดยสูง ปานกลาง และต่ำตามความ ความสามารถระดับความชำนาญในการพูดภาษาอังกฤษ การออกแบบ งานวิจัยถูกผสมออกแบบวิธีการ ข้อมูลเชิงปริมาณ มาจากการทดสอบพูดและทัศนคติของนักเรียนที่มีต่อ สอนพูดภาษาอังกฤษ มีดึงข้อมูลเชิงคุณภาพ จากการเรียนรู้บันทึก สัมภาษณ์กึ่งโครงสร้างและ สมุดรายวันครู แบบ pretest-posttest กลุ่มหนึ่งยัง ทำงาน เครื่องมือวิจัยมี 8 แผนการสอน การ ทดสอบความสามารถในการพูดภาษาอังกฤษ และการสอบถามทัศนคติ เปอร์เซ็นต์ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ t-ทดสอบขึ้นอยู่กับ ตัวอย่างได้รับการว่าจ้างวิเคราะห์ข้อมูล quantitatively ที่ พบได้ดังนี้: 1. ภาษาอังกฤษของนักเรียน การพูดความสามารถหลังการใช้ 3 หลัก กิจกรรมอย่างมีนัยสำคัญสูงกว่าก่อนการใช้ได้ (Pretest = 60.80 Posttest = 85.63) 2 ทัศนคติของนักเรียน ต่อการสอนทักษะการพูดภาษาอังกฤษโดยใช้ 3 กิจกรรมเพื่อให้ได้คะแนนดี

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

บทคัดย่อการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1 ) เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบทักษะการพูดของ
3
เกรด 11 นักเรียน โดยใช้กิจกรรมเพื่อการสื่อสาร และ 3 ) เพื่อศึกษาเจตคติของผู้เรียนต่อ
สอนทักษะการพูดภาษาอังกฤษโดยใช้กิจกรรมเพื่อการสื่อสาร 3
. จำนวน 49
นักเรียนที่โรงเรียนมัธยม ใน อุดรธานี , ไทย ,
ตามสูง ปานกลางและต่ำตาม
ความสามารถภาษาอังกฤษความสามารถในการพูดระดับ การออกแบบ
การวิจัยแบบผสม .
ข้อมูลเชิงปริมาณมาตั้งแต่สอบการพูดและทัศนคติของนักศึกษาต่อ
สอนการพูดภาษาอังกฤษ ข้อมูลเชิงคุณภาพวาด
จากการเรียนรู้เข้าสู่ระบบ , การสัมภาษณ์และ
ครูวารสาร หนึ่ง Group Pretest Posttest Design กลุ่มทดลองเรียนด้วย
จ้าง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย จำนวน 8 แผนการสอน ,
ภาษาอังกฤษ แบบสอบวัดความสามารถในการพูดและเจตคติ แบบสอบถาม
สถิติร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที ( t-test ) สำหรับตัวอย่างขึ้นอยู่กับ
ได้มาวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ
ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้ 1 . มีความสามารถในการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนหลังการใช้สาม

เพื่อการสื่อสารกิจกรรม สูงกว่าก่อนการใช้
( ก่อน = = 60.80 ; หลัง 85.63 ) 2 .
เจตคติของผู้เรียนที่มีต่อการจัดการเรียนการสอนทักษะการพูดภาษาอังกฤษโดยใช้กิจกรรมเพื่อการสื่อสารสาม

อยู่ในระดับดี