Direct marketing is a popular marke

Direct marketing is a popular marketing practice among smaller producers in the United States. We conducted detailed case studies of three organic farming operations of different sizes and compared their marketing costs and profitability in alternative marketing channels. We classified marketing-related activities into three categories: packing and storage, transportation, and selling and administration. By measuring the costs for labor, purchased goods and services, and capital assets associated with these marketing activities, we determined that there are significant variations in marketing costs across marketing channels. For each of our three case-study farms, marketing costs per dollar of revenue were lowest in the wholesale channel and highest in the farmers' market channel. Significant labor costs for the selling activity and transportation expenses offset the higher prices and minimal packaging costs associated with farmers' markets. Profitability can also be significantly affected by marketing factors, such as packing and grading standards, and product that is used for sampling and consumer premiums. Our research demonstrates that the higher prices that producers earn from direct marketing rather than wholesaling are not pure profit; the price premiums are compensation for the costs they incur when direct marketing their produce. Direct marketing channels, such as farmers' markets and Community Supported Agriculture (CSAs), can enable smaller farm

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การตลาดโดยตรงคือ การปฏิบัติการตลาดเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ผลิตขนาดเล็กในสหรัฐอเมริกา เราดำเนินการกรณีศึกษารายละเอียดของการดำเนินงานเกษตรอินทรีย์สามขนาดแตกต่างกัน และเปรียบเทียบต้นทุนการตลาดและผลกำไรในช่องทางการตลาดอื่น ๆ เราจัดกิจกรรมทางตลาดเป็นสามประเภท: บรรจุภัณฑ์ และจัดเก็บ ขน ส่ง และการขาย และบริหาร โดยการวัดต้นทุนสำหรับแรงงาน ซื้อสินค้า และบริการสินทรัพย์ทุนที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมการตลาดเหล่านี้ เราพบว่า มีรูปแบบสำคัญในต้นทุนการตลาดผ่านช่องทาง สำหรับแต่ละฟาร์มของเรากรณีศึกษาสาม ค่าการตลาดต่อเงินดอลลาร์ของรายได้ที่ได้ในช่องขายส่งต่ำสุด และสูงที่สุดในช่องทางการตลาดของเกษตรกร ต้นทุนแรงงานที่สำคัญสำหรับกิจกรรมการขายและค่าขนส่งชดเชยราคาที่สูงขึ้นและต้นทุนบรรจุภัณฑ์น้อยที่เกี่ยวข้องกับตลาดของเกษตรกร ผลกำไรสามารถได้รับผลกระทบจากปัจจัยทางการตลาด เช่นบรรจุภัณฑ์ และการจัดเกรดมาตรฐาน และผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับค่าจ้างพิเศษที่สุ่มตัวอย่างและผู้บริโภคอย่างมีนัยสำคัญ การวิจัยของเราแสดงว่า ราคาสูงกว่าที่ผู้ผลิตได้รับจากการตลาดทางตรง แทนที่ขายไม่ได้กำไร ราคาเบี้ยประกันจะชดเชยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นเมื่อการผลิตการตลาดทางตรง ช่องทางการตลาดโดยตรง เช่นตลาดของเกษตรกรและชุมชนสนับสนุนการเกษตร (CSAs), สามารถเปิดใช้งานฟาร์มขนาดเล็ก

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การตลาดทางตรงคือการปฏิบัติทางการตลาดที่นิยมในหมู่ผู้ผลิตขนาดเล็กในประเทศสหรัฐอเมริกา เราดำเนินการรายละเอียดกรณีศึกษาในสามของการดำเนินงานการทำเกษตรอินทรีย์ที่มีขนาดแตกต่างกันและเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายด้านการตลาดและการทำกำไรของพวกเขาในช่องทางการตลาดทางเลือก เราจัดกิจกรรมการตลาดที่เกี่ยวข้องกับการออกเป็นสามประเภท: บรรจุและการเก็บรักษาการขนส่งและการขายและบริหาร โดยการวัดค่าใช้จ่ายสำหรับแรงงานซื้อสินค้าและบริการและสินทรัพย์ทุนที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมการตลาดเหล่านี้เราพิจารณาแล้วว่ามีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในค่าใช้จ่ายการตลาดผ่านช่องทางตลาด สำหรับแต่ละสามฟาร์มกรณีศึกษาของเราค่าใช้จ่ายทางการตลาดต่อดอลลาร์ของรายได้ต่ำสุดในช่องทางขายส่งและสูงที่สุดในช่องทางตลาดของเกษตรกร ต้นทุนค่าแรงงานที่สำคัญสำหรับค่าใช้จ่ายในการขายและกิจกรรมการขนส่งชดเชยราคาที่สูงขึ้นและค่าใช้จ่ายน้อยที่สุดบรรจุภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการตลาดของเกษตรกร การทำกำไรยังสามารถได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญจากปัจจัยด้านการตลาดเช่นการบรรจุและระดับมาตรฐานและผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับการสุ่มตัวอย่างและผู้บริโภคพรีเมี่ยม การวิจัยของเราแสดงให้เห็นว่าราคาที่สูงขึ้นว่าผู้ผลิตได้รับจากการตลาดทางตรงมากกว่าการขายส่งมีกำไรไม่บริสุทธิ์ พรีเมี่ยมในราคาที่เป็นค่าชดเชยสำหรับค่าใช้จ่ายที่พวกเขาเกิดขึ้นเมื่อการตลาดทางตรงการผลิตของพวกเขา ช่องทางการตลาดทางตรงเช่นตลาดของเกษตรกรและชุมชนได้รับการสนับสนุนเกษตรกรรม (CSAs) สามารถเปิดใช้งานในฟาร์มขนาดเล็ก

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การตลาดทางตรงเป็นวิธีปฏิบัติที่นิยมการตลาดของผู้ผลิตขนาดเล็กในสหรัฐอเมริกา เราดำเนินการรายละเอียดกรณีศึกษา 3 เกษตรอินทรีย์การขนาดแตกต่างกันและเปรียบเทียบต้นทุนการตลาดของพวกเขาและความสามารถในการทำกำไรในช่องทางทางการตลาด เราจัดกิจกรรมการตลาดที่เกี่ยวข้อง เป็น 3 รูปแบบ คือ การบรรจุและการเก็บรักษา การขนส่ง และการขายและการบริหาร โดยการวัดต้นทุนค่าแรง ซื้อสินค้าและบริการ และสินทรัพย์ลงทุนที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางการตลาดเหล่านี้ เราพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในต้นทุนการตลาดข้ามช่องทางการตลาด สำหรับแต่ละของทั้งสามกรณีศึกษาฟาร์มการตลาดต้นทุนต่อดอลลาร์ของรายได้ถูกสุดในช่องทางขายส่งและสูงสุดในช่องทางตลาดเกษตรกร ที่สำคัญต้นทุนแรงงานเพื่อขายกิจกรรมและการขนส่งค่าใช้จ่ายชดเชยราคาสูงขึ้น และน้อยที่สุดบรรจุภัณฑ์ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกรตลาด กำไรยังสามารถมีผลต่อปัจจัยทางการตลาด เช่น การบรรจุ และให้คะแนนมาตรฐาน และสินค้าที่ใช้สำหรับการสุ่มตัวอย่างและเบี้ยของผู้บริโภค การวิจัยของเราแสดงให้เห็นว่าสูงกว่าราคาที่ผู้ผลิตได้รับจากการตลาดโดยตรงมากกว่าการขายส่งไม่ได้กำไรบริสุทธิ์ ราคาเบี้ยชดเชยสำหรับค่าใช้จ่ายที่พวกเขาต้องเสียเวลาการตลาดทางตรงของการผลิต ช่องทางตลาดตรง เช่น ชุมชนเกษตรกรตลาดและสนับสนุนการเกษตร ( csas ) สามารถเปิดฟาร์มขนาดเล็ก