(New York) – The discovery of more

(New York) – The discovery of more than 30 bodies in a human trafficking camp should prompt Thai authorities to authorize an independent, United Nations-assisted investigation, commit to publish its findings, and bring those responsible to justice, including any government officials involved, Human Rights Watch said today. The UN and others, including the United States, that have called for an end to trafficking in Thailand should urgently press the government to end official complicity and willful blindness in rampant trafficking in the country.

On May 1, 2015, a joint military-police taskforce discovered at least 30 bodies at an abandoned human trafficking camp in the Sadao district of Songkhla province close to the Thai-Malaysian border. Many were buried in shallow graves, while others were covered with blankets and clothes and left in the open. Police reports indicate the dead are ethnic Rohingya Muslims from Burma and Bangladesh who starved to death or died of disease while held by traffickers who were awaiting payment of ransoms before smuggling them into Malaysia. Traffickers controlling this camp apparently departed into the mountainous jungle, taking surviving Rohingya with them.

“Trafficking of persons in Thailand has long been out of control, something that senior officials have admitted to Human Rights Watch and others,” said Brad Adams, Asia director. “The finding of a mass grave at a trafficking camp sadly comes as little surprise. The long involvement of Thai officials in trafficking means that an independent investigation with UN involvement is necessary to uncover the truth and hold those responsible to account.”

For years, human rights organizations and investigative journalists have reported on the thriving human trafficking networks that operate with support and protection from corrupt officials in southern Thailand. Last year, the US State Department downgraded Thailand to the worst possible rating – tier 3 – on its 2014 Trafficking in Persons Report, for failing to combat human trafficking.

Rohingya fleeing abuses, persecution, and hardship in Burma’s Arakan State or Bangladesh are often trafficked and abused by networks working with official protection, while in other cases victims simply receive little protection from Thai authorities.

Rohingya who are apprehended in Thailand are treated as “illegal immigrants” subject to deportation without regard to the threats facing them in Burma. Rohingya men are sometimes detained in overcrowded immigration detention facilities across the country, while women and children have been sent to shelters operated by the Ministry of Social Development and Human Security. Many more are believed to be transferred through corrupt arrangements into the hands of human trafficking gangs where they face cruel treatment and no prospect of assistance from Thai authorities.

As with previous Thai governments, the military junta of Prime Minister Gen. Prayuth Chan-ocha does not permit the office of the UN High Commissioner for Refugees (UNHCR) to properly conduct refugee status determination screenings of Rohingya.

“Each year, tens of thousands of Rohingya flee the dire human rights situation in Burma only to be further abused and exploited at the hands of traffickers in Thailand,” Adams said. “The discovery of these mass graves should shock the Thai government into shutting down the trafficking networks that enrich officials but prey on extremely vulnerable people. Instead of sticking Rohingya in border camps or immigration lockups, the government should provide safety and protection.”

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

(นิวยอร์ก) – การค้นพบศพกว่า 30 ในค่ายค้ามนุษย์ควรให้เจ้าหน้าที่ไทยเพื่ออนุมัติการสอบสวนอิสระ ความช่วยเหลือแห่งสหประชาชาติ ยอมรับการเผยแพร่สิ่งที่ค้นพบ และนำผู้รับผิดชอบความยุติธรรม รวมทั้งมีเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง สิทธิมนุษยชนกล่าวว่า วันนี้ สหประชาชาติและคนอื่น ๆ รวมทั้งสหรัฐอเมริกา ที่ได้เรียกว่าให้ยุติการค้ามนุษย์ในประเทศไทย ควรเร่งด่วนกดรัฐบาลจบเข้าไปอย่างเป็นทางการและตาบอดฆาตกรรมค้าอาละวาดในประเทศบน 1 พฤษภาคม 2015, taskforce ทหารตำรวจร่วมค้นพบน้อย 30 ศพที่ค่ายมนุษย์ค้าการละทิ้งจังหวัดอำเภอของสงขลาสะเดาติดกับพรมแดนไทยมาเลเซีย จำนวนมากถูกฝังอยู่ในหลุมฝังศพตื้น ในขณะที่ถูกครอบคลุม ด้วยผ้าห่มและเสื้อผ้า และทิ้งในเปิด รายงานตำรวจระบุตายเป็นชนกลุ่มน้อยมุสลิม โรฮิงยาจากพม่าและบังกลาเทศที่ starved ตาย หรือเสียชีวิตของโรคในขณะที่ถือ โดยผู้ที่ถูกรอชำระเงิน ransoms ก่อนพวกเขาลักลอบเข้ามาเลเซีย ผู้ควบคุมค่ายนี้เห็นได้ชัดว่าออกเดินทางในป่า การรอดโรฮิงยาด้วย"การค้าของคนไทยจึงได้ออกจากการควบคุม สิ่งที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงได้ยอมรับสิทธิมนุษยชนและคนอื่น ๆ กล่าวว่า แบรด Adams ผู้อำนวยการเอเชีย "ค้นหาของศพจำนวนมากที่ค่ายค้าเศร้ามาเป็นแปลกใจเล็กน้อย มีส่วนร่วมระยะยาวของข้าราชการไทยในการค้าหมายความ ว่า การสอบสวนอิสระกับการมีส่วนร่วมของสหประชาชาติจำเป็นต้องเปิดเผยความจริง และจัดผู้รับผิดชอบบัญชี"ปี องค์กรสิทธิมนุษยชนและกำชับผู้สื่อข่าวได้รายงานในเจริญรุ่งเรืองบุคคลค้าเครือข่ายที่ดำเนินงานสนับสนุนและคุ้มครองจากเจ้าหน้าที่เสียหายในประเทศไทย ปี สหรัฐอเมริกากระทรวงลดไทย การ ประเมินได้ที่เลวร้ายที่สุด – ระดับ 3 – บนของ Trafficking 2014 คนรายงาน สำหรับการต่อสู้กับมนุษย์โรฮิงยาหลบละเมิด เบียดเบียน ความยากลำบากในรัฐอาระกันของพม่าหรือบังกลาเทศมักจะค้า และถูก โดยเครือข่ายที่ทำงาน มีการป้องกันอย่างเป็นทางการ ในขณะที่กรณีอื่น ๆ เหยื่อเพียงแค่ได้รับป้องกันน้อยจากไทยโรฮิงยาที่เข้าใจประเทศจะถือว่าเป็น "อพยพผิดกฎหมาย" ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมโดยไม่คำนึงถึงภัยคุกคามที่หันหน้าไปทางประเทศพม่า ผู้ชายโรฮิงยาเป็นบางครั้งกักตัวในห้องขังเข้าเมืองเหนื่อยเมื่อยล้าทั่วประเทศ ในขณะที่ผู้หญิงและเด็กได้ถูกส่งไปพักอาศัยที่ดำเนินการ โดยกระทรวงพัฒนาสังคมและความปลอดภัยของมนุษย์ มากเชื่อว่าซื้อผ่านการจัดการเสียหายมือของแก๊งค้ามนุษย์ที่พวกเขาเผชิญกับรักษาโหดร้ายและไม่โน้มความช่วยเหลือจากไทยเป็นกับก่อนหน้านี้รัฐบาลไทย ยึดทหารของนายกรัฐมนตรีทั่วไปประยุทธ์ไม่อนุญาตให้สำนักงานของ UN ข้าสำหรับผู้ลี้ภัย (ยูเอ็นเอชซี) ทำฉากกำหนดสถานะผู้ลี้ภัยของโรฮิงยาถูกต้องAdams กล่าวว่า "แต่ละปี หมื่นโรฮิงยาหนีสถานการณ์เลวร้ายสิทธิมนุษยชนในพม่าเพียงเพื่อจะถูก และสามารถแต่ลวงในประเทศไทย "การค้นพบหลุมฝังศพเหล่านี้โดยรวมควรช็อครัฐบาลเข้าปิดเครือข่ายค้ามนุษย์ที่เพิ่มเจ้าหน้าที่แต่เหยื่อในคนที่มีความเสี่ยงมากขึ้น แทนที่จะติดโรฮิงยาในขอบค่ายหรือตรวจคนเข้าเมือง lockups รัฐบาลควรให้ความปลอดภัยและการป้องกัน"

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

(นิวยอร์ก) - การค้นพบกว่า 30 ศพในค่ายการค้ามนุษย์ควรแจ้งให้ทางการไทยจะอนุญาตให้อิสระสอบสวนสหประชาชาติช่วยกระทำการเผยแพร่ผลการวิจัยและนำผู้ที่รับผิดชอบเพื่อความยุติธรรมรวมถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการ , สิทธิมนุษยชนกล่าวว่าวันนี้ สหประชาชาติและคนอื่น ๆ รวมทั้งสหรัฐอเมริกาที่ได้เรียกร้องให้ยุติการค้ามนุษย์ในประเทศไทยอย่างเร่งด่วนควรกดของรัฐบาลที่จะสิ้นสุดการคิดอย่างเป็นทางการและตาบอดจงใจในการค้าอาละวาดในประเทศ. เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2015, ตำรวจและทหาร คณะทำงานการค้นพบอย่างน้อย 30 ศพที่ค่ายการค้ามนุษย์ที่ถูกทิ้งร้างในอำเภอสะเดาจังหวัดสงขลาใกล้กับชายแดนไทยมาเลเซีย หลายคนถูกฝังอยู่ในหลุมฝังศพตื้นขณะที่คนอื่นถูกปกคลุมไปด้วยผ้าห่มและเสื้อผ้าและที่เหลืออยู่ในที่โล่ง รายงานของตำรวจบ่งชี้ตายเป็นชาวมุสลิมโรฮิงญาจากประเทศพม่าเชื้อชาติและบังคลาเทศที่อดอาหารจนตายหรือการเสียชีวิตจากโรคในขณะที่จัดขึ้นโดยผู้ค้าที่ได้รับการรอการชำระเงินของการไถ่ก่อนที่จะลักลอบนำพวกเขาเข้าไปในประเทศมาเลเซีย การควบคุมการค้าค่ายนี้เห็นได้ชัดออกเข้าไปในป่าภูเขา, การมีชีวิตรอดโรฮิงญากับพวกเขา. "การค้ามนุษย์ของบุคคลในประเทศไทยได้รับการออกจากการควบคุมสิ่งที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงได้เข้ารับการรักษาสิทธิมนุษยชนและคนอื่น ๆ " แบรดอดัมส์ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียกล่าวว่า . "การค้นพบของหลุมฝังศพที่ค่ายการค้าเศร้ามาเป็นแปลกใจเล็ก ๆ น้อย ๆ การมีส่วนร่วมยาวของเจ้าหน้าที่ไทยในการค้าหมายความว่าการตรวจสอบที่เป็นอิสระมีส่วนร่วมของสหประชาชาติเป็นสิ่งที่จำเป็นที่จะค้นพบความจริงและถือผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการบัญชี. " ปีที่ผ่านมาองค์กรสิทธิมนุษยชนและนักข่าวสืบสวนได้มีการรายงานบนเครือข่ายการค้ามนุษย์ที่เจริญรุ่งเรืองที่ทำงานด้วย การสนับสนุนและการป้องกันจากเจ้าหน้าที่เสียหายในภาคใต้ของประเทศไทย ปีที่ผ่านมากระทรวงการต่างประเทศสหรัฐปรับลดลงประเทศไทยเพื่อคะแนนที่เลวร้ายที่สุด - ชั้นที่ 3 - ใน 2014 การค้ามนุษย์ในคนรายงานสำหรับความล้มเหลวในการต่อสู้กับการค้ามนุษย์. โรฮิงญาละเมิดหนีการประหัตประหารและความยากลำบากในพม่าของรัฐอาระกันหรือบังคลาเทศมีผู้เข้าชมมักจะ และถูกทำร้ายโดยเครือข่ายการทำงานที่มีการป้องกันอย่างเป็นทางการในขณะที่ในกรณีอื่น ๆ ที่ตกเป็นเหยื่อเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้รับการคุ้มครองจากเจ้าหน้าที่ไทย. โรฮิงญาที่มีการจับกุมในประเทศไทยจะถือว่าเป็น "ผู้อพยพผิดกฎหมาย" อาจมีการเนรเทศโดยไม่คำนึงถึงภัยคุกคามที่ต้องเผชิญกับพวกเขาในประเทศพม่า ผู้ชายโรฮิงญาถูกควบคุมตัวในบางครั้งสิ่งอำนวยความสะดวกกักกันตรวจคนเข้าเมืองที่แออัดทั่วประเทศในขณะที่ผู้หญิงและเด็กที่ได้รับการส่งไปยังศูนย์พักพิงที่ดำเนินการโดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ อื่น ๆ อีกมากมายเชื่อว่าจะถูกโอนผ่านการเตรียมการทุจริตอยู่ในมือของแก๊งค้ามนุษย์ที่พวกเขาเผชิญกับการปฏิบัติที่โหดร้ายและความคาดหวังของการช่วยเหลือจากทางการไทย. เช่นเดียวกับรัฐบาลไทยก่อนหน้านี้รัฐบาลทหารของนายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธจันทร์โอชาไม่ ไม่อนุญาตให้สำนักงานข้าหลวงใหญ่สหประชาชาติเพื่อผู้ลี้ภัย (UNHCR) ที่จะต้องดำเนินการคัดกรองการกำหนดสถานะผู้ลี้ภัยของโรฮิงญา. "ในแต่ละปีนับหมื่นของโรฮิงญาหนีสิทธิมนุษยชนที่เลวร้ายสถานการณ์ในประเทศพม่าเท่านั้นที่จะต่อไปที่ถูกทารุณกรรมและการใช้ประโยชน์ที่ อยู่ในมือของนักค้ามนุษย์ในประเทศไทย "อดัมส์กล่าวว่า "การค้นพบหลุมฝังศพเหล่านี้ควรช็อตที่รัฐบาลไทยเป็นปิดเครือข่ายการค้าที่ประเทืองเจ้าหน้าที่ แต่เหยื่อคนอ่อนแอมาก แทนการติดโรฮิงญาในค่ายชายแดนหรือค้างตรวจคนเข้าเมือง, รัฐบาลควรให้ความปลอดภัยและการป้องกัน. "

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

( นิวยอร์ก ) –การค้นพบมากกว่า 30 ศพ ในค่าย การค้ามนุษย์ ควรให้เจ้าหน้าที่ไทย เพื่อให้ช่วยตรวจสอบที่เป็นอิสระ มติยอมรับการประกาศการค้นพบของตนและนำตัวผู้รับผิดชอบมาลงโทษ รวมถึงข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนกล่าวว่าวันนี้ สหประชาชาติและคนอื่น รวมทั้งสหรัฐอเมริกา