One theory of Achievement Motivatio

One theory of Achievement Motivation was proposed by Atkinson and Feather (1966). They stated that a person’s achievement oriented behavior is based on three parts: the first part being the individual’s predisposition to achievement, the second part being the probability of success, and third, the individual’s perception of value of the task. Atkinson and Feather (1966) state, “The strength of motivation to perform some act is assumed to be a multiplicative function of the strength of the motive, the expectancy (subjective probability) that the act will have as a consequence the attainment of an incentive, and the value of the incentive: Motivation = f(Motive X Expectancy X Incentive)”

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ทฤษฎีหนึ่งของแรงจูงใจถูกเสนอ โดยพลังและขนนก (1966) พวกเขากล่าวว่า พฤติกรรมของบุคคลมุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์เป็นไปตามสามส่วน: ส่วนแรกที่มีการจูงใจของแต่ละบุคคลเพื่อความสำเร็จ ส่วนที่สองมีการรับรู้ของบุคคลของมูลค่าของงาน ความน่าเป็นของความ สำเร็จ และสาม พลังและรัฐขนนก (1966), "ความแรงของแรงจูงใจในการดำเนินการกระทำบางอย่างจะถือว่าเป็นฟังก์ชันเชิงการคูณความแข็งแรงของแรงจูงใจ expectancy (น่าเป็นอัตนัย) ที่ว่า การกระทำจะมีเป็นผลความสำเร็จของสิ่งจูงใจ และค่าของแรงจูงใจ: แรงจูงใจ = f (แรงจูงใจ X Expectancy X แรงจูงใจ) "

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ทฤษฎีหนึ่งของแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ที่เสนอโดยแอตกินสันและขนนก (1966) พวกเขากล่าวว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่มุ่งเน้นพฤติกรรมของบุคคลจะขึ้นอยู่กับสามส่วนส่วนแรกเป็นจูงใจของแต่ละบุคคลที่จะสำเร็จส่วนที่สองเป็นความน่าจะเป็นของความสำเร็จและสามการรับรู้ของแต่ละบุคคลที่มีคุณค่าของงาน แอตกินสันและขนนก (1966) รัฐ "ความแข็งแรงของแรงจูงใจในการปฏิบัติหน้าที่บางอย่างจะถือว่าเป็นฟังก์ชั่นการคูณของความแข็งแรงของแรงจูงใจที่คาดหวัง (น่าจะเป็นอัตนัย) ว่าการกระทำจะต้องเป็นผลสำเร็จของแรงจูงใจที่ และความคุ้มค่าของแรงจูงใจที่: แรงจูงใจ = F (X โมทีฟคาด X Incentive) "

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

หนึ่งทฤษฎีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ ที่เสนอโดย Atkinson และขนนก ( 1966 ) พวกเขากล่าวว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและพฤติกรรมของบุคคลจะขึ้นอยู่กับ 3 ส่วน ส่วนแรกเป็นการจูงใจของแต่ละวิชา ส่วนที่สองเป็น ความน่าจะเป็นของความสำเร็จ และ 3 ) การรับรู้ของแต่ละบุคคลของค่าของงาน แอตกินสันและขนนก ( 1966 ) รัฐ " ความแข็งแรงของแรงจูงใจที่จะปฏิบัติหน้าที่ถือว่าเป็นฟังก์ชันเชิงการคูณของความแข็งแรงของแรงจูงใจ ความคาดหวัง ( ความน่าจะเป็นอัตนัย ) ที่แสดง จะต้องเป็นผลมาจากความสำเร็จของแรงจูงใจ และค่าของแรงจูงใจแรงจูงใจแรงจูงใจ = f ( X ความคาดหวัง x แรงจูงใจ )