The carbon cycle is very important

The carbon cycle is very important to all ecosystems, and ultimately life on earth. The carbon cycle is critical to the food chain.

Living tissue contain carbon, because they contain proteins, fats and carbohydrates. The carbon in these (living or dead) tissues is recycled in various processes.

Human activities like heating homes and cars burning fuels (combustion) give off carbon into the atmosphere. During respiration, animals also introduce carbon into the atmosphere in the form of carbon dioxide.

The Carbon dioxide in the atmosphere is absorbed by green plants (producers) to make food in photosynthesis.

When animals feed on green plants, they pass on carbon compounds unto other animals in the upper levels of their food chains. Animals give off carbon dioxide into the atmosphere during respiration.

Carbon dioxide is also given off when plants and animals die. This occurs when decomposers (bacteria and fungi) break down dead plants and animals (decomposition) and release the carbon compounds stored in them.

Very often, energy trapped in the dead materials becomes fossil fuels which is used as combustion again at a later time.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วัฏจักรคาร์บอนเป็นสิ่งสำคัญทุกระบบนิเวศ และชีวิตบนโลก วัฏจักรคาร์บอนมีความสำคัญต่อห่วงโซ่อาหาร

ชีวิตเนื้อเยื่อประกอบด้วยคาร์บอน เนื่องจากประกอบด้วยโปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรต คาร์บอนในเนื้อเยื่อเหล่านี้ (ชีวิต หรือตาย) เป็นรีไซเคิลในกระบวนการต่าง ๆ

กิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์เช่นความร้อนบ้าน และรถยนต์ที่เผาไหม้เชื้อเพลิง (เผาไหม้) ให้คาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศ ในระหว่างการหายใจ สัตว์ยังแนะนำคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศในรูปของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศจะดูดซึม โดยพืชสีเขียว (ผู้ผลิต) เพื่อให้อาหารในการสังเคราะห์ด้วยแสง

เมื่อสัตว์กินพืชสีเขียว พวกเขาผ่านไปในสารประกอบคาร์บอนทั้งในระดับบนของห่วงโซ่อาหารของสัตว์อื่น ๆ สัตว์การให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศในระหว่างการหายใจ

ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ยังปิดเมื่อพืชและสัตว์ตาย เกิดขึ้นเมื่อผู้ย่อยสลาย (แบคทีเรียและเชื้อรา) แบ่งพืชตายและสัตว์ (แยกส่วนประกอบ) และปล่อยสารคาร์บอนที่เก็บได้

บ่อย พลังงานที่ถูกขังอยู่ในวัสดุที่ตายกลายเป็น เชื้อเพลิงฟอสซิลซึ่งใช้เป็นเผาไหม้อีกครั้งในภายหลัง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วัฏจักรคาร์บอนเป็นสิ่งสำคัญมากต่อระบบนิเวศทั้งหมดและในที่สุดชีวิตบนโลก วัฏจักรคาร์บอนมีความสำคัญต่อห่วงโซ่อาหารเนื้อเยื่อชีวิตประกอบด้วยคาร์บอนเพราะพวกเขามีโปรตีนไขมันและคาร์โบไฮเดรต คาร์บอนเหล่านี้ (มีชีวิตอยู่หรือตาย) เนื้อเยื่อถูกนำกลับมาใช้ในกระบวนการต่างๆกิจกรรมของมนุษย์เช่นบ้านรถยนต์เครื่องทำความร้อนและการเผาไหม้เชื้อเพลิง (เผาไหม้) ให้ปิดคาร์บอนสู่บรรยากาศ ในระหว่างการหายใจของสัตว์ยังแนะนำคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศในรูปแบบของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศถูกดูดซึมโดยพืชสีเขียว (ผู้ผลิต) เพื่อให้อาหารในการสังเคราะห์แสงเมื่อสัตว์กินพืชสีเขียวพวกเขาส่งผ่านสารคาร์บอนแก่ สัตว์อื่น ๆ ในระดับบนของห่วงโซ่อาหารของพวกเขา สัตว์ให้ออกก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศในระหว่างการหายใจคาร์บอนไดออกไซด์จะได้รับยังออกเมื่อพืชและสัตว์ตาย นี้เกิดขึ้นเมื่อย่อยสลาย (เชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา) ทำลายลงพืชและสัตว์ที่ตายแล้ว (สลายตัว) และปล่อยสารคาร์บอนที่เก็บไว้ในพวกเขาบ่อยครั้งพลังงานที่ติดอยู่ในวัสดุที่ตายแล้วจะกลายเป็นเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ใช้ในการเผาไหม้เป็นอีกครั้งในเวลาต่อมา

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

วัฏจักรคาร์บอนเป็นสิ่งสำคัญมากกับระบบนิเวศ และในที่สุดชีวิตบนโลก วัฏจักรของคาร์บอนมีห่วงโซ่อาหาร

เนื้อเยื่อประกอบด้วยคาร์บอน เพราะมีโปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรต คาร์บอนในเหล่านี้ ( ที่อาศัยอยู่หรือตาย ) เยื่อรีไซเคิลในกระบวนการผลิตต่าง ๆ .

กิจกรรมของมนุษย์ เช่น บ้านและรถยนต์การเผาไหม้เชื้อเพลิงความร้อน ( เผาไหม้ ) ปล่อยคาร์บอนสู่บรรยากาศ ในการหายใจ สัตว์ยังแนะนำคาร์บอนสู่บรรยากาศในรูปของคาร์บอนไดออกไซด์

คาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศจะถูกดูดซึมโดยพืชสีเขียว ( ผู้ผลิต ) ที่จะทำให้อาหารในการสังเคราะห์แสง เมื่อสัตว์กินพืช

สีเขียวพวกเขาผ่านสารประกอบคาร์บอนแก่สัตว์อื่น ๆ ในระดับบนของโซ่อาหารของพวกเขา สัตว์ที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศในการหายใจ

คาร์บอนไดออกไซด์ก็ให้ปิด เมื่อพืชและสัตว์ตาย นี้เกิดขึ้นเมื่อย่อยสลาย ( แบคทีเรียและเชื้อรา ) แบ่งพืชตาย และสัตว์ ( สลาย ) และปล่อยสารประกอบคาร์บอนที่เก็บไว้ในพวกเขา .

บ่อยพลังงานอยู่ในวัสดุที่ตายแล้วกลายเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งใช้เป็นเชื้อเพลิงได้อีกในเวลาต่อมา