Systemic functional linguistics (SF

Systemic functional linguistics (SFL) is an approach to linguistics that considers language as a social semiotic system. It was developed by Michael Halliday, who took the notion of system from his teacher, J. R. Firth. Whereas Firth considered systems to refer to possibilities subordinated to structure, Halliday in a certain sense "liberated" the dimension of choice from structure and made it the central organising dimension of this theory. In other words, whereas many approaches to linguistic description place structure and the syntagmatic axis in the foreground, Hallidean systemic functional theory adopts the paradigmatic axis as its point of departure. The term systemic accordingly foregrounds Saussure's "paradigmatic axis" in understanding how language works.[1] For Halliday, a central theoretical principle is then that any act of communication involves choices. Language is a system, and the choices available in any language variety are mapped using the representation tool of the "system network".


Michael Halliday, who founded systemic functional linguistics
Systemic functional linguistics is also "functional" because it considers language to have evolved under the pressure of the particular functions that the language system has to serve. Functions are therefore taken to have left their mark on the structure and organisation of language at all levels, which is said to be achieved via metafunctions. The term metafunction is particular to systemic functional linguistics. The organisation of the functional framework around systems, i.e., choices, is a significant difference from other "functional" approaches, such as, for example, Dik's functional grammar (FG, or as now often termed, functional discourse grammar) and lexical functional grammar. Thus, it is important to use the full designation—systemic functional linguistics—rather than just functional grammar or functional linguistics.

For Halliday, all languages involve three generalised functions, or metafunctions: one construes experience (meanings about the outer and inner worlds); one enacts social relations (meanings concerned with interpersonal relations), and one weaves together of these two functions to create text (the wording). Because these functions are considered to come into being simultaneously—viz., one cannot mean about the world without having either a real or virtual audience—language must also be able to bring these meanings together: this is the role of structural organisation, be that grammatical, semantic or contextual. These three generalised functions are termed "metafunctions".[2]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ระบบทำงานภาษาศาสตร์ (SFL) คือ แนวทางภาษาศาสตร์ที่พิจารณาว่าภาษาเป็นระบบ semiotic สังคม เป็นพัฒนา โดย Michael Halliday ที่เอาความคิดของระบบจากครูของเขา J. R. ท่วม ขณะท่วมถือว่าเป็นระบบถึงความยทุนโครงสร้าง Halliday ในความรู้สึกบางอย่าง "ปลดปล่อย" มิติที่เลือกจากโครงสร้าง และทำให้มิติการจัดระเบียบกลางของทฤษฎีนี้ ในคำอื่น ๆ ในขณะที่ลักษณะทางภาษาหลายวิธีวางโครงสร้างและแกน syntagmatic ในเบื้องหน้า Hallidean ระบบทฤษฎีทำงานใช้แกน paradigmatic เป็นจุดการเดินทาง คำว่าระบบตามระยะของ Saussure "paradigmatic แกน" ในการเข้าใจวิธีการทำงานของภาษา [1] สำหรับ Halliday หลักการทฤษฎีศูนย์กลางได้ว่า กระทำการใด ๆ ของการสื่อสารเกี่ยวข้องกับตัวเลือก ภาษาเป็นระบบ และตัวเลือกที่พร้อมใช้งานในหลากหลายภาษาใด ๆ ที่ถูกแมปโดยใช้เครื่องมือการแสดงของ "ระบบเครือข่าย"Michael Halliday ผู้ก่อตั้งภาษาศาสตร์ทำงานระบบภาษาศาสตร์ทำงานระบบก็ "ทำงาน" เนื่องจากได้พิจารณาภาษาจะมีพัฒนาภายใต้ความดันของฟังก์ชันเฉพาะที่ระบบภาษาที่มีให้บริการ ฟังก์ชันดังนั้นจะนำไปได้ทิ้งเครื่องหมายของพวกเขาในโครงสร้าง และองค์กรของภาษา ทุกระดับ ซึ่งกล่าวว่า สามารถทำได้ผ่านทาง metafunctions Metafunction ระยะเกี่ยวข้องกับภาษาศาสตร์ทำงานระบบ องค์กรของกรอบการทำงานรอบระบบ เช่น ตัวเลือก มีความแตกต่างที่สำคัญจากวิธีการ "ทำงาน" อื่น ๆ เช่น เช่น ของ Dik ทำงานไวยากรณ์ (FG หรือ เป็นวาทกรรมนี้ว่า ทำงานไวยากรณ์) และเกี่ยวกับคำศัพท์ไวยากรณ์ที่ทำงาน ดังนั้น จึงใช้ชื่อเต็ม — ภาษาศาสตร์ทำงานระบบ — แทนที่จะทำงานเพียงแค่ไวยากรณ์หรือภาษาศาสตร์ทำงานสำหรับ Halliday ภาษาทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับสามฟังก์ชัน generalised หรือ metafunctions: หนึ่ง construes ประสบการณ์ (ความหมายเกี่ยวกับโลกภายนอก และภายใน); หนึ่ง enacts ความสัมพันธ์ทางสังคม (ความหมายเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล), และหนึ่งสานกันของฟังก์ชันเหล่านี้สองเมื่อต้องการสร้างข้อความ (ถ้อยคำ) เนื่องจากฟังก์ชันเหล่านี้ถือว่ามาถูกกัน — viz. หนึ่งไม่สามารถหมายถึงเกี่ยวกับโลกโดยไม่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นจริง หรือเสมือน — ภาษาต้องยังสามารถนำความหมายเหล่านี้กัน: นี้เป็นบทบาทของโครงสร้างองค์กร เป็นที่ไวยากรณ์ ตรรก หรือบริบทได้ ฟังก์ชัน generalised สามเหล่านี้จะเรียกว่า "metafunctions" [2]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ภาษาศาสตร์การทำงานกับระบบ (SFL) เป็นวิธีการที่จะพิจารณาภาษาศาสตร์ภาษาเป็นระบบเชิงสัญญะทางสังคม มันถูกพัฒนาโดยไมเคิลฮัลลิเดย์ที่เอาความคิดของระบบจากครูของเขา, JR ท่วม ในขณะที่ท่วมถือว่าเป็นระบบที่จะอ้างถึงความเป็นไปได้เป็นรองโครงสร้างฮัลลิเดย์ในความรู้สึกบางอย่าง "เสรี" มิติของทางเลือกจากโครงสร้างและทำให้มันเป็นมิติที่จัดงานกลางของทฤษฎีนี้ ในคำอื่น ๆ ในขณะที่หลายวิธีที่จะอธิบายโครงสร้างสถานที่ภาษาและแกนแนวนอนในเบื้องหน้า Hallidean หน้าที่ทฤษฎีระบบ adopts แกนตัวอย่างเป็นจุดของการเดินทาง คำว่าเป็นระบบตาม foregrounds ซ็อสของ "แกนตัวอย่าง" ในการทำความเข้าใจวิธีการทำงานภาษา. [1] สำหรับฮัลลิเดย์หลักการทฤษฎีกลางแล้วว่าการกระทำของการสื่อสารใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับทางเลือก ภาษาเป็นระบบและทางเลือกที่มีอยู่ในหลากหลายภาษาใด ๆ จะถูกแมปโดยใช้เครื่องมือเป็นตัวแทนของ "ระบบเครือข่าย". ไมเคิลฮัลลิเดย์ผู้ก่อตั้งระบบภาษาศาสตร์ทำงานภาษาศาสตร์การทำงานระบบในร่างกายนอกจากนี้ยังมี "การทำงาน" เพราะเห็นว่าภาษามีการพัฒนาภายใต้ ความกดดันของฟังก์ชั่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ว่าระบบภาษาที่มีการให้บริการ ฟังก์ชั่นจึงถูกนำไปได้เครื่องหมายของพวกเขาที่เหลืออยู่บนโครงสร้างและองค์กรของภาษาในทุกระดับซึ่งกล่าวกันว่าจะประสบความสำเร็จผ่าน metafunctions metafunction เป็นระยะโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่จะภาษาศาสตร์การทำงานอย่างเป็นระบบ องค์กรของกรอบการทำงานรอบระบบคือทางเลือกที่เป็นความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญจากคนอื่น ๆ วิธีการ "ทำงาน" เช่นตัวอย่างเช่นกดิ๊กของไวยากรณ์การทำงาน (FG หรือเป็นขณะนี้มักจะเรียกว่าการทำงานไวยากรณ์วาทกรรม) และไวยากรณ์การทำงานของคำศัพท์ . ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะใช้เต็มรูปแบบการกำหนด-ระบบภาษาศาสตร์ค่อนข้างทำงานกว่าไวยากรณ์การทำงานเพียงหรือภาษาศาสตร์ทำงาน. สำหรับฮัลลิเดย์ทุกภาษาที่เกี่ยวข้องกับสามฟังก์ชั่นทั่วไปหรือ metafunctions หนึ่ง construes ประสบการณ์ (ความหมายเกี่ยวกับโลกภายนอกและภายใน); หนึ่ง enacts ความสัมพันธ์ทางสังคม (ความหมายที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล) และแยบยลกันของทั้งสองฟังก์ชั่นในการสร้างข้อความ (ถ้อยคำ) . เพราะฟังก์ชั่นเหล่านี้จะมีการพิจารณาให้เข้ามาพร้อม ๆ กันกล่าวคือหนึ่งไม่สามารถหมายถึงเกี่ยวกับโลกโดยไม่ต้องทั้งผู้ชมภาษาเสมือนจริงหรือยังจะต้องสามารถที่จะนำความหมายเหล่านี้ร่วมกัน: นี่คือบทบาทขององค์กรที่มีโครงสร้างที่เป็นไปได้ว่า ไวยากรณ์หรือความหมายตามบริบท ทั้งสามฟังก์ชั่นทั่วไปจะเรียกว่า "metafunctions". [2]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

系统性SFL功能语言学（语言学）的方法，这是一个社会系统作为一semiotic considers language。这是由迈克尔Halliday，谁开发的系统发生，从他的老师notion（J . R .考虑Whereas湾湾。一个选择是指对系统结构，对Halliday possibilities隶属于某种感觉在一个“选择”的liberated关联维数从它的结构和关联维数对支持这个理论organising。换句话说，有许多approaches linguistic whereas的组合结构和描述的地方，在foreground轴功能的Hallidean采用系统理论为使其聚合。点轴系统的长期前景Saussure accordingly）”在“纵聚合轴如何理解语言。[ 1 ] Halliday作品为中心，这是一个原则，然后theoretical任何沟通行为involves。语言是一个系统，choices和choices品种可在任何语言的使用是mapped representation网络的“系统工具”。迈克尔，是系统功能语言学Halliday成立于1613年功能语言学，功能是系统性considers”“因为这也有压力下对evolved language of该系统的功能是particular语言来达到。因此Functions已经是他们在taken标记有left to的结构和organisation of language，这是在所有层次，实现了“纯理功能是通过长期的功能。系统功能语言学是一个particular）的框架。organisation功能系统，即，在choices，那是一个“功能”从最小显著差异，例如，如As，approaches”键入时，Dik（FG，或作为功能现在键入时所often功能）和功能discourse lexical键入时。因此，这是重要的一个完整的系统designation -使用。多功能-功能语言学或键入时！只是功能语言学。对于所有三Halliday语，involve generalised纯理功能分析功能，或是一个（meanings经验在一个世界和内心outer（）；制定有关社会关系与关系meanings interpersonal），和一个编织。两个这些功能一起创建text（措辞）。因为这些功能被认为是去吗simultaneously -即。平均，一个是不能没有真正拥有一either the world language虚拟观众也一定是——这是一个meanings一起把这个角色：是的，是这样的结构，organisation grammatical semantic或三是contextual。These generalised functions”称为“纯理功能2 ]。