using Fig. 3.12 and entered in colu

using Fig. 3.12 and entered in column 5. The corrected k value is then used in Fig. 3.13
to determine the seasonal or relative damage factor, which is entered in column 6. The sum
of relative damage is divided by the total number of periods to determine the average relative
damage factor. This value is entered in Fig. 3.13 to determine the average composite
modulus of subgrade reaction for the year. Many concrete pavements fail as a result of
pumping or loss of support under the slab. Figure 3.14 is provided to correct the effective
modulus of subgrade reaction for loss of support. This figure lowers the k so that the

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

โดยใช้รูป 3.12 และเข้าไปในคอลัมน์ 5. ค่า k แก้ไขที่ใช้แล้วในรูป 3.13
การกำหนดปัจจัยความเสียหายตามฤดูกาลหรือญาติที่ถูกป้อนในคอลัมน์ 6. ผลรวมของความเสียหายญาติโดยแบ่งเป็นจำนวนรวมของระยะเวลาในการกำหนดค่าเฉลี่ยของญาติปัจจัยความเสียหาย ค่านี้จะเข้ามาในรูป 3.13 การกำหนดคอมโพสิตเฉลี่ยโมดูลัสของการเกิดปฏิกิริยาฐานรากสำหรับปี ทางเท้าคอนกรีตจำนวนมากไม่เป็นผลมาจากการสูบน้ำหรือการสูญเสียการสนับสนุนภายใต้พื้น รูปที่ 3.14 มีไว้เพื่อแก้ไขที่มีประสิทธิภาพโมดูลัสของการเกิดปฏิกิริยาฐานรากสำหรับการสูญเสียของการสนับสนุน ตัวเลขนี้ลด k เพื่อให้ที่

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ใช้รูปที่ 3.12 และใส่ในคอลัมน์ที่ 5 แก้ไขค่า K แล้วใช้ในรูปที่ 3.13
เพื่อหาปัจจัยตามฤดูกาล หรือญาติเสีย ซึ่งถูกป้อนในคอลัมน์ 6 ผลรวม
ความเสียหายญาติจะแบ่งตามจำนวนระยะเวลาเพื่อศึกษาปัจจัยความเสียหายเฉลี่ยสัมพัทธ์

ค่านี้จะถูกป้อนในรูปที่ 3.13 หา
คอมโพสิตโดยเฉลี่ยโมดูลัส Subgrade Reaction สำหรับปี ผิวทางคอนกรีตหลายล้มเหลวเป็นผลมาจาก
สูบหรือการสนับสนุนภายใต้พื้น รูปที่ 3.14 ให้ถูกต้องมีประสิทธิภาพ
โมดูลัสแตกร้าวสำหรับการสูญเสียของการสนับสนุน รูปนี้เอา K ดังนั้นว่า