The environmental and socio-economi

The environmental and socio-economic impacts of sugarcane
cultivation were analyzed in selected sites in north-eastern
Thailand. It is found that the sugarcane cultivation generates the
highest impact on freshwater ecotoxicity, freshwater eutrophication
and marine ecotoxicity. The self-employed workers (sugarcane
farm owners) generally have a higher income than the employed
workers. Employment generation in land preparation and planting
is generally low because these are mostly mechanized. Maintenance
and harvesting stages play a significant role in employment
generation as these stages are labor intensive. It was found that
wages and working conditions of jobs in sugarcane farming are
poorer compared to rice farming. This may lead to a lack in laborers
for sugarcane farming in the future. The main factors influencing
the environmental and socio-economic impacts caused by the
sugarcane cultivation are yields, cultivation practices (such as
choices of inputs, numbers of tillage, weeding, fertilization, and
pesticide application) and distance to sugar mill. In addition, the
results suggest that over use of fertilizers and pesticides may not
always assist in increasing yields and may in fact even generate
more environmental impacts. However, there may be other factors
influencing yields such as choices of fertilizers, soil conditioners
and pesticides, species of sugarcane grown, timing of weeding and

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสังคมเศรษฐกิจของอ้อยเพาะปลูกถูกวิเคราะห์ในไซต์ที่เลือกในตะวันออกเฉียงเหนือไทย จะพบว่า การเพาะปลูกอ้อยสร้างผลกระทบสูงสุด ecotoxicity น้ำจืด ปลาเคและทะเล ecotoxicity แรงงานกิจการ (อ้อยเจ้าของฟาร์ม) โดยทั่วไปมีรายได้สูงกว่าที่เจ้าคนงาน สร้างการจ้างงานในการเตรียมดินและการปลูกมีน้อยโดยทั่วไปเนื่องจากเหล่านี้ส่วนใหญ่มี mechanized บำรุงรักษาและขั้นตอนการเก็บเกี่ยวมีบทบาทสำคัญในงานสร้าง ตามขั้นตอนเหล่านี้มีแรงงานเร่งรัดการ จะพบว่าค่าจ้างและสภาพการทำงานของงานในการทำนาอ้อยย่อมเปรียบเทียบกับนาข้าว นี้อาจนำไปสู่การขาดในแรงของการบุกเบิกสำหรับอ้อยเกษตรในอนาคต ปัจจัยหลักที่มีอิทธิพลต่อผลกระทบทาง เศรษฐกิจสังคม และสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการเพาะปลูกอ้อยมีผลผลิต วิธีเพาะปลูก (เช่นเลือกอินพุต จำนวน tillage weeding การ ปฏิสนธิ และใช้ยาฆ่าแมลง) และห่างจากโรงงานผลิตน้ำตาล แห่งแนะนำผลลัพธ์ที่ผ่านการใช้ปุ๋ย และสารกำจัดศัตรูพืชอาจไม่จะช่วยในการเพิ่มผลผลิต และอาจในความเป็นจริงแม้สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น อย่างไรก็ตาม อาจมีปัจจัยอื่น ๆมีอิทธิพลต่ออัตราผลตอบแทนเช่นเลือกปุ๋ย ดินปรับอากาศและยาฆ่าแมลง พันธุ์อ้อยปลูก เวลาของ weeding และ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและทางเศรษฐกิจและสังคมของอ้อยการเพาะปลูกที่ได้มาวิเคราะห์ในเว็บไซต์ที่เลือกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย นอกจากนี้ยังพบว่าการเพาะปลูกอ้อยสร้างผลกระทบสูงสุดในพิษต่อระบบนิเวศน้ำจืด eutrophication น้ำจืดและพิษต่อระบบนิเวศทางทะเล คนงานของตนเอง (อ้อยเจ้าของฟาร์ม) โดยทั่วไปมีรายได้สูงกว่าลูกจ้างคนงาน รุ่นการจ้างงานในการเตรียมดินและการปลูกโดยทั่วไปต่ำเพราะเหล่านี้มียานยนต์ส่วนใหญ่ การบำรุงรักษาขั้นตอนและการเก็บเกี่ยวมีบทบาทสำคัญในการจ้างงานรุ่นที่เป็นขั้นตอนเหล่านี้เป็นแรงงานเข้มข้น การศึกษาพบว่าค่าจ้างและสภาพการทำงานของงานในการทำการเกษตรอ้อยจะยากจนเมื่อเทียบกับการทำนา ซึ่งอาจนำไปสู่การขาดแรงงานเพื่อการเพาะเลี้ยงอ้อยในอนาคต ปัจจัยหลักที่มีอิทธิพลผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและทางเศรษฐกิจและสังคมที่เกิดจากการเพาะปลูกอ้อยที่มีอัตราผลตอบแทนการปฏิบัติเพาะปลูก(เช่นทางเลือกของปัจจัยการผลิตจำนวนไถพรวนกำจัดวัชพืชใส่ปุ๋ยและการประยุกต์ใช้สารกำจัดศัตรูพืช) และระยะทางไปโรงงานน้ำตาล นอกจากนี้ผลการวิจัยแนะนำว่ากว่าการใช้ปุ๋ยและยาฆ่าแมลงอาจจะไม่เสมอช่วยในการเพิ่มผลผลิตและในความเป็นจริงแม้จะสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น แต่อาจจะมีปัจจัยอื่น ๆที่มีอิทธิพลต่ออัตราผลตอบแทนดังกล่าวเป็นทางเลือกของปุ๋ยดินและสารกำจัดศัตรูพืชสายพันธุ์อ้อยที่ปลูกในระยะเวลาของการกำจัดวัชพืชและ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมของอ้อย
วิเคราะห์ในการเลือกเว็บไซต์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ประเทศไทย พบว่าการปลูกอ้อยสร้าง
สูงสุดต่อน้ำจืดน้ำจืดและทะเล ecotoxicity
บานชื่น , ecotoxicity . คนงานรับจ้างตนเอง ( เจ้าของไร่อ้อย
) โดยทั่วไปจะมีรายได้สูงกว่าที่ใช้
คนงาน