This retrospective study aimed to d

This retrospective study aimed to describe the magnitude of false positive screening for thalassemia in a primary care setting of Thailand. The study was conducted from 1999 to 2008 and analyzed 13,745 positive cases. It involved a combination of one tube osmotic fragility (OF) and dichlorophenol indophenol (DCIP) precipitation tests. The number of cases increased over the ten-year period, corresponding well to an exponential model. Based on hemoglobin and DNA analysis, cases with alpha-thalassemia 1, beta-thalassemia, and hemoglobin E were defined as true positive cases, and the remaining were considered as false positives. The false positive rate was in the range of 20.1-36.1%. The proportion of false positive cases of thalassemia from the screening tests was associated with a trend which was statistically significant (p < 0.001). The estimated cost of further hemoglobin analysis resulting from false positive cases was approximately 40.2-72.2 million THB/year for an estimated 800,000 annual births. The combination of the OF and DCIP test, which has been the strategy for screening of thalassemia and HbE in pregnant women throughout this country, resulted in a large economic burden in terms of high cost and workload associated with further hemoglobin and DNA analyses of false positive samples. Measures to reduce false positive should be developed and implemented.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การศึกษานี้คาดมุ่งอธิบายขนาดของคัดกรองเป็นบวกผิดสำหรับทาลัสซีเมียในหลักของประเทศไทย การศึกษาได้ดำเนินการจากปี 1999 ถึง 2551 และวิเคราะห์กรณีบวก 13,745 มันเกี่ยวข้องหนึ่งหลอดการออสโมติกความ (ของ) และทดสอบฝน indophenol (DCIP) dichlorophenol จำนวนกรณีที่เพิ่มขึ้นในช่วงสิบปี ที่สอดคล้องกันกับแบบจำลองเนน ตามฮีโมโกลบินและวิเคราะห์ดีเอ็นเอ กรณีอัลฟาทาลัสซีเมีย 1 เบต้าทาลัสซีเมีย และฮีโมโกลบินอีกำหนดไว้เป็นกรณีบวกจริง และเหลือได้ถือเป็นการทำงานผิดพลาดไม่ อัตราบวกผิดถูกในช่วง 20.1-36.1% สัดส่วนของกรณีบวกเท็จของทาลัสซีเมียจากการทดสอบคัดกรองที่สัมพันธ์กับแนวโน้มที่อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < 0.001) ต้นทุนประมาณการวิเคราะห์ฮีโมโกลบินเพิ่มเติมที่เกิดจากกรณีบวกเท็จถูกประมาณ 40.2-72.2 ล้านบาท/ปีสำหรับการประเมิน 800000 ปีต่อการเกิด ผลรวมของของและ DCIP ทดสอบ ซึ่งมีกลยุทธ์ในการตรวจกรอง HbE และทาลัสซีเมียในหญิงตั้งครรภ์ทั่วประเทศนี้ ในเศรษฐกิจภาระต้นทุนที่สูงและปริมาณที่เกี่ยวข้องกับฮีโมโกลบินเพิ่มเติมและวิเคราะห์ดีเอ็นเอตัวอย่างบวกเท็จ จะมีพัฒนา และดำเนินมาตรการเพื่อลดการผิดพลาด

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อย้อนหลังอธิบายความสำคัญของการตรวจคัดกรองบวกปลอมสำหรับลัสซีเมียในการตั้งค่าการดูแลหลักของประเทศไทย ศึกษาได้ดำเนินการ 1999-2008 และวิเคราะห์กรณี 13,745 บวก มันเกี่ยวข้องกับการรวมกันของหนึ่งหลอดเปราะบางออสโมติก (ของ) และ dichlorophenol indophenol (DCIP) การทดสอบการตกตะกอน จำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นในช่วงสิบปีที่สอดคล้องกันดีกับรูปแบบการชี้แจง ขึ้นอยู่กับฮีโมโกลและการวิเคราะห์ดีเอ็นเอกรณีที่มีอัลฟาธาลัสซี 1 เบต้าธาลัสซีและฮีโมโกลอีได้รับการกำหนดให้เป็นกรณีบวกจริงและที่เหลือได้รับการพิจารณาเป็นบวกเท็จ อัตราการบวกปลอมอยู่ในช่วง 20.1-36.1% ของ สัดส่วนของผู้ป่วยที่เป็นบวกที่ผิดพลาดของธาลัสซีจากการตรวจคัดกรองมีความสัมพันธ์กับแนวโน้มที่มีนัยสำคัญทางสถิติ (p <0.001) ค่าใช้จ่ายประมาณของการวิเคราะห์ฮีโมโกลต่อกรณีที่เกิดจากการบวกปลอมประมาณ 40.2-72,200,000 บาท / ปีประมาณ 800,000 ประจำปีเกิด การรวมกันของการทดสอบและ DCIP ซึ่งได้รับกลยุทธ์สำหรับการคัดกรองของธาลัสซีและ HBE ในหญิงตั้งครรภ์ทั่วประเทศนี้ส่งผลให้ภาระทางเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่ในแง่ของค่าใช้จ่ายสูงและภาระงานที่เกี่ยวข้องกับฮีโมโกลต่อไปและการวิเคราะห์ดีเอ็นเอบวกปลอม ตัวอย่าง มาตรการเพื่อลดบวกปลอมควรได้รับการพัฒนาและดำเนินการ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การศึกษาย้อนหลังนี้มีวัตถุประสงค์เพื่ออธิบายขนาดของการบวกเท็จ การคัดกรองธาลัสซีเมียในการดูแลหลักของเมืองไทย โดยศึกษาจากปี 2008 และวิเคราะห์ 13745 บวกกรณี มันเกี่ยวข้องกับการรวมกันของการเปราะแตกง่าย ( หนึ่งหลอด ) และ dichlorophenol indophenol ( dcip ) ทดสอบการตกตะกอน จำนวนคดีที่เพิ่มขึ้น ในระยะเวลาสิบปีที่เกี่ยวข้องกับรุ่นที่เป็นแบบเอกซ์โพเนนเชียล ขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์เลือดและดีเอ็นเอ กรณีกับแอลฟาธาลัสซีเมีย 1 เบต้า ธาลัสซีเมีย และฮีโมโกลบินอีกำหนดเป็นกรณีบวกจริง ส่วนที่เหลือก็ถือเป็นการแจ้งเท็จ อัตราบวกเท็จในช่วง 20.1-36.1 %สัดส่วนของผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมียของบวกเท็จจากการทดสอบการคัดกรองที่เกี่ยวข้องกับแนวโน้มซึ่งอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ( p < 0.001 ) การประมาณต้นทุนในการวิเคราะห์เพิ่มเติม ฮีโมโกลบินที่เกิดจากกรณีเท็จบวกประมาณ 40.2-72.2 ล้านบาท / ปี ประมาณ 800000 ประจำปีเกิด การรวมกันของการทดสอบ dcip และ ,ซึ่งมีกลยุทธ์สำหรับการคัดกรองธาลัสซีเมียในหญิงตั้งครรภ์ทั่วประเทศ และระหว่างนี้ส่งผลให้ภาระทางเศรษฐกิจขนาดใหญ่ในแง่ของค่าใช้จ่ายสูงและภาระงานที่เกี่ยวข้องกับฮีโมโกลบิน และการวิเคราะห์ตัวอย่างดีเอ็นเอเพิ่มเติมบวกเท็จ มาตรการลดบวกเท็จ ควรได้รับการพัฒนาและใช้