Joseph Priestley and Antoine Lavois

Joseph Priestley and Antoine Lavoisier played a leading role in the emergence of modern
chemistry. In a series of experiments on chemical reactions and combustion, Lavoisier was
able to measure properties of things invisible to him (gases), discovering the law of
conservation of mass. This law is one of the most important achievements of science and is
the basis to understand chemical reactions. Lavoisier systematically conducted Philo’s
candle experiment (Lavoisier 1777, p. 195), concluding that any change in volume is well
below 1%. Lavoisier concluded correctly that the change of volume in the typical candle
experiment was due to the thermal expansion of air. In a simple experiment, he placed an
inclined inverted glass bell partially submerged in mercury, ignited the candle and quickly
moved the candle inside the bell. The bell was quickly submerged and the column of
mercury prevented air to bubble out, but strictly speaking this is not a closed system
because initially air can enter or leave the bell. In contrast, his contemporary and scientific
adversary Joseph Priestley in his experiments on combustion used sunlight and a lens to
ignite different substances inside a closed volume. Lavoisier also designed a closed volume
variation of the candle experiment: he put phosphorous near the candle wick, and closed
the volume with a mercury bath, extracting some air to get a column of mercury that sealed
the volume and allowed the gas to expand without bubbling out of the vessel. He then
introduced a heated piece of iron through the column of mercury to ignite the phosphorous
and light the candle.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Joseph Priestley และลาวอยซิเออร์ Antoine บทบาทนำในการเกิดขึ้นของทันสมัยเคมี ในชุดการทดลองปฏิกิริยาเคมีและการเผาไหม้ เป็นลาวอยซิเออร์สามารถวัดคุณสมบัติของสิ่งที่มองไม่เห็นเขา (ก๊าซ), ค้นหากฎหมายของกฎทรงมวล กฎหมายนี้เป็นหนึ่งในความสำเร็จที่สำคัญที่สุดของวิทยาศาสตร์ และเป็นพื้นฐานการเข้าใจปฏิกิริยาเคมี ลาวอยซิเออร์ของสองที่ดำเนินการอย่างเป็นระบบทดลองเทียน (ลาวอยซิเออร์ 1777, p. 195), สรุปว่า การเปลี่ยนแปลงปริมาตรเป็นอย่างดีต่ำกว่า 1% ลาวอยซิเออร์ข้อสรุปอย่างถูกต้องว่าการเปลี่ยนแปลงของระดับเสียงในเทียนทั่วไปทดลองแก้ไขเนื่องจากการขยายตัวของอากาศ ทดลองง่าย ๆ เขาวางไว้ระฆังแก้วคว่ำเอียงบางส่วนจมอยู่ใต้น้ำในปรอท ติดไฟเทียน และรวดเร็วย้ายเทียนภายในระฆัง ระฆังจมอยู่ใต้น้ำได้อย่างรวดเร็ว และคอลัมน์ของปรอททำให้อากาศเป็นฟองออก แต่อย่างเคร่งครัดพูดนี้ไม่ใช่ระบบปิดเพราะตอนแรกอากาศสามารถป้อน หรือปล่อยระฆัง ในความคมชัด เขาร่วมสมัย และวิทยาศาสตร์ปฏิปักษ์ที่ Joseph Priestley ในการทดลองของเขาเผาไหม้ใช้แสงและเลนส์จุดสารที่แตกต่างภายในไดรฟ์ข้อมูลปิดแล้ว ลาวอยซิเออร์ยังออกแบบไดรฟ์ข้อมูลปิดแล้วรูปแบบของการทดสอบเทียน: เขาใส่ฟอสฟอรัสใกล้ไส้ตะเกียงเทียน และปิดระดับเสียง ด้วยอาบน้ำปรอท แยกบางอากาศรับคอลัมน์ปรอทที่ปิดสนิทปริมาณการให้ก๊าซไปขยาย โดยไม่มีฟองอากาศจากเรือ เขาแล้วนำชิ้นส่วนร้อนของเหล็กผ่านคอลัมน์ปรอทจุดของฟอสฟอรัสและแสงเทียน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

โจเซฟและแอนทอน Lavoisier เล่นบทบาทนำในการเกิดขึ้นของสมัยใหม่
เคมี ในชุดการทดลองปฏิกิริยาทางเคมีและการเผาไหม้, เยร์ก็
สามารถที่จะวัดคุณสมบัติของสิ่งที่มองไม่เห็นเขา (ก๊าซ) พบกฎหมายของ
การอนุรักษ์มวล กฎหมายฉบับนี้เป็นหนึ่งในความสำเร็จที่สำคัญที่สุดของวิทยาศาสตร์และเป็น
พื้นฐานในการทำความเข้าใจปฏิกิริยาเคมี Lavoisier ระบบการดำเนินการของ Philo
ทดลองเทียน (Lavoisier 1777, น. 195) สรุปว่าการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในปริมาณที่เป็นอย่างดี
ต่ำกว่า 1% เยร์ได้อย่างถูกต้องได้ข้อสรุปว่าการเปลี่ยนแปลงของปริมาณในเทียนทั่วไป
ทดลองเนื่องจากการขยายตัวทางความร้อนของอากาศ ในการทดลองง่ายๆเขาวาง
เอียงระฆังแก้วคว่ำจมอยู่ใต้น้ำในส่วนปรอทจุดประกายเทียนได้อย่างรวดเร็วและ
ย้ายเทียนภายในระฆัง ระฆังจมอยู่ใต้น้ำได้อย่างรวดเร็วและคอลัมน์ของ
ปรอทป้องกันไม่ให้อากาศฟองออก แต่อย่างเคร่งครัดพูดนี้ไม่ได้เป็นระบบปิด
เพราะอากาศเริ่มแรกสามารถเข้าหรือออกจากระฆัง ในทางตรงกันข้ามร่วมสมัยและทางวิทยาศาสตร์ของเขา
ศัตรูโจเซฟในการทดลองของเขาในการเผาไหม้ที่ใช้แสงแดดและเลนส์ที่จะ
จุดชนวนสารที่แตกต่างกันภายในปริมาณปิด เยร์ยังได้รับการออกแบบปริมาณปิด
รูปแบบของการทดลองเทียน: เขาใส่ฟอสฟอรัสซึ่งอยู่ใกล้กับไส้ตะเกียงเทียนและปิด
เสียงด้วยการอาบน้ำปรอทสกัดอากาศที่จะได้รับคอลัมน์ของสารปรอทที่ปิดผนึก
ปริมาณและได้รับอนุญาตก๊าซที่จะขยายโดยไม่ต้องเดือด ออกจากเรือ จากนั้นเขาก็
แนะนำชิ้นอุ่นเหล็กผ่านคอลัมน์ของปรอทที่จะจุดชนวนฟอสฟอรัส
และจุดเทียน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

โจเซฟ พริสต์ลีย์ และ อองตวน ลาวัวซิเยร์ที่เล่นบทบาทในการวิวัฒนาการของสมัยใหม่เคมี ในชุดของการทดลองเกี่ยวกับปฏิกิริยาทางเคมีและการเผาไหม้ ลาวัวซีเย คือสามารถที่จะวัดคุณสมบัติของสิ่งมองไม่เห็นเขา ( ก๊าซ ) , การค้นพบกฎของการอนุรักษ์มวล กฎหมายนี้เป็นหนึ่งในผลงานที่สำคัญที่สุดของวิทยาศาสตร์และพื้นฐานการเข้าใจปฏิกิริยาทางเคมี ลาวัวซิเยร์ระจากเทียน ( การทดลองลาวัวซิเยร์อย่า , หน้า 195 ) สรุปว่าการเปลี่ยนแปลงใด ๆในเล่มได้เป็นอย่างดีต่ำกว่า 1% ลาวัวซิเยร์สรุปได้ถูกต้องว่า การเปลี่ยนแปลงของปริมาณในเทียนทั่วไปการทดลองเนื่องจากการขยายตัวทางความร้อนของอากาศ ในการทดลองง่ายๆ เขาวางเอียงคว่ำระฆังแก้วบางส่วนจมในปรอท จุดเทียน และรวดเร็วย้ายเทียนภายในกระดิ่ง ระฆังอย่างรวดเร็วมิดและคอลัมน์ของปรอทป้องกันอากาศฟองออก แต่พูดตรงนี้ไม่ได้เป็นระบบปิดเพราะตอนแรกอากาศสามารถเข้าหรือออกจาก เบลล์ ในทางตรงกันข้าม , ร่วมสมัยและทางวิทยาศาสตร์โจเซฟ พริสต์ลีย์ คู่ปรับในการทดลองของเขาในการเผาไหม้ที่ใช้แสงและเลนส์ทำให้สารต่าง ๆภายในเล่ม ปิด ลาวัวซีเยได้รับการออกแบบยังปิดหมวดการเปลี่ยนแปลงของเทียนการทดลอง : เขาใส่ฟอสฟอรัสใกล้เทียนไส้ตะเกียงและปิดปริมาณที่มีปรอทนํ้า , แยกบางอากาศได้รับคอลัมน์ของปรอทที่ปิดผนึกปริมาณและอนุญาตให้ก๊าซขยายตัวโดยไม่มีเสียงออกจากเรือ เขาแล้วแนะนำแผ่นความร้อนของเหล็กที่ผ่านคอลัมน์ของปรอทจะทำให้ฟอสฟอรัสและแสงเทียน