This paper examines the impact of a

This paper examines the impact of a defined benefit (DB) pension plan freeze on the sponsoring firm's risk and risk-taking activities. Using a sample of firms declaring a hard freeze on their DB plans between 2002 and 2007, we observe an increase in total risk (proxied by the standard deviation of EBITDA and asset beta), equity risk (standard deviation of returns), and credit risk following a DB-plan freeze. The increase in credit risk is reflected in a decline in credit ratings and an increase in bond yields for freezing firms. When we examine investment strategies, we observe a shift in investment from capital expenditures before the freeze to more-risky R&D projects after the freeze, and an increase in leverage. These strategies (increased focus on R&D and higher leverage) increase the operating and financial risk the firm faces. Overall, we observe an increase in risk-taking following DB plan freezes, consistent with theories that DB plans act as “inside debt” that aligns managers’ interests with bondholders’.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

กระดาษนี้ตรวจสอบผลกระทบของการหยุดแผนเงินบำนาญผลประโยชน์ (DB) กิจกรรมความเสี่ยงและเสี่ยงของบริษัทให้การสนับสนุน เราใช้ตัวอย่างของบริษัทที่ประกาศการหยุดยากแผนของ DB ระหว่าง 2002 และ 2007 การ สังเกตการเพิ่มขึ้นในรวมความเสี่ยง (proxied โดยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของ EBITDA และสินทรัพย์เบต้า), หุ้นความเสี่ยง (ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานของผลตอบแทน), เครดิต และ ความเสี่ยงต่อ DB-การตรึง ในการจัดอันดับเครดิตลดลงและเพิ่มอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสำหรับการแช่แข็งบริษัทที่ยอดการเพิ่มขึ้นของความเสี่ยงด้านเครดิต เมื่อเราตรวจสอบกลยุทธ์การลงทุน เราสังเกตการเปลี่ยนแปลงในการลงทุนจากเงินลงทุนก่อนที่จะหยุดโครงการ R & D ที่มีความเสี่ยงเพิ่มเติมหลังจากการหยุด และการเพิ่มขึ้นของเลเวอเรจ กลยุทธ์เหล่านี้ (เพิ่มเน้น R & D และเลเวอเรจสูง) เพิ่มการทำงาน และความเสี่ยงทางการเงินบริษัทหน้า โดยรวม เราสังเกตเพิ่มขึ้นเสี่ยงต่อ DB แผนหยุดการทำงาน สอดคล้องกับทฤษฎีที่ว่า DB แผนกระทำตาม "ภายในตราสารหนี้" ที่จัดผู้จัดการ 'สนใจ ด้วยขอ'

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

กระดาษนี้จะตรวจสอบผลกระทบของผลประโยชน์ (DB) แช่แข็งแผนบำนาญเกี่ยวกับความเสี่ยงและความเสี่ยงของ บริษัท ที่ให้การสนับสนุนของกิจกรรม โดยใช้ตัวอย่างของ บริษัท ที่ประกาศแช่แข็งอย่างหนักเกี่ยวกับแผนการ DB ของพวกเขาระหว่างปี 2002 และ 2007 เราสังเกตการเพิ่มขึ้นของความเสี่ยงรวม (พร็อกซีโดยเบี่ยงเบนมาตรฐานของ EBITDA และเบต้าสินทรัพย์), ความเสี่ยงผู้ถือหุ้น (ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของผลตอบแทน) และความเสี่ยงด้านเครดิต ต่อไปนี้การแช่แข็ง DB-แผน การเพิ่มขึ้นของความเสี่ยงด้านเครดิตสะท้อนให้เห็นในการลดลงในการจัดอันดับเครดิตและการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสำหรับ บริษัท ที่เย็นยะเยือก เมื่อเราตรวจสอบกลยุทธ์การลงทุน, เราสังเกตการเปลี่ยนแปลงของเงินลงทุนจากการใช้จ่ายทุนก่อนที่จะแช่แข็งให้กับโครงการที่มีความเสี่ยงมากขึ้น R & D หลังจากแช่แข็งและการเพิ่มขึ้นของการใช้ประโยชน์จาก กลยุทธ์เหล่านี้ (เพิ่มขึ้นมุ่งเน้น R & D และยกระดับสูงกว่า) การเพิ่มขึ้นของการดำเนินงานและความเสี่ยงทางการเงินใบหน้า บริษัท โดยรวมแล้วเราสังเกตเห็นการเพิ่มขึ้นของความเสี่ยงต่อไป DB ค้างแผนให้สอดคล้องกับทฤษฎีที่ว่าแผนการ DB ทำหน้าที่เป็น "ภายในหนี้" ที่สอดคล้องผลประโยชน์กับผู้ถือหุ้นกู้ 'ผู้จัดการ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

บทความนี้มุ่งพิจารณาถึงผลกระทบของการกำหนดผลประโยชน์ ( dB ) บำนาญตรึงบนสปอนเซอร์กิจกรรมความเสี่ยงของ บริษัท และความเสี่ยง . การใช้ตัวอย่างของบริษัทประกาศหยุดยากในแผนของ DB ระหว่างปี 2002 และ 2007 เราสังเกตเพิ่มขึ้นในความเสี่ยงทั้งหมด ( proxied โดยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของสินทรัพย์ของบริษัทและเบต้า ) , ความเสี่ยงหุ้น ( ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานค่า ) , และความเสี่ยงด้านเครดิตตาม DB แผนตรึง เพิ่มความเสี่ยงด้านเครดิตที่สะท้อนให้เห็นในการปฏิเสธในการจัดอันดับเครดิตและการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสำหรับแช่แข็ง บริษัท เมื่อเราตรวจสอบกลยุทธ์การลงทุน เราสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในการลงทุนจากรายจ่ายลงทุนก่อนที่จะหยุดโครงการความเสี่ยงมากขึ้น R & D หลังจากแช่แข็งและเพิ่มในการใช้ประโยชน์ กลยุทธ์เหล่านี้ ( เพิ่มขึ้นมุ่งเน้นไปที่ R & D และ leverage สูง ) เพิ่มการดำเนินงานและความเสี่ยงทางการเงิน บริษัท หน้า โดยรวม เราสังเกตการเพิ่มขึ้นของความเสี่ยงต่อ DB วางแผนค้าง สอดคล้องกับทฤษฎีแผน DB เป็นภายใน " หนี้ " ที่สอดคล้องกับโครงการผู้จัดการ ' หัก '