The factors that can trigger acute

The factors that can trigger acute AAEs vary in importance from patient to patient, but include: n Air pollution, especially nitrogen dioxide, small particles, and active and passive smoking (Guibas et al, 2012; Dougherty and Fahy, 2009). Second-hand smoke can directly exacerbate asthma and augment airborne allergens’ effects. Pollution, including smoke, can damage the epithelium enhancing absorption of allergens and augmenting viral (see below) replication (Guibas et al, 2012) n Allergens: including dust mite, pollen and animal dander (Dougherty and Fahy, 2009) n Exercise: PE teachers should remind pupils with asthma triggered or exacerbated by exercise to take their short-acting bronchodilator before the lesson, and to thoroughly warm up and cool down. PE staff should keep inhalers available in a box nearby, in the gym, swimming pool, on the touchline and so on (Asthma UK, 2006) n Hormones: asthma may worsen in some females around the time of menstruation (Dougherty and Fahy, 2009) n Medicines, including aspirin, non-steroidal antiinflammatory drugs (NSAIDs) and beta-blockers (Dougherty and Fahy, 2009) n ‘Occupational’ triggers, some of which may be relevant in schools, such as flours, cleaning agents, metals, chemical irritants and woods (Dougherty and Fahy, 2009) n Psychological issues and stress, including socioeconomic status, interpersonal conflicts and emotional distress (Dougherty and Fahy, 2009; Guibas et al, 2012). However, upper respiratory tract viral infections are the most common cause of AAE in children and adults. Indeed, allergen exposure and viral infections can act synergistically. For example, inflammation induced by viral infections can prime the airway, thereby enhancing the response to allergens (Dougherty and Fahy 2009). Viral infections might also damage the epithelium, which may increase the amount of allergen absorbed. Conversely, inflammation triggered by the allergen can damage bronchial epithelium, which can exacerbate respiratory signs and symptoms caused by the infection (Guibas et al, 2012). Studies have associated numerous viruses with AAEs (Figure 1). However, rhinovirus—which comprises more than 100 serotypes—seems to be the most common pathogen isolated from children who experience AAEs. Indeed, researchers isolated rhinovirus from between 17% and 82% of children aged between 6 and 17 years with AAEs in Europe. Rhinovirus’ importance varies depending on, for example, the study’s duration and design, the age distribution of those enrolled, and the season. For instance, rhinoviruses, which cause most common colds, seem to be the main factor behind the ‘September asthma’ peak in AAEs when children return from summer holidays (Guibas et al, 2012; Papadopoulos et al, 2011).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ปัจจัยที่สามารถเรียก AAEs เฉียบพลันเปลี่ยนความสำคัญจากผู้ป่วยให้ผู้ป่วย แต่รวม: มลพิษอากาศ n โดยเฉพาะอย่างยิ่งไนโตรเจนไดออกไซด์ อนุภาคขนาดเล็ก และใช้งานอยู่ และแฝงสูบบุหรี่ (Guibas et al, 2012 Dougherty ก Fahy, 2009) ควันมือสองสามารถทำให้โรคหอบหืดรุนแรงโดยตรง และเพิ่มลักษณะพิเศษสู่สารก่อภูมิแพ้' มลพิษ รวมควัน สามารถสร้างความเสียหาย epithelium เพิ่มการดูดซึมของสารก่อภูมิแพ้ และอีกไวรัส (ดูด้านล่าง) จำลอง (Guibas et al, 2012) สารก่อภูมิแพ้ที่ n: ไรฝุ่น ละอองเกสร และสัตว์ dander (Dougherty และ Fahy, 2009) กาย n: PE ครูควรเตือนนักเรียนโรคหอบหืดทริกเกอร์ หรือเลวร้าย โดยการออกกำลังกายใช้ bronchodilator สั้น ๆ ทำหน้าที่ของตนก่อนเรียน และการอุ่นเครื่อง และเย็นลงอย่างทั่วถึงได้ พนักงาน PE ควรเก็บใช้ inhalers ในกล่องใกล้เคียง ฟิต ว่ายน้ำ สระว่ายน้ำใน touchline การ และอื่น ๆ (โรคหืด UK, 2006) ฮอร์โมนเอ็น: โรคหอบหืดอาจ worsen ในหญิงบางรอบเวลาของการมีประจำเดือน (Dougherty และ Fahy, 2009) ยา n แอสไพริน ยา antiinflammatory ไม่ (NSAIDs) และ beta-blockers (Dougherty และ Fahy, 2009) รวมถึงทริกเกอร์ 'กิจกรรม' n ซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องในโรงเรียนเช่นแป้ง ซักตัวแทน โลหะ เคมีเมื่อ และไม้ (Dougherty และ Fahy, 2009) n ปัญหาทางจิตใจและความเครียด สถานะประชากร มนุษยสัมพันธ์ความขัดแย้ง และความทุกข์ทางอารมณ์ (Dougherty และ Fahy, 2009 Guibas et al, 2012) อย่างไรก็ตาม การติดเชื้อไวรัสทางเดินหายใจด้านบนมีสาเหตุส่วนใหญ่ของเฟิร์สทออนลินคอล์นในเด็กและผู้ใหญ่ แน่นอน allergen แสงและการติดเชื้อไวรัสสามารถทำเป็น ตัวอย่าง อักเสบเกิดจากเชื้อไวรัสสามารถเฉพาะสินค้า เพื่อเพิ่มการตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้ (Dougherty และ Fahy 2009) การติดเชื้อไวรัสอาจยังทำลาย epithelium ซึ่งอาจเพิ่มจำนวน allergen ดูดซึม ในทางกลับกัน อักเสบที่ทริกเกอร์ โดย allergen สามารถทำลาย epithelium bronchial ซึ่งสามารถทำให้รุนแรงอาการทางเดินหายใจและอาการที่เกิดจากการติดเชื้อ (Guibas et al, 2012) ศึกษาได้เชื่อมโยงไวรัสมากมายกับ AAEs (1 รูป) อย่างไรก็ตาม rhinovirus — ซึ่งประกอบไปด้วย 100 กว่า serotypes — น่าจะ ศึกษามากที่สุดที่แยกต่างหากจากเด็กพบ AAEs แน่นอน นักวิจัยแยก rhinovirus from between 17% และ 82% ของเด็กอายุระหว่าง 6 และ 17 ปีกับ AAEs ในยุโรป ความสำคัญของ rhinovirus แตก เช่น ระยะเวลาการศึกษา และออกแบบ การกระจายอายุของผู้ลงทะเบียน และฤดูกาล ตัวอย่าง rhinoviruses ซึ่งทำให้ส่วนใหญ่ทั่วไป colds ดูเหมือนจะ เป็นปัจจัยหลักเบื้องหลังพีค 'โรคหืดกันยายน' ใน AAEs เมื่อเด็กกลับจากวันหยุดฤดูร้อน (Guibas et al, 2012 Papadopoulos et al, 2011)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ปัจจัยที่สามารถเรียก Aaes เฉียบพลันแตกต่างกันไปในความสำคัญจากผู้ป่วยกับผู้ป่วย แต่รวมถึงมลพิษทางอากาศ n โดยเฉพาะอย่างยิ่งก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์อนุภาคขนาดเล็กและการสูบบุหรี่ใช้งานและ passive (Guibas, et al, 2012; โดเฮอร์ทีและ Fahy, 2009) ควันบุหรี่มือสองโดยตรงสามารถทำให้รุนแรงโรคหอบหืดและเพิ่มผลกระทบสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ ' มลพิษรวมทั้งควันสามารถสร้างความเสียหายเยื่อบุผิวการเพิ่มการดูดซึมของสารก่อภูมิแพ้และ augmenting ไวรัส (ดูด้านล่าง) การจำลองแบบ (Guibas, et al, 2012) n ภูมิแพ้: รวมทั้งไรฝุ่นละอองเกสรดอกไม้และสัตว์โกรธ (โดเฮอร์ทีและ Fahy, 2009) n การใช้สิทธิ: PE ครูควรเตือนนักเรียนที่มีโรคหอบหืดเรียกหรือเลวร้ายลงโดยการออกกำลังกายที่จะใช้ bronchodilator ออกฤทธิ์สั้นของพวกเขาก่อนบทเรียนและเพื่อให้ความอบอุ่นได้อย่างทั่วถึงและเย็นลง พนักงาน PE ควรเก็บ inhalers ที่มีอยู่ในกล่องที่อยู่ใกล้เคียงในโรงยิม, สระว่ายน้ำบน touchline และอื่น ๆ (หอบหืดสหราชอาณาจักร 2006) n ฮอร์โมน: โรคหอบหืดอาจเลวลงในเพศหญิงบางช่วงเวลาของการมีประจำเดือน (โดเฮอร์ทีและ Fahy 2009 ) n ยารวมทั้งยาแอสไพรินยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่ steroidal (NSAIDs) และเบต้าบล็อกเกอร์ (โดเฮอร์ทีและ Fahy 2009) n 'อาชีว' ทริกเกอร์บางส่วนที่อาจจะเกี่ยวข้องในโรงเรียนเช่นแป้ง, สารทำความสะอาดโลหะ ระคายเคืองสารเคมีและไม้ (โดเฮอร์ทีและ Fahy 2009) n ปัญหาทางด้านจิตใจและความเครียดรวมทั้งสถานะทางเศรษฐกิจสังคมความขัดแย้งระหว่างบุคคลและความทุกข์ทางอารมณ์ (โดเฮอร์ทีและ Fahy 2009; Guibas, et al, 2012) อย่างไรก็ตามการติดเชื้อไวรัสทางเดินหายใจส่วนบนเป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของ AAE ในเด็กและผู้ใหญ่ อันที่จริงภูมิแพ้การเปิดรับและการติดเชื้อไวรัสที่สามารถทำหน้าที่ร่วม ยกตัวอย่างเช่นการอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสสามารถเดินหายใจที่สำคัญซึ่งจะช่วยเพิ่มการตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้ (โดเฮอร์ทีและ Fahy 2009) การติดเชื้อไวรัสนี้ยังอาจเกิดความเสียหายเยื่อบุผิวซึ่งอาจเพิ่มปริมาณของสารก่อภูมิแพ้ดูดซึม ตรงกันข้ามการอักเสบเรียกโดยสารก่อภูมิแพ้สามารถทำลายเยื่อบุผิวหลอดลมซึ่งสามารถทำให้รุนแรงอาการระบบทางเดินหายใจและอาการที่เกิดจากการติดเชื้อ (Guibas, et al, 2012) มีการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับไวรัสหลาย Aaes (รูปที่ 1) อย่างไรก็ตาม rhinovirus ซึ่งประกอบด้วยมากกว่า 100 สายพันธุ์-ดูเหมือนว่าจะมีการติดเชื้อที่พบมากที่สุดที่แยกได้จากเด็กที่มีประสบการณ์ Aaes อันที่จริงนักวิจัยแยก rhinovirus จากระหว่าง 17% และ 82% ของเด็กอายุระหว่าง 6 และ 17 ปีกับ Aaes ในยุโรป ความสำคัญ Rhinovirus 'แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับตัวอย่างเช่นระยะเวลาการศึกษาและการออกแบบ, การกระจายอายุของผู้ที่ลงทะเบียนเรียนและฤดู ยกตัวอย่างเช่น rhinoviruses ซึ่งทำให้เกิดโรคหวัดที่พบมากที่สุดดูเหมือนจะเป็นปัจจัยหลักที่อยู่เบื้องหลัง 'กันยายนโรคหอบหืด' สูงสุดใน Aaes เมื่อเด็กกลับมาจากวันหยุดฤดูร้อน (Guibas, et al, 2012; Papadopoulos et al, 2011)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

องค์ประกอบที่สามารถกระตุ้น aaes เฉียบพลันแตกต่างกันในความสำคัญจากผู้ป่วยกับผู้ป่วย แต่รวมถึง : มลพิษทางอากาศโดยเฉพาะอย่างยิ่งไนโตรเจนไดออกไซด์ และอนุภาคขนาดเล็กที่ใช้งานและ passive smoking ( guibas et al , 2012 ; โดเฮอร์ตี้ และเฟฮี , 2009 ) ควันบุหรี่มือสองโดยตรงสามารถเพิ่มเติมอากาศภูมิแพ้หืดและ ' ผล มลพิษ รวมทั้งควันสามารถสร้างความเสียหายเยื่อบุผิว เพิ่มการดูดซึมสารก่อภูมิแพ้และ augmenting ของไวรัส ( ดูด้านล่าง ) ซ้ำ ( guibas et al , 2012 ) N allergens : ได้แก่ ไรฝุ่น เกสรดอกไม้ สัตว์ dander ( โดเฮอร์ตี้ และเฟฮี , 2009 ) N การออกกำลังกาย : ครู PE ควรเตือนนักเรียนที่มีโรคหอบหืดเรียกหรือ exacerbated โดยการออกกำลังกายจะใช้เวลาของพวกเขาสั้น ๆก่อนที่จะแสดงบร โชไดเลเตอร์บทเรียนและเพื่อให้อุ่นขึ้นและเย็นลง เจ้าหน้าที่ PE ควรเก็บ inhalers ที่มีอยู่ในกล่องที่ใกล้เคียงในโรงยิม สระว่ายน้ำ บน touchline และอื่น ๆ ( UK , หอบหืด 2006 ) N : หอบหืดอาจเสื่อมโทรม ฮอร์โมนในเพศหญิงบางรอบเวลาของการมีประจำเดือน ( โดเฮอร์ตี้ และเฟฮี , 2009 ) n ยา ได้แก่ แอสไพริน ไม่ใช่สเตียรอยด์ ( NSAIDs ) การใช้ยาและเบต้าบล็อกเกอร์ ( โดเฮอร์ตี้ และเฟฮี ,2009 ) n ' อาชีพ ' ทริกเกอร์ บางที่อาจจะเกี่ยวข้องในโรงเรียน เช่น แป้ง , การทำความสะอาดโลหะ เคมี และตัวแทนจากป่า ( โดเฮอร์ตี้ และเฟฮี , 2009 ) n ปัญหาทางจิตใจและความเครียด รวมทั้งสภาพทางเศรษฐกิจสังคม ความขัดแย้งระหว่างบุคคลและอารมณ์ทุกข์ ( โดเฮอร์ตี้ และเฟฮี , 2009 ; guibas et al , 2555 ) อย่างไรก็ตามทางเดินหายใจส่วนบนติดเชื้อไวรัสเป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของ AAE ในเด็กและผู้ใหญ่ แน่นอน การเปิดรับสารก่อภูมิแพ้การติดเชื้อไวรัสซี และสามารถทำ . ตัวอย่างเช่น การอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสสามารถเฉพาะการบิน จึงเพิ่มการตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้ ( โดเฮอร์ตี้ และเฟฮี 2009 ) การติดเชื้อไวรัสยังอาจเกิดความเสียหายบุผิวซึ่งอาจจะเพิ่มปริมาณสารก่อภูมิแพ้ที่ดูดซึม ในทางกลับกัน การอักเสบเกิดจากสารก่อภูมิแพ้สามารถสร้างความเสียหายเยื่อบุหลอดลม ซึ่งสามารถเพิ่มทางเดินหายใจและอาการที่เกิดจากการติดเชื้อ ( guibas et al , 2012 ) มีการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับไวรัสมากมาย aaes ( รูปที่ 1 ) อย่างไรก็ตามไรโนไวรัสซึ่งประกอบด้วยมากกว่า 100 ( ดูเหมือนจะเป็นเชื้อที่แยกได้จากเด็กที่พบมากที่สุดที่พบ aaes . แน่นอน , นักวิจัยแยกไรนอไวรัสจากระหว่าง 17 และร้อยละ 82 % ของเด็กอายุระหว่าง 6 และ 17 ปี กับ aaes ในยุโรป ไรโนไวรัส ' ความสำคัญแตกต่างกันไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ ตัวอย่างเช่น ระยะเวลาของการศึกษา และออกแบบ สัดส่วนอายุของผู้ลงทะเบียนเสร็จแล้วและฤดูกาล สำหรับอินสแตนซ์ ไรโนไวรัส ซึ่งเป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของโรคหวัด , ดูเหมือนจะเป็นปัจจัยหลักที่อยู่เบื้องหลัง ' หอบ ' เดือนกันยายนสูงสุดใน aaes เมื่อลูกกลับมาจากวันหยุดฤดูร้อน ( guibas et al , 2012 ; papadopoulos et al , 2011 ) .