Rice is the staple crop in Madagasc

Rice is the staple crop in Madagascar and there is a long tradition of rice cultivation. Per capita rice consumption is the highest in Africa and the rice supply was estimated to be 154 kg/per capita/year (paddy equivalent) in 2009 (FAO-STAT, 2014). Back in the 1970s, Madagascar exported rice but has since become a rice importer. In the central highlands of Madagascar, which have the country's highest population density,
the development of new lowland paddy fields is not possible. On the other hand, rainfed upland rice (UR) can be cultivated provided cold tolerant UR varieties are available. The region is characterized by a cold tropical highland climate with minimum temperatures that can fall below 10 °C and maximum temperatures that rarely reach over 30 °C (at 1650 m asl) between October and April during the rainy season corresponding to the upland rice cropping season. In the mid-1990s,
the first varieties suitable for cultivation at high altitudes (from 1250 to 1800 m asl.) were released by FOFIFA (Madagascar national center of applied research and rural development) and CIRAD (Centre de coopération Internationale en Recherche Agronomique pour le Développement) paving the way for rice cultivation on the hillsides where farmers previously grew corn, beans or cassava (Dzido et al., 2004). Since then, the cultivation of UR has expanded very rapidly in the region, mostly among resource poor farmers.
The most successful varieties from this early release were all obtained through pedigree breeding performed at 1500 m asl. on progeny of crosses between a local temperate japonica landrace (Latsika), cultivated in the lowlands, as cold-tolerance donor, and improved UR varieties developed for medium altitude areas. Unfortunately, the resistance to rice blast (disease caused by Magnaporthe oryzae) of these varieties, of narrow genetic base, was overcome within a few years ( Raboin et al., 2011).
The first blast outbreaks were observed in the 2002–2003 cropping season. New blast resistant varieties were needed and among the new material evaluated in participatory trials, a Nepalese variety Chhomrong Dhan (CD) was officially released in 2006 and rapidly adopted by farmers ( Raboin et al., 2013). While in Nepal CD is exclusively grown in irrigated lowlands and was introduced in Madagascar as a cold-tolerance donor ( Vales and Razafindrakoto, 1997), it proved to be well adapted to the rainfed upland cropping conditions of Madagascar's highlands where rainfall is not limiting during the cropping season.
CD is a pure line selected at Lumle Agricultural Research Center, Nepal, from a cold tolerant irrigated landrace originating from a high elevation (2000 m asl.) village called Chhomrong ( Sthapit et al., 1996). Interestingly, high pressure of both bacterial sheath brown rot caused by Pseudomonas fuscovaginae and blast to which the CD variety happens to be resistant, was also reported in Chhomrong village ( Sthapit et al., 1995).
Eighteen years after the release of the first set of UR varieties, upland rice fields have become a familiar part of the landscape of Madagascar's central highlands. However, the successful expansion of UR cropping now relies on the adoption and cultivation of one dominant variety (CD), raising concerns about the sustainability of upland rice cropping systems in this region if conditions (climate, blast populations, etc.) change. Genetic uniformity increases the vulnerability of crops to pathogens or abiotic stresses (Strange and Scott, 2005 and Frison et al., 2011). The purpose of this study was thus to (i) document the extent of UR cultivation in the central highlands of Madagascar (ii) document the share of CD among the UR varieties used by farmers and (iii) identify varietal adaptive traits to the low input conditions and to the climatic conditions that characterize the region's resource poor family farming. The study was based on the phenotypic dissection of the CD variety and comparison with other released or soon to be released varieties in low input trials over two cropping seasons.
Upland rice varieties for smallholder farming in the cold conditions in Madagascar's tropical highlands

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ข้าวเป็นพืชหลักในมาดากัสการ์ และมีประเพณีที่ยาวนานของการเพาะปลูกข้าว การบริโภคข้าวต่อหัวสูงสุดในแอฟริกา และอุปทานข้าวได้ประมาณ 154 กิโลกรัม/ ต่อเศรษฐกิจฟิลิปปินส์จึง/ปี (เทียบเท่าเปลือก) ในปี 2009 (FAO-สถิติ 2014) ในทศวรรษ 1970 มาดากัสการ์ส่งออกข้าว แต่เนื่องจากเป็น ผู้นำเข้าข้าว ในน้ำตกแคมของมาดากัสการ์ ซึ่งมีความหนาแน่นประชากรสูงที่สุดของประเทศการพัฒนาของทุ่งราบใหม่ไม่ได้ บนมืออื่น ๆ ข้าวค่อย rainfed (ยู) ได้ปลูก มีพันธุ์ยูทนกับเย็นมี ภูมิภาคมีลักษณะ โดยความเย็นราบสูงร้อนมีอุณหภูมิระหว่างต่ำสุดที่สามารถลดลงต่ำกว่าอุณหภูมิ 10 ° C และสูงสุดที่ไม่ค่อยเข้าถึงกว่า 30 ° C (ที่ 1650 m asl) ระหว่างเดือนตุลาคมและเมษายนระหว่างที่สอดคล้องกับข้าวค่อยปลูกพืชฤดูฝน ในในกลางทศวรรษที่ 1990สายพันธุ์แรกที่เหมาะสำหรับการเพาะปลูกที่ความสูง (จาก 1250 ไป 1800 m asl) ถูกปล่อยออกมา โดย CIRAD (ศูนย์เด coopération Internationale น้ำ Recherche Agronomique เทเลอ Développement) และ FOFIFA (มาดากัสการ์แห่งชาติศูนย์วิจัยประยุกต์และพัฒนาชนบท) ปูทางสำหรับการปลูกข้าวบนเนินเขาที่เกษตรกรเคยเติบโตข้าวโพด ถั่ว หรือมันสำปะหลัง (Dzido et al., 2004) ตั้งแต่นั้น เพาะปลูกยูได้ขยายอย่างรวดเร็วในภูมิภาค ส่วนใหญ่ในหมู่เกษตรกรยากจนทรัพยากรพันธุ์ประสบความสำเร็จมากที่สุดจากรุ่นนี้ก่อนที่ทั้งหมดได้รับผ่านสายเลือดพันธุ์ที่ 1500 m asl ในลูกหลานของตัดระหว่างแม่ japonica ซึ่งท้องถิ่น (Latsika), เป็นปลูกในสกอตแลนด์ตอนใต้ เป็นผู้บริจาคเผื่อเย็น และปรับปรุงพันธุ์ยูพัฒนาในพื้นที่ระดับความสูงปานกลาง อับ ต้านทานการข้าวระเบิด (โรคแห้งระดับต่าง ๆ Magnaporthe) พันธุ์เหล่านี้ ฐานพันธุกรรมแคบ ถูกเอาชนะภายในกี่ปี (Raboin et al., 2011)สุภัคระบาดระเบิดครั้งแรกในฤดูกาล 2002-2003 ครอบ พันธุ์ใหม่ทนระเบิดจำเป็น และระหว่างวัสดุใหม่ประเมินในการทดลองมีส่วนร่วม ความหลากหลายแห่งเนปาล Chhomrong Dhan (CD) เป็นทางออกในปี 2006 และอย่างรวดเร็วนำ โดยเกษตรกร (Raboin et al., 2013) ในขณะที่ในเนปาล CD เป็นเฉพาะปลูกใน ชลประทานสกอตแลนด์ตอนใต้ และถูกนำมาใช้ในมาดากัสการ์เป็นผู้บริจาคเผื่อเย็น (Vales และ Razafindrakoto, 1997), มันพิสูจน์ให้ดีปรับค่อย rainfed เงื่อนไขของไฮแลนด์ของมาดากัสการ์ซึ่งปริมาณน้ำฝนมีไม่จำกัดในครอบครอบตัดCD เป็นสายบริสุทธิ์เลือกที่ศูนย์วิจัยเกษตร Lumle เนปาล จากความเย็นทนกับยามแม่มาจากหมู่บ้านยกระดับสูง (2000 m asl.) เรียกว่า Chhomrong (Sthapit et al., 1996) เป็นเรื่องน่าสนใจ ความดันสูงของ rot น้ำตาล sheath แบคทีเรียทั้งสาเหตุ Pseudomonas fuscovaginae และระเบิดที่ต่าง ๆ ซีดีที่เกิดขึ้นจะทน ยังรายงานในหมู่บ้าน Chhomrong (Sthapit และ al., 1995)สิบแปดปีหลังจากปล่อยชุดแรกของยูพันธุ์ ข้าวค่อยได้กลายเป็น ส่วนหนึ่งคุ้นเคยของภูมิทัศน์ของไฮแลนด์เซ็นทรัลของมาดากัสการ์ อย่างไรก็ตาม การขยายตัวประสบความสำเร็จของยูครอบตอนนี้อาศัยการยอมรับและปลูกหลากหลายหนึ่งหลัก (CD), เพิ่มความกังวลเกี่ยวกับความยั่งยืนของข้าวค่อยปลูกพืชระบบนี้หากเปลี่ยนแปลงสภาพ (สภาพภูมิอากาศ ประชากรระเบิด ฯลฯ) ความรื่นรมย์ทางพันธุกรรมเพิ่มช่องโหว่ของพืชโรคหรือความเครียด abiotic (Strange และ สก็อต 2005 และ Frison et al., 2011) วัตถุประสงค์ของการศึกษานี้ได้ทำให้ (i) เอกสารขอบเขตการเพาะปลูกระยะเวลาที่กำหนดในไฮแลนด์เซ็นทรัลของมาดากัสการ์ (ii) เอกสารใช้ร่วมกันซีดีระหว่างพันธุ์ยูใช้ โดยเกษตรกร และ (iii) ระบุพันธุ์เหมาะสมลักษณะเงื่อนไขสำหรับการป้อนค่าต่ำสุด และเงื่อนไข climatic ที่ครอบครัวยากจนทรัพยากรของภาคเกษตร การศึกษาเป็นไปตามที่ชำแหละไทป์ CD ต่าง ๆ และเปรียบเทียบกันออก หรือเร็ว ๆ นี้ จะออกพันธุ์ในการทดลองป้อนข้อมูลต่ำซีซั่นครอบ 2พันธุ์ข้าวค่อยสำหรับเกษตรกรที่เลี้ยงในสภาพอากาศหนาวเย็นในไฮแลนด์เขตร้อนชื้นของมาดากัสการ์

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ข้าวเป็นพืชหลักในมาดากัสการ์และมีประเพณีอันยาวนานของการเพาะปลูกข้าว การบริโภคต่อหัวเป็นข้าวที่สูงที่สุดในทวีปแอฟริกาและอุปทานข้าวก็จะประมาณ 154 กก. / ต่อคน / ปี (เทียบเท่าข้าว) ในปี 2009 (FAO- สถิติ, 2014) ย้อนกลับไปในปี 1970 ที่ส่งออกข้าวมาดากัสการ์ แต่ได้กลายเป็นผู้นำเข้าข้าว ในที่ราบสูงตอนกลางของเกาะมาดากัสการ์ที่มีความหนาแน่นของประชากรสูงที่สุดของประเทศ,
การพัฒนาของนาข้าวที่ลุ่มใหม่เป็นไปไม่ได้ ในทางตรงกันข้าม, ข้าวไร่น้ำฝน (UR) สามารถปลูกให้พันธุ์ UR ใจกว้างเย็นที่มีอยู่ ภูมิภาคที่โดดเด่นด้วยสภาพภูมิอากาศเขตร้อนที่สูงเย็นที่มีอุณหภูมิต่ำสุดที่สามารถลดลงต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียสและอุณหภูมิสูงสุดที่ไม่ค่อยถึงกว่า 30 องศาเซลเซียส (ที่ 1,650 เมตร ASL) ระหว่างเดือนตุลาคมและเดือนเมษายนในช่วงฤดูฝนที่สอดคล้องกับการปลูกพืชข้าวไร่ ฤดู ในช่วงกลางทศวรรษที่ 1990
สายพันธุ์แรกที่เหมาะสมสำหรับการเพาะปลูกในที่สูง (1250-1800 เมตร ASL.) ได้รับการปล่อยตัวโดย FOFIFA (ศูนย์แห่งชาติมาดากัสการ์การวิจัยประยุกต์และการพัฒนาชนบท) และ CIRAD (ศูนย์Coopérationคอมมิวนิสต์ en วิจัย Agronomique เท le Développement) ปูทางสำหรับการเพาะปลูกข้าวบนเนินที่เกษตรกรก่อนหน้านี้เติบโตข้าวโพดถั่วหรือมันสำปะหลัง (Dzido et al., 2004) ตั้งแต่นั้นมาการเพาะปลูกของ UR มีการขยายตัวมากขึ้นอย่างรวดเร็วในภูมิภาคส่วนใหญ่ในหมู่ทรัพยากรเกษตรกรที่ยากจน.
พันธุ์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดจากการเปิดตัวในช่วงต้นนี้ทุกคนที่ได้รับผ่านการปรับปรุงพันธุ์สายเลือดดำเนินการที่ ASL 1500 เมตร ในลูกหลานของไม้กางเขนระหว่าง japonica สมควรท้องถิ่น landrace (Latsika) ปลูกในที่ราบลุ่มที่เป็นผู้บริจาคเย็นความอดทนและการปรับปรุงพันธุ์ UR พัฒนาสำหรับพื้นที่ระดับความสูงขนาดกลาง แต่น่าเสียดายที่ความต้านทานต่อการไหม้ของข้าว (โรคที่เกิดจาก Magnaporthe oryzae) พันธุ์เหล่านี้ของฐานทางพันธุกรรมแคบเอาชนะภายในเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา (Raboin et al., 2011).
การแพร่ระบาดของการระเบิดครั้งแรกที่ถูกตั้งข้อสังเกตในการปลูกพืช 2002-2003 ฤดู พันธุ์ต้านทานระเบิดใหม่เป็นสิ่งที่จำเป็นและในหมู่วัสดุใหม่ที่ได้รับการประเมินในการทดลองแบบมีส่วนร่วมที่หลากหลายเนปาล Chhomrong Dhan (CD) ที่ถูกปล่อยออกมาอย่างเป็นทางการในปี 2006 และนำมาใช้อย่างรวดเร็วโดยเกษตรกร (Raboin et al., 2013) ในขณะที่ในประเทศเนปาลซีดีปลูกเฉพาะในที่ราบลุ่มในเขตชลประทานและเป็นที่รู้จักในประเทศมาดากัสการ์เป็นผู้บริจาคเย็นความอดทน (หุบผาและ Razafindrakoto, 1997) ก็พิสูจน์ให้เห็นว่ามีการปรับตัวได้ดีกับสภาพการปลูกพืชไร่น้ำฝนของที่ราบสูงของมาดากัสการ์ที่ปริมาณน้ำฝนไม่ได้ จำกัด ในช่วง ฤดูการปลูกพืช.
ซีดีเป็นเส้นบริสุทธิ์เลือก Lumle ศูนย์วิจัยเกษตร, เนปาล, จาก landrace ชลประทานเย็นใจกว้างที่มาจากระดับความสูงที่สูง (2000 เมตร ASL.) หมู่บ้านที่เรียกว่า Chhomrong (Sthapit et al., 1996) ที่น่าสนใจ, ความดันสูงจากฝักแบคทีเรียทั้งสีน้ำตาลเน่าที่เกิดจากเชื้อ Pseudomonas fuscovaginae และระเบิดที่หลากหลายซีดีเกิดขึ้นจะทนได้รับการรายงานในหมู่บ้าน Chhomrong (Sthapit et al., 1995).
สิบแปดปีหลังจากการเปิดตัวของชุดแรก พันธุ์ UR นาข้าวไร่ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งที่คุ้นเคยของภูมิทัศน์ของมาดากัสการ์ที่ราบสูงตอนกลาง อย่างไรก็ตามการขยายตัวที่ประสบความสำเร็จของการปลูกพืช UR ตอนนี้ขึ้นอยู่กับการนำไปใช้และการเพาะปลูกของความหลากหลายที่โดดเด่นหนึ่ง (CD) ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความยั่งยืนของระบบการปลูกพืชข้าวไร่ในภูมิภาคนี้ถ้าเงื่อนไข (สภาพภูมิอากาศประชากรระเบิด ฯลฯ ) การเปลี่ยนแปลง ความเท่าเทียมทางพันธุกรรมเพิ่มช่องโหว่ของพืชเชื้อโรคหรือความเครียด abiotic (แปลกและสกอตต์ปี 2005 และ Frison et al., 2011) วัตถุประสงค์ของการศึกษานี้จึงจะ (i) เอกสารขอบเขตของการเพาะปลูก UR บนที่ราบสูงตอนกลางของเกาะมาดากัสการ์ (ii) เอกสารส่วนแบ่งของซีดีในหมู่พันธุ์ UR ใช้โดยเกษตรกรและ (iii) ระบุลักษณะการปรับตัวพันธุ์ที่จะป้อนข้อมูลต่ำ เงื่อนไขและสภาพภูมิอากาศที่เป็นลักษณะทรัพยากรของภูมิภาคเลี้ยงครอบครัวที่ยากจน การศึกษาได้อยู่บนพื้นฐานของการผ่าฟีโนไทป์ของความหลากหลายซีดีและการเปรียบเทียบกับคนอื่น ๆ เปิดตัวหรือเร็ว ๆ นี้จะได้รับการปล่อยตัวพันธุ์ในการทดลองป้อนข้อมูลต่ำกว่าสองฤดูกาลปลูกพืช.
ดอนพันธุ์ข้าวสำหรับรายย่อยเลี้ยงในสภาพอากาศหนาวเย็นในประเทศมาดากัสการ์ของที่ราบสูงเขตร้อน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ข้าวเป็นพืชหลักในมาดากัสการ์และมีประเพณีอันยาวนานของการปลูกข้าว การบริโภคข้าวต่อหัวสูงที่สุดในแอฟริกาและข้าวจัดหาประมาณจะ 154 กิโลกรัมต่อหัว / ปี ( ข้าวเปลือกเทียบเท่า ) ในปี 2009 ( fao-stat 2014 ) กลับใน 1970 , มาดากัสการ์ส่งออกข้าว แต่เนื่องจากเป็นข้าวที่นำเข้า . ในที่ราบสูงภาคกลางของมาดากัสการ์ซึ่งมีประชากรหนาแน่นมากที่สุดของประเทศ , การพัฒนาใหม่
ที่ลุ่มนาข้าวไม่ได้ บนมืออื่น ๆที่ปลูกข้าวไร่ ( UR ) สามารถปลูกให้เย็นใจกว้าง ur พันธุ์มีภาคกลางมีลักษณะเย็น ร้อน อุณหภูมิต่ำสุดที่สูงอากาศกับที่อยู่ด้านล่าง 10 ° C และอุณหภูมิสูงสุดที่ไม่ค่อยจะถึงกว่า 30 ° C ( 1 , 650 เมตร asl ) ระหว่างเดือนตุลาคมและเมษายนในช่วงฤดูฝนที่สอดคล้องกับฤดูการปลูกข้าวไร่ . ในกลางปี 1990 ,
1 สายพันธุ์ที่เหมาะกับการปลูกในที่สูง ( จาก 1250 ไป 1800 เมตร asl .) ได้รับการปล่อยตัวโดย fofifa ( มาดากัสการ์แห่งชาติ ศูนย์วิจัยและพัฒนาชนบทประยุกต์ ) และซีร้าด ( ศูนย์อาหารในเล้าและความเป็นสากลใน agronomique รินเลอ D é veloppement ) ปูทางสำหรับการปลูกข้าวบนเนินเขาที่เกษตรกรเคยปลูกข้าวโพด ถั่ว หรือมันสำปะหลัง ( dzido et al . , 2004 ) ตั้งแต่นั้นมา การเพาะปลูกของ ur มีการขยายตัวอย่างรวดเร็วในภูมิภาคส่วนใหญ่ของทรัพยากรของเกษตรกรที่ยากจน
พันธุ์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดจากรุ่นแรกนี้ทั้งหมดได้ผ่านการเพาะพันธุ์สายเลือด 1500 เมตร asl . ในรุ่นลูกผสมระหว่างพันธุ์พื้นเมืองกับการศึกษาท้องถิ่น ( latsika ) ที่ปลูกในพื้นที่ราบ เป็นผู้บริจาค ทนหนาว และการปรับปรุงพัฒนาพันธุ์ ur ขนาดกลาง ความสูงของพื้นที่ ขออภัยความต้านทานจะระเบิดข้าว ( โรคที่เกิดจาก magnaporthe oryzae ) ของพันธุ์เหล่านี้ของฐานพันธุกรรมที่แคบก็เอาชนะภายในไม่กี่ปี ( raboin et al . , 2011 ) .
ระบาดระเบิดครั้งแรกที่พบใน 2002 – 2003 ฤดูการปลูก . ข้าวพันธุ์ต้านทานระเบิดใหม่ ต้องการของวัสดุใหม่และใช้ในการทดลองแบบมีส่วนร่วมเป็นชาวเนปาล หลากหลาย ชมรงธัน ( CD ) ได้เปิดอย่างเป็นทางการในปี 2006 และอย่างรวดเร็วบุญธรรมของเกษตรกร ( raboin et al . , 2013 ) ในขณะที่แผ่นซีดีเนปาลเป็นเฉพาะปลูกในพื้นที่ราบ และชลประทานเป็นที่รู้จักในมาดากัสการ์เป็นเย็นความอดทน ( vales ผู้บริจาค และ razafindrakoto , 1997 )มันพิสูจน์แล้วว่าสามารถปรับตัวได้ดีกับการปลูกข้าวไร่ สภาพของมาดากัสการ์เป็นที่ราบสูงที่ฝนไม่จำกัดในช่วงฤดูการปลูก .
ซีดีบริสุทธิ์เส้นเลือกที่ศูนย์วิจัยเกษตร lumle เนปาล จากหวัดใจกว้างชลประทานแบ่งที่มาจากการยกระดับสูง ( 2000 เมตร asl ) หมู่บ้านเรียกว่าชมรง ( sthapit และ al . , 1996 ) น่าสนใจแรงดันสูงทั้งฝักสีน้ำตาลเน่าที่เกิดจากแบคทีเรีย Pseudomonas fuscovaginae และระเบิด ซึ่งซีดีที่หลากหลายเกิดขึ้นเพื่อป้องกัน ก็รายงานอยู่ชมรงหมู่บ้าน ( sthapit et al . , 1995 ) .
18 ปีหลังจากการเปิดตัวของชุดแรกของสายพันธุ์ ur ไร่ นาข้าวได้กลายเป็นส่วนหนึ่งที่คุ้นเคยของภูมิทัศน์ ของมาดากัสการ์เป็น Central Highlands อย่างไรก็ตาม