In a study utilizing different meth

In a study utilizing different methodology, COPD patients’
self-care behavior was found to be negatively influenced
by depression, previous alcohol dependence, low
self-efficacy, and less perceived influence over COPD
symptoms, whereas patients with a self-management plan
had better knowledge and self-care behavior.30 Self-care
behavior in this context is an aspect of the patient’s self management plan, described for our study as the skills
needed by patients to adhere to COPD treatment regimens
and to change their health behavior in order to manage
their symptoms and lead functional lives. Although we did
not specifically measure depression, history of alcohol dependence, or other psychopathology and its impact on patient self-care behavior and family caregiver caring behavior, we did arrive at a conclusion regarding the effect of self-efficacy. The results of this study make an important
contribution to the literature, but in a direction unanticipated by other researchers. In their review of the literature on caregivers of COPD patients, Caress et al stated that few research reports have been published on effective and appropriate training of family caregivers of COPD patients, and that knowledge of the needs of caregivers is critical so that they can have the information they need to maintain their own physical and emotional health.8 Although we agree that caregivers’ needs must be understood and met, our results appear to discourage intensive training and involvement of family member caregivers, placing the responsibility for disease management instead on COPD patients themselves and also on the nature of the patient/caregiver relationship. This tends to imply that the amount of caregiving needed, and therefore the related caregiver burden, may influence both the quality of life of caregivers and also the caregiver/patient relationship. Relative to this, Pinto et al in 2007 investigated the effects of COPD on caregivers’ quality of life using a cross-sectional study conducted with 42 COPD patients and their caregivers; they concluded that COPD in a family member has a significant impact on the quality of the caregivers’ lives and that the relationship between patients and their caregivers was an important predictor of the COPD burden.7 In our study, a negative correlation between the scale of family caregiver caring behavior and the scale of self-care behavior of COPD patients showed that increasing the self-care behavior of COPD patients may reduce the burden on family caregivers providing day-to-day care. We also demonstrated a positive effect on patients’ self-care
behavior scale scores in patients whose spouse was the
primary caregiver; patients whose spouse was caregiver
exhibited higher self-care ability than patients not married
to their caregivers. These findings may support the idea
that a closer, more defined patient/caregiver relationship
contributes to a reduced caregiver burden due to the patient’s more willing role in self-care management, in other words, greater cooperation. This may also suggest placing less emphasis on intensive caregiver training and more emphasis on encouraging positive patient/caregiver relationships.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ในการศึกษาใช้วิธีการแตกต่างกัน แอนเดอรส์ผู้ป่วย'พฤติกรรมสุขภาพพบส่งผลโดยพึ่งพาเหล้าก่อนหน้า ต่ำ ภาวะซึมเศร้าประสิทธิภาพตนเอง และไม่รับรู้มีอิทธิพลเหนือแอนเดอรส์อาการ ในขณะที่ผู้ป่วยที่ มีการจัดการตนเองการวางแผนมีความรู้ดีและ behavior.30 สุขภาพสุขภาพลักษณะการทำงานในบริบทนี้เป็นข้อมูลด้านต่าง ๆ ของผู้ป่วยจัดการตนเองวางแผน อธิบายว่า ทักษะการศึกษาของเราจำเป็น โดยผู้ป่วยต้องปฏิบัติตาม regimens รักษาแอนเดอรส์และ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสุขภาพของพวกเขาเพื่อจัดการอาการของพวกเขาและชีวิตการทำงานเป้าหมาย ถึงแม้ว่าเราไม่ได้ไม่เฉพาะวัดภาวะซึมเศร้า ประวัติของพึ่งพาเหล้า หรือ psychopathology อื่น ๆ และผลกระทบของพฤติกรรมสุขภาพผู้ป่วยและครอบครัวภูมิปัญญาการดูแลลักษณะการทำงาน เราไม่ได้มาสรุปเกี่ยวกับลักษณะพิเศษของประสิทธิภาพตนเอง ผลการศึกษานี้ให้ความสำคัญส่วนวรรณคดี แต่ ในทิศทางสภาวะ โดยนักวิจัยอื่น ๆ ในการทบทวนวรรณกรรมในเรื้อรังของผู้ป่วยแอนเดอรส์ ทา et al ระบุว่า งานวิจัยบางรายงานได้รับการเผยแพร่ฝึกอบรมมีประสิทธิภาพ และเหมาะสมของครอบครัวเรื้อรังของผู้ป่วยแอนเดอรส์ และความรู้ที่ของความต้องการของเรื้อรังเป็นสำคัญเพื่อให้พวกเขาสามารถมีข้อมูลที่จำเป็นต้องรักษา health.8 ร่างกาย และอารมณ์ของตนเองแม้ว่าเราเห็นว่า ความต้องการของเรื้อรังต้องเข้าใจ และตาม ผลของเราจะ กีดกันการฝึกอบรมที่เข้มข้นและมีส่วนร่วมของสมาชิกในครอบครัวเรื้อรัง วางความรับผิดชอบสำหรับการจัดการโรคแต่ ในผู้ป่วยแอนเดอรส์เอง และ ในลักษณะของความสัมพันธ์ของผู้ป่วย/ภูมิปัญญา นี้มีแนวโน้มพูดเป็นนัยว่า ต้องการจำนวน caregiving และภูมิปัญญาที่เกี่ยวข้องภาระ อาจมีผลดังนั้น ทั้งคุณภาพชีวิตของเรื้อรัง และความสัมพันธ์ของภูมิปัญญา/ผู้ป่วย ญาตินี้ Pinto et al ในปี 2007 ตรวจสอบผลของแอนเดอรส์เรื้อรังของคุณภาพชีวิตโดยใช้การดำเนินการกับผู้ป่วยแอนเดอรส์ 42 และเรื้อรังของพวกเขา ศึกษาเหลว พวกเขาสรุปว่า แอนเดอรส์ในสมาชิกในครอบครัวมีผลกระทบสำคัญต่อคุณภาพของชีวิตเรื้อรัง และว่า ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ป่วยเรื้อรังของพวกเขาคือ จำนวนประตูที่สำคัญของ burden.7 แอนเดอรส์ในเรา ลบความสัมพันธ์ระหว่างขนาดของครอบครัวภูมิปัญญามุ่งพฤติกรรมและระดับพฤติกรรมสุขภาพของผู้ป่วยแอนเดอรส์ที่แสดงให้เห็นว่า เพิ่มพฤติกรรมสุขภาพของผู้ป่วยแอนเดอรส์อาจลดภาระเรื้อรังครอบครัวให้ดูแลประจำวัน เรายังแสดงให้เห็นว่าเป็นผลดีต่อสุขภาพของผู้ป่วยคะแนนระดับพฤติกรรมในผู้ป่วยที่มีคู่สมรสที่มีการหลักภูมิปัญญา ผู้ป่วยที่มีคู่สมรสเป็นภูมิปัญญาจัดแสดงความสามารถสุขภาพสูงกว่าผู้ป่วยที่ยังไม่แต่งงานการเรื้อรังของพวกเขา ผลการวิจัยเหล่านี้อาจสนับสนุนความคิดว่า ใกล้ มีกำหนดความสัมพันธ์ของผู้ป่วย/ภูมิปัญญารวมภาระภูมิปัญญาลดลงเนื่องจากของผู้ป่วยเพิ่มเติมเต็มบทบาทในการจัดการสุขภาพ ในคำอื่น ๆ ความร่วมมือมากขึ้น นี้ยังอาจแนะนำในภูมิปัญญาแบบเร่งรัดการฝึกอบรมและเน้นความสัมพันธ์ของภูมิปัญญาบวกผู้ป่วยให้กำลังใจมากขึ้น

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในการศึกษาการใช้วิธีการที่แตกต่างกันของผู้ป่วยปอดอุดกั้นเรื้อรัง '
พฤติกรรมการดูแลตนเองก็พบว่าได้รับผลกระทบในเชิงลบ
จากภาวะซึมเศร้าติดสุราก่อนหน้านี้ต่ำ
ประสิทธิภาพของตนเองและมีอิทธิพลต่อการรับรู้น้อยกว่าปอดอุดกั้นเรื้อรัง
อาการในขณะที่ผู้ป่วยที่มีการวางแผนการจัดการตัวเอง
ได้ดีกว่า ความรู้และการดูแลตนเอง behavior.30 การดูแลตนเอง
พฤติกรรมในบริบทนี้คือแง่มุมของการวางแผนการจัดการตนเองของผู้ป่วยที่อธิบายไว้ในการศึกษาของเราเป็นทักษะที่
จำเป็นโดยผู้ป่วยที่จะยึดมั่นในการรักษาปอดอุดกั้นเรื้อรัง
และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสุขภาพของพวกเขาในการที่จะ การจัดการ
อาการของพวกเขาและนำไปสู่ชีวิตการทำงาน ถึงแม้ว่าเราจะไม่
ได้โดยเฉพาะวัดภาวะซึมเศร้าประวัติศาสตร์ของการพึ่งพาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือพยาธิวิทยาอื่น ๆ และผลกระทบต่อพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยและผู้ดูแลพฤติกรรมการดูแลครอบครัวเราไม่มาถึงข้อสรุปเกี่ยวกับผลกระทบของการรับรู้ความสามารถของตนเอง ผลการศึกษานี้ให้ความสำคัญ
ผลงานวรรณกรรม แต่ในทิศทางที่ไม่คาดคิดโดยนักวิจัยอื่น ๆ ในการตรวจสอบของพวกเขาจากหนังสือที่เกี่ยวกับผู้ดูแลผู้ป่วยของผู้ป่วยปอดอุดกั้นเรื้อรัง, ความรัก, et al กล่าวว่ารายงานการวิจัยน้อยมากที่ได้รับการตีพิมพ์ในการฝึกอบรมที่มีประสิทธิภาพและความเหมาะสมของผู้ดูแลในครอบครัวของผู้ป่วยปอดอุดกั้นเรื้อรังและความรู้ของความต้องการของผู้ดูแลผู้ป่วยที่มีความสำคัญเพื่อให้พวกเขาสามารถมี ข้อมูลที่พวกเขาจำเป็นต้องรักษา health.8 ทางร่างกายและอารมณ์ของตัวเองถึงแม้ว่าเราจะเห็นว่าผู้ดูแลผู้ป่วยความต้องการที่จะต้องเข้าใจและได้พบกับผลลัพธ์ที่ปรากฏของเราที่จะกีดกันการฝึกอบรมอย่างเข้มข้นและการมีส่วนร่วมของผู้ดูแลสมาชิกในครอบครัว, การวางความรับผิดชอบในการจัดการโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังแทน ผู้ป่วยที่ตัวเองและยังอยู่กับลักษณะของผู้ป่วย / ผู้ดูแลความสัมพันธ์ นี้มีแนวโน้มที่จะบ่งบอกว่าปริมาณของการดูแลที่จำเป็นและดังนั้นจึงเป็นภาระของผู้ดูแลที่เกี่ยวข้องอาจมีผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้ดูแลและผู้ดูแล / ความสัมพันธ์ของผู้ป่วย เทียบกับนี้ปินโตและอัลในปี 2007 การตรวจสอบผลกระทบของปอดอุดกั้นเรื้อรังในผู้ดูแลผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตของการใช้การศึกษาแบบตัดขวางดำเนินการกับ 42 ผู้ป่วยปอดอุดกั้นเรื้อรังและผู้ดูแลผู้ป่วยของพวกเขา; พวกเขาได้ข้อสรุปว่าปอดอุดกั้นเรื้อรังในสมาชิกในครอบครัวที่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อคุณภาพชีวิตของผู้ดูแลและความสัมพันธ์ระหว่างผู้ป่วยและผู้ดูแลผู้ป่วยของพวกเขาคือการทำนายที่สำคัญของ burden.7 ปอดอุดกั้นเรื้อรังในการศึกษาของเรามีความสัมพันธ์เชิงลบระหว่างขนาดของ ผู้ดูแลพฤติกรรมการดูแลครอบครัวและขนาดของพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยปอดอุดกั้นเรื้อรังที่เพิ่มขึ้นแสดงให้เห็นว่าพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยปอดอุดกั้นเรื้อรังอาจลดภาระให้กับผู้ดูแลในครอบครัวให้การดูแลแบบวันต่อวัน นอกจากนี้เรายังแสดงให้เห็นถึงผลดีต่อผู้ป่วยดูแลตนเอง
ได้คะแนนระดับพฤติกรรมในผู้ป่วยที่มีคู่สมรสเป็น
ผู้ดูแลหลัก; ผู้ป่วยที่มีคู่สมรสของผู้ดูแลได้รับการ
จัดแสดงความสามารถในการดูแลตนเองสูงกว่าผู้ป่วยที่ไม่ได้แต่งงาน
ในการดูแลผู้ป่วยของพวกเขา การค้นพบนี้อาจสนับสนุนความคิด
ที่ใกล้ชิดและชัดเจนยิ่งขึ้นของผู้ป่วย / ผู้ดูแลความสัมพันธ์
ก่อให้เกิดภาระในการดูแลลดลงเนื่องจากผู้ป่วยบทบาทยินดีที่มากขึ้นในการจัดการดูแลตนเองในคำอื่น ๆ ที่ให้ความร่วมมือมากขึ้น นอกจากนี้ยังอาจแนะนำการวางความสำคัญน้อยลงในการฝึกอบรมผู้ดูแลอย่างเข้มข้นและให้ความสำคัญกับการส่งเสริมให้ผู้ป่วยที่เป็นบวก / ผู้ดูแลความสัมพันธ์

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

You also produce to sell the kaleidoscope meter?You also produce to sell the kaleidoscope meter?You also produce to sell the kaleidoscope meter?You also produce to sell the kaleidoscope meter?You also produce to sell the kaleidoscope meter?You also produce to sell the kaleidoscope meter?You also produce to sell the kaleidoscope meter?You also produce to sell the kaleidoscope meter?You also produce to sell the kaleidoscope meter?You also produce to sell the kaleidoscope meter?