บทนำ :
เมื่อกล่าวถึงความงามทางคณิตศาสตร์สามารถจำแนกได้เป็น 2 ลักษณะ คือ ความ
งามที่เป็นนามธรรม และความงามที่เป็นรูปธรรม ความงามทางคณิตศาสตร์ที่เป็นนามธรรม
คือ ความงามที่เกิดจากแบบรูป (Pattern) ทางคณิตศาสตร์ ทั้งในรูปของจำนวนหรือตัวเลข
ตลอดจนความงามที่เกิดจากความสุข ความภูมิใจจากการพิสูจน์ทฤษฎีบทต่าง ๆ หรือการ
แก้ปัญหาคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อนซึ่งนักคณิตศาสตร์หรือผู้สนใจกับการศึกษาคณิตศาสตร์
มักจะเข้าใจความงามลักษณะนี้ อย่างไรก็ตามความงามในลักษณะดังกล่าวกลับเป็นสิ่ง
ที่บุคคลทั่ว ๆ ไปเข้าถึงได้ยากจนคิดว่าคณิตศาสตร์เป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจ สำหรับความ
งามที่เป็นรูปธรรมในลักษณะที่สอง คือ เป็นความงามที่เกิดจากการนำความรู้ทาง
คณิตศาสตร์มาผสมผสานเข้ากับงานศิลปะที่เรียกว่า “คณิตศิลป์” งานเทสเซลเลชัน
(Tessellation) จัดเป็นงานคณิตศิลป์ลักษณะหนึ่งซึ่งเกิดจากการนำรูปทั้งที่เป็นรูปเรขาคณิต
และรูปทั่วไปมาเรียงต่อกันโดยมีเงื่อนไขว่า รูปที่นำมาเรียงเหล่านั้นจะต้องไม่มีช่องว่าง
ระหว่างชิ้นส่วนหรือการคาบเกี่ยวทับซ้อนกัน อย่างไรก็ตามแม้ว่าเทสเซลเลชันดูจะเป็น
เรื่องที่ไม่ค่อยคุ้นนักสำหรับครูผู้สอนคณิตศาสตร์หรือผู้เรียนตลอดจนมักเข้าใจว่า
เทสเซลเลชันเป็นเรื่องใหม่สำหรับการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
แต่ในความจริงแล้วเทสเซลเลชันเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจทั้งจากนักคณิตศาสตร์และ
ศิลปินมาเป็นเวลานานและในหลายประเทศได้กำหนดให้นักเรียนต้องเรียนรู้และทำโครงงาน
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้เขียนเห็นว่าความรู้เกี่ยวกับเทสเซลเลชันน่าจะเป็นประโยชน์อย่างมากทั้ง
สำหรับครูผู้สอนคณิตศาสตร์และผู้เรียน จึงขอหยิบยกเรื่องดังกล่าวมานำเสนอเพื่อให้ผู้อ่าน
ได้เข้าใจมโนทัศน์ของเทสเซลเลชัน ประวัติความเป็นมา ชนิดและประเภทของเทสเซลเลชัน
ตลอดจนวิธีการสร้างงานเทสเซลเลชัน และเพื่อให้เนื้อหาในเอกสารนี้สามารถเข้าถึงได้กับ
กลุ่มผู้อ่านทุกระดับ ผู้เขียนจึงขอใช้ภาษาที่ไม่เป็นทางการหรือเป็นภาษาคณิตศาสตร์
มากนัก