Brunei officially the Nation of Bru

Brunei officially the Nation of Brunei, the Abode of Peace is a sovereign state located on the north coast of the island of Borneo in Southeast Asia. Apart from its coastline with the South China Sea, it is completely surrounded by the state of Sarawak, Malaysia; and it is separated into two parts by the Sarawak district of Limbang. It is the only sovereign state completely on the island of Borneo; the remainder of the island's territory is divided between the nations of Malaysia and Indonesia. Brunei's population was 408,786 in July 2012.

At the peak of Bruneian Empire, Sultan Bolkiah is alleged to have had control over most regions of Borneo, including modern-day Sarawak and Sabah, as well as the Sulu archipelago off the northeast tip of Borneo, Seludong (modern-day Manila), and the islands off the northwest tip of Borneo. The maritime state was visited by Spain's Magellan Expedition in 1521 and fought against Spain in 1578's Castille War.

During the 19th century the Bruneian Empire began to decline. The Sultanate ceded Sarawak to James Brooke and installed him as the White Rajah, and it ceded Sabah to the British North Borneo Chartered Company. In 1888, Brunei became a British protectorate and was assigned a British resident as colonial manager in 1906. After the Japanese occupation during World War II, in 1959 a new constitution was written. In 1962, a small armed rebellion against the monarchy was ended with the help of the British.[11]

Brunei gained its independence from the United Kingdom on 1 January 1984. Economic growth during the 1990s and 2000s, averaging 56% from 1999 to 2008, transformed Brunei into an industrialised country. It has developed wealth from extensive petroleum and natural gas fields. Brunei has the second-highest Human Development Index among the South East Asia nations, after Singapore, and is classified as a "developed country".[12] According to the International Monetary Fund (IMF), Brunei is ranked fifth in the world by gross domestic product per capita at purchasing power parity. The IMF estimated, in 2011, that Brunei was one of two countries (the other being Libya) with a public debt at 0% of the national GDP. Forbes also ranks Brunei as the fifth-richest nation out of 182, based on its petroleum and natural gas fields.[13]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

บรูไนอย่างเป็นทางการประเทศของบรูไน การพักอยู่ของความเป็นรัฐอธิปไตยที่ตั้งอยู่บนฝั่งเหนือของเกาะบอร์เนียวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากชายฝั่งทะเลจีนใต้ มันเป็นสมบูรณ์ล้อมรอบ ด้วยรัฐซาราวัค มาเลเซีย และจะแบ่งออกเป็นสองส่วนโดยเขตซาราวัคของลิมบัง เป็นรัฐอธิปไตยเท่านั้นทั้งหมดบนเกาะบอร์เนียว ส่วนเหลือของดินแดนจะถูกแบ่งระหว่างประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซีย ประชากรของบรูไน 408,786 ในเดือน 2555 กรกฎาคมที่สูงสุดของจักรวรรดิบรูไน สุลต่านอัสเจมก็ถูกกล่าวหาให้มีการควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของเกาะบอร์เนียว รวมสมัยซาราวัค และซาบาห์ ตลอดจนหมู่เกาะซูลูปิดปลายตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะบอร์เนียว Seludong (สมัยมะนิลา), และเกาะปิดตอนตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะบอร์เนียว รัฐทางทะเลเยี่ยม โดยสเปนมาเจลลันเดินทางชม 1521 และสู้รบกับสเปนในสงครามทิลของ 1578ในช่วงศตวรรษ 19 จักรวรรดิบรูไนเริ่มเสื่อมลง สุลต่านรับประกันภัย Sarawak James บรูค และติดตั้งเขาเป็นราจาห์ขาว และจะรับประกันภัยซาบาห์บริติชนอร์ทบอร์เนียวดชาร์ บริษัท ใน 1888 บรูไนกลายเป็น รัฐในอารักขาบริติช และถูกกำหนดให้มีอังกฤษเป็นผู้จัดการโคโลเนียลใน 1906 หลังจากญี่ปุ่นยึดครองในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง 1959 ใน รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ถูกเขียน ในปี 1962 เป็นกบฏติดอาวุธขนาดเล็กกับพระมหากษัตริย์สิ้นสุด ด้วยความช่วยเหลือของอังกฤษ[11]บรูไนได้รับเอกราชจากสหราชอาณาจักรบน 1 1984 มกราคม เติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงปี 1990 และ 2000s การหาค่าเฉลี่ย 56% จากปี 1999 ถึง 2551 เปลี่ยนบรูไนเป็นประเทศที่ industrialised มันได้พัฒนาให้เลือกมากมายจากหลากหลายสาขาปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติ บรูไนมีที่สองสูงสุดดัชนีการพัฒนามนุษย์ในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังจากสิงคโปร์ และถูกจัดประเภทเป็น "ประเทศพัฒนาแล้ว"[12] ตามการนานาชาติเงินกองทุน (IMF), บรูไนเป็นอันดับห้าของโลก โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศต่อ capita ที่เท่าเทียมกันของอำนาจซื้อ IMF ประมาณ 2554 ที่บรูไนเป็นหนึ่งในสองประเทศ (อื่น ๆ ลิเบีย) มีหนี้สาธารณะที่ 0% ของ GDP ประเทศ Forbes จัดอันดับบรูไนยังประเทศห้าสมบูรณ์แบบมากจาก 182 ตามฟิลด์ของปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติ[13]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

บรูไนอย่างเป็นทางการประเทศชาติของบรูไนพำนักแห่งสันติภาพเป็นรัฐอธิปไตยที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งทางเหนือของเกาะบอร์เนียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกเหนือจากชายฝั่งทะเลกับทะเลจีนใต้ก็จะถูกล้อมรอบไปด้วยรัฐซาราวักมาเลเซีย และมันจะแยกออกเป็นสองส่วนโดยอำเภอรัฐซาราวักของ Limbang มันเป็นรัฐอธิปไตยเท่านั้นสมบูรณ์บนเกาะบอร์เนียว; ที่เหลือของดินแดนของเกาะถูกแบ่งออกระหว่างประเทศของมาเลเซียและอินโดนีเซีย ประชากรบรูไนเป็น 408,786 ในเดือนกรกฎาคม 2012. ที่จุดสูงสุดของบรูไนเอ็มไพร์สุลต่าน Bolkiah ถูกกล่าวหาว่ามีการควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของเกาะบอร์เนียวรวมทั้งรัฐซาราวักวันที่ทันสมัยและซาบาห์เช่นเดียวกับซูลูเกาะปิดปลายตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะบอร์เนียว Seludong (มะนิลาวันที่ทันสมัย) และหมู่เกาะปิดปลายตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะบอร์เนียว รัฐทางทะเลแวะมาสเปน Magellan เดินทางใน 1521 และต่อสู้กับสเปนใน 1578 ของ Castille สงคราม. ในช่วงศตวรรษที่ 19 จักรวรรดิบรูไนเริ่มลดลง สุลต่านรัฐซาราวักจะยกให้บรูคเจมส์และติดตั้งให้เขาเป็นสีขาวราชาและมันยกให้ซาบาห์อังกฤษบอร์เนียวเหนือ บริษัท ชาร์เตอร์ด ในปี 1888, บรูไนกลายเป็นรัฐในอารักขาของอังกฤษและได้รับมอบหมายให้เป็นถิ่นที่อยู่ของอังกฤษในฐานะผู้จัดการอาณานิคมในปี 1906 หลังจากการยึดครองของญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองในปี 1959 รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ถูกเขียนขึ้น ในปี ค.ศ. 1962, กบฏติดอาวุธขนาดเล็กกับสถาบันพระมหากษัตริย์ก็จบลงด้วยความช่วยเหลือของอังกฤษ. [11] บรูไนได้รับเอกราชจากสหราชอาณาจักรวันที่ 1 มกราคม 1984 การเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงปี 1990 และ 2000 เฉลี่ย 56% 1999-2008 เปลี่ยนบรูไนเป็นประเทศอุตสาหกรรม มีการพัฒนาความมั่งคั่งจากปิโตรเลียมกว้างขวางและก๊าซธรรมชาติ บรูไนมีสูงเป็นอันดับสองดัชนีการพัฒนามนุษย์ในหมู่ประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หลังจากที่สิงคโปร์และจัดเป็น "ประเทศพัฒนาแล้ว". [12] ตามที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF), บรูไนเป็นอันดับที่ห้าในโลกโดย ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศต่อหัวที่กำลังซื้อภาค กองทุนการเงินระหว่างประเทศประมาณในปี 2011 ที่ประเทศบรูไนเป็นหนึ่งในสองประเทศ (อีกคนลิเบีย) กับหนี้สาธารณะที่ 0% ของ GDP ของประเทศ Forbes ยังจัดอันดับบรูไนเป็นประเทศที่ร่ำรวยที่สุดห้าจาก 182 ขึ้นอยู่กับน้ำมันปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติของมัน. [13]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

บรูไนเป็นประเทศของบรูไน เวสน์สันติเป็นรัฐอธิปไตย ตั้งอยู่บนชายฝั่งทางตอนเหนือของเกาะบอร์เนียวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ห่างจากชายฝั่งของทะเลจีนใต้ มันถูกล้อมรอบด้วย รัฐซาราวัค ประเทศมาเลเซีย และได้แยกออกเป็นสองส่วน โดยคนในเขต Limbang .มันเป็นเพียงสถานะอธิปไตยอย่างสมบูรณ์บนเกาะของบอร์เนียว ; ส่วนที่เหลือของเกาะดินแดนถูกแบ่งระหว่างประเทศของมาเลเซียและอินโดนีเซีย ประชากรบรูไนเป็น 408786 ในเดือนกรกฎาคม 2012 .

ที่จุดสูงสุดของอาณาจักรสุลต่านบรูไน Bolkiah , ถูกกล่าวหาว่ามีการควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของเกาะบอร์เนียว รวมถึงปัจจุบัน และซาบาห์ซาราวัก ,รวมทั้งหมู่เกาะซูลูปิดปลายภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะบอร์เนียว seludong ( สมัยมะนิลา ) และเกาะปิดปลายตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะบอร์เนียว รัฐทางทะเลมาเยือนสเปนของ Magellan สำรวจใน 1521 และต่อสู้กับสเปนใน 1578 ของแคสสิลี่สงคราม

ระหว่างศตวรรษที่ 19 จักรวรรดิบรูไนเริ่มลดลงสุลต่านซาราวัก เจมส์ บรูค และติดตั้งยกให้เขาเป็นราชาสีขาว และยกให้ซาบาห์ในเกาะบอร์เนียวเหนืออังกฤษเช่าบริษัท ใน 1888 บรูไนเป็นรัฐในอารักขาของอังกฤษ และถูกมอบหมายให้อังกฤษเป็นผู้จัดการประจำอาณานิคม 1906 หลังจากญี่ปุ่นยึดครองในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ในปี 1959 รัฐธรรมนูญใหม่ถูกเขียนไว้ 1962ขนาดเล็กอาวุธต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ก็จบลงด้วยความช่วยเหลือของอังกฤษ [ 11 ]

บรูไนได้รับเอกราชจากสหราชอาณาจักรเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2527 การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงปี 1990 และ 2000 , เฉลี่ย 56 % จากปี 2551 เปลี่ยนบรูไนเป็นประเทศอุตสาหกรรม ประเทศ มันได้พัฒนาความมั่งคั่งด้านปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติอย่างละเอียดบรูไนมีสูงสุดที่สองดัชนีการพัฒนามนุษย์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประชาชาติ จากสิงคโปร์ และจัดเป็น " ชาติพัฒนา " [ 12 ] ตามที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ ( ไอเอ็มเอฟ ) , บรูไน คือ อยู่ในอันดับที่ 5 ของโลก โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศต่อหัวในอยากให้เรื่องนี้ไม่มีโชคร้าย . กองทุนการเงินระหว่างประเทศคาดว่าในปี 2554ที่บรูไน เป็นหนึ่งในสองประเทศ ( อื่น ๆถูกลิเบีย ) กับหนี้สาธารณะที่ 0 % ของจีดีพีประเทศ ฟอร์บยังจัดอันดับบรูไนเป็นประเทศที่ร่ำรวยที่สุดที่ 5 จาก 182 , ขึ้นอยู่กับเขตข้อมูลน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของ . [ 13 ]