This research paper deals with the

This research paper deals with the synthesis of a heterogeneous catalyst (KBr/CaO) from commercial calcium
oxide and potassium bromide by wet impregnation method. This solid catalyst was tested for
transesterification of waste cooking oil (WCO). The synthesized catalyst was characterized by Fourier
Transform Infrared spectrometry (FTIR), X-ray Diffraction (XRD) and Scanning Electron Microscopy
(SEM) techniques. Transesterification reaction parameters were varied to obtain the maximum yield of
biodiesel. Response Surface Methodology (RSM) using Central Composite Design (CCD) was employed
to study the effect of the process variables like methanol to oil ratio, catalyst loading and reaction time.
The optimum conditions obtained using regression models were found to be 12:1 methanol: oil ratio,
3 wt% catalyst loading and 1.8 h reaction time. The composition of FAME was determined using Gas Chromatography–
Mass Spectrometry (GC–MS). The performance and emission characteristics for various
blends of biodiesel (B10, B20, B50 and B100) were investigated in a four stroke direct injection diesel
engine. The results indicated that the brake thermal efficiency, particulate matter, unburned hydrocarbons,
carbon monoxide emissions reduced with increased concentration of biodiesel in the fuel blends,
whereas the specific fuel consumption, NOx emissions and exhaust gas temperature increased.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ข้อเสนองานวิจัยที่มีการสังเคราะห์ตัวเร่งปฏิกิริยาที่ต่างกัน (KBr / CaO)
จากการค้าแคลเซียมออกไซด์และโพแทสเซียมโบรไมด์ด้วยวิธีการทำให้เปียก ตัวเร่งปฏิกิริยาของแข็งนี้ได้รับการทดสอบสำหรับ
transesterification ของน้ำมันปรุงอาหารขยะ (WCO) ตัวเร่งปฏิกิริยาการสังเคราะห์ก็มีลักษณะฟูริเยร์แปลง spectrometry อินฟราเรด (FTIR) การเลี้ยวเบนรังสีเอ็กซ์ (XRD) และกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน (SEM) เทคนิค พารามิเตอร์ transesterification ปฏิกิริยาถูกที่แตกต่างกันเพื่อให้ได้ผลตอบแทนสูงสุดของไบโอดีเซล การตอบสนองต่อวิธีการพื้นผิว (RSM) โดยใช้กลางออกแบบคอมโพสิต (CCD) ถูกจ้างมาเพื่อศึกษาผลของตัวแปรกระบวนการเช่นเมทานอลต่อน้ำมันโหลดตัวเร่งปฏิกิริยาและเวลาปฏิกิริยา. สภาวะที่เหมาะสมได้โดยใช้แบบจำลองการถดถอยพบว่ามี 12: 1 เมทานอล อัตราส่วนน้ำมัน3% โดยน้ำหนักโหลดตัวเร่งปฏิกิริยาและ 1.8 ชั่วโมงเวลาปฏิกิริยา องค์ประกอบของ FAME ที่ได้รับการพิจารณาโดยใช้ก๊าซ Chromatography- มวลสาร (GC-MS) ผลการดำเนินงานและลักษณะการปล่อยก๊าซต่างๆสำหรับการผสมไบโอดีเซล (B10, B20, B50 และ B100) ได้รับการตรวจสอบในสี่จังหวะฉีดตรงดีเซลเครื่องยนต์ ผลการวิจัยพบว่าประสิทธิภาพเบรกความร้อนอนุภาคไฮโดรคาร์บอนเผาไหม้, การปล่อยก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์ลดลงมีความเข้มข้นที่เพิ่มขึ้นของไบโอดีเซลในการผสมน้ำมันเชื้อเพลิงในขณะที่การบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉพาะการปล่อยก๊าซ NOx และอุณหภูมิไอเสียเพิ่มขึ้น

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

งานวิจัยนี้เกี่ยวข้องกับการสังเคราะห์ตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธุ์ ( KBR / โจโฉ ) จากแคลเซียมออกไซด์
พาณิชย์และโพแทสเซียมโบรไมด์โดยวิธีจุ่มชุ่มเปียก ตัวเร่งปฏิกิริยาของแข็งนี้ถูกทดสอบ
กระบวนการทรานส์เอสเทอริฟิเคชั่นของกากน้ำมันปรุงอาหาร ( คือ ) ตัวเร่งปฏิกิริยามีลักษณะการแปลงฟูเรียร์
วิธีอินฟราเรด ( FTIR ) , การเลี้ยวเบนของรังสีเอ็กซ์และสแกน
อิเลคตรอนแบบส่องกราด( SEM ) เทคนิค ปฏิกิริยาที่แตกต่างกันพารามิเตอร์กระบวนการทรานส์เอสเทอริฟิเคชั่นเพื่อให้ได้ผลผลิตสูงสุดของ
ไบโอดีเซล วิธีการพื้นผิวตอบสนอง ( RSM ) โดยใช้การออกแบบคอมโพสิตกลาง ( CCD ) ใช้
เพื่อศึกษาผลของตัวแปรกระบวนการเช่นเมทานอลต่อน้ำมัน , โหลดตัวเร่งปฏิกิริยา
สภาวะที่เหมาะสมได้ โดยใช้แบบจำลองความถดถอย พบว่ามี 12 : 1 ส่วน :อัตราส่วนน้ำมัน ,
3 เปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนักตัวเร่งปฏิกิริยาโหลดและ 1.8 เวลาปฏิกิริยา H . องค์ประกอบของชื่อเสียงถูกกำหนดโดยใช้แก๊สโครมาโทกราฟีแมสสเปกโตรเมทรี ( GC )
( MS ) สมรรถนะและคุณลักษณะการผสมต่าง ๆสำหรับ
ไบโอดีเซล ( B10 เกิดพลังงาน , และ , b50 ) ได้ถูกศึกษาใน 4 จังหวะฉีดตรงเครื่องยนต์ดีเซล
เครื่องยนต์ ผลการศึกษาพบว่าเบรคประสิทธิภาพเชิงความร้อน ฝุ่นละออง ก็ตามสารไฮโดรคาร์บอนที่เผาไหม้ , การปล่อยก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ลดลง
กับความเข้มข้นที่เพิ่มขึ้นของไบโอดีเซลในเชื้อเพลิงผสม ,
ส่วนการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงที่เฉพาะเจาะจงและ บริษัท ก๊าซไอเสียอุณหภูมิก๊าซเพิ่มขึ้น