In this study, determination of cre

In this study, determination of creatinine is based on an enzymatic method. Therefore, the pH of an assay reaction influences enzymatic activity and the colour intensity development. In our enz-PAD platform, urine samples represent a relatively large volume compared with the reagent that was impregnated on the paper. Therefore, each urine sample should be adjusted to the same optimised pH before the assay is performed. The average pH of healthy urine samples ranges from 6.5 to 8.0. In the experiment, a variety of buffers with pH ranging from 6.5 to 9.0 was used to dilute the samples and to determine the optimal pH. The results demonstrated in Fig. 3 show that the colour intensity increased when pH of the sample increased. However, a pH of samples higher than 7.5 did not influence the enzyme activity, such as for the use of potassium phosphate buffer, and therefore, a colour intensity plateau was observed. Clearly, if the pH of the sample was higher than 7.8, the colour intensity was dramatically decreased. Therefore, in this study, a 100 mM potassium phosphate buffer with a pH of 7.5 was selected to dilute samples before the enz-PAD analysis.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ในการศึกษานี้ ความมุ่งมั่นของ creatinine ตามวิธีการที่เอนไซม์ ดังนั้น ค่า pH ของปฏิกิริยาการทดสอบมีผลต่อเอนไซม์และการพัฒนาความเข้มสี ในแพลตฟอร์มของเราฉลาดเท่าแผ่น ตัวอย่างปัสสาวะแทนปริมาณค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับรีเอเจนต์ที่ถูกชุบบนกระดาษ ดังนั้น แต่ละตัวอย่างปัสสาวะควรปรับค่า pH เหมาะสมเดียวกันก่อนทำการทดสอบถึง ค่า pH เฉลี่ยของตัวอย่างปัสสาวะเพื่อสุขภาพช่วงตั้งแต่ 6.5 ถึง 8.0 ในการทดลอง ความหลากหลายของบัฟเฟอร์ที่มี pH ตั้งแต่ 6.5-9.0 ถูกใช้ เพื่อเจือจางตัวอย่าง และ การตรวจสอบค่า pH ที่เหมาะสม ผลลัพธ์แสดงในรูปที่ 3 แสดงว่า ความเข้มของสีเพิ่มขึ้นเมื่อค่า pH ของตัวอย่างเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ค่า pH สูงกว่า 7.5 ตัวอย่างจึงไม่มีผลต่อเอนไซม์ เช่นสำหรับการใช้โพแทสเซียมฟอสเฟตบัฟเฟอร์ และ ดังนั้นจึง พบว่า ราบสูงความเข้มของสี อย่างชัดเจน หากค่า pH ของตัวอย่างสูงกว่า 7.8 ความเข้มของสีเป็นอย่างมากลดลง ดังนั้น ในการศึกษานี้ บัฟเฟอร์ฟอสเฟตโพแทสเซียม 100 mM กับค่า pH 7.5 เลือกเพื่อเจือจางตัวอย่างก่อนการวิเคราะห์แผ่นฉลาดเท่านั้น

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในการศึกษานี้มุ่งมั่นของ creatinine จะขึ้นอยู่กับวิธีการของเอนไซม์ ดังนั้นค่า pH ของปฏิกิริยาการทดสอบมีอิทธิพลต่อกิจกรรมของเอนไซม์และการพัฒนาความเข้มของสี ในแพลตฟอร์ม Enz-pad ของเราตัวอย่างปัสสาวะแทนปริมาณที่ค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับสารที่ถูกฉาบไว้บนกระดาษ ดังนั้นแต่ละตัวอย่างปัสสาวะควรจะปรับค่า pH ที่ดีที่สุดก่อนที่จะทดสอบเดียวกันจะดำเนินการ ค่า pH เฉลี่ยของตัวอย่างปัสสาวะที่ดีต่อสุขภาพในช่วง 6.5-8.0 ในการทดสอบความหลากหลายของบัฟเฟอร์ที่มีค่า pH ตั้งแต่ 6.5-9.0 ถูกใช้ในการเจือจางตัวอย่างและการตรวจสอบความเป็นกรดด่างที่เหมาะสม ผลแสดงให้เห็นในรูป 3 แสดงให้เห็นว่าความเข้มของสีเพิ่มขึ้นเมื่อค่า pH ของกลุ่มตัวอย่างที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามค่า pH ของตัวอย่างที่สูงกว่า 7.5 ไม่ได้มีผลต่อการทำงานของเอนไซม์เช่นสำหรับการใช้งานของบัฟเฟอร์โพแทสเซียมฟอสเฟตและดังนั้นที่ราบสูงความเข้มของสีเป็นที่สังเกต เห็นได้ชัดว่าถ้าค่า pH ของกลุ่มตัวอย่างสูงกว่า 7.8 ความเข้มของสีที่ถูกลดลงอย่างมาก ดังนั้นในการศึกษาครั้งนี้เป็น 100 มิลลิเมตรบัฟเฟอร์โพแทสเซียมฟอสเฟตที่มีค่า pH 7.5 ได้รับเลือกให้เจือจางตัวอย่างก่อนที่จะมีการวิเคราะห์ Enz-pad

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในการศึกษานี้ได้กำหนดหรือขึ้นอยู่กับเอนไซม์ . ดังนั้น การใช้อิทธิพล ของปฏิกิริยาเอนไซม์และสีเข้มของการพัฒนา ในเวทีพันธมิตรฯ ของเราเป็นต้น ตัวอย่างปัสสาวะ แสดงถึงปริมาณที่ค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับสารเคมีที่ชุบบนกระดาษ ดังนั้น แต่ละตัวอย่างปัสสาวะควรปรับ pH เพิ่มประสิทธิภาพเดียวกันก่อน ( คือ การ pH เฉลี่ยของตัวอย่างปัสสาวะเพื่อสุขภาพช่วงจาก 6.5 8.0 . ในการทดลองที่หลากหลายของบัฟเฟอร์ pH 9.0 ตั้งแต่ 6.5 ใช้เจือจางตัวอย่าง และหาที่เหมาะสม เมื่อผลลัพธ์ที่แสดงในรูปที่ 3 แสดงให้เห็นว่าสีความเข้มเพิ่มขึ้นเมื่อเพิ่มความเข้มข้นของตัวอย่างเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม , pH ของตัวอย่างสูงกว่า 7.5 ไม่มีผลต่อกิจกรรมของเอนไซม์ เช่น การใช้โพแทสเซียมฟอสเฟตบัฟเฟอร์ และ ดังนั้น สีเข้ม ที่ราบสูงคือสังเกต อย่างชัดเจน ถ้า pH ของตัวอย่างสูงกว่า 7.8 สีความเข้มอย่างมากลดลง ดังนั้นในการศึกษานี้ เป็น 100 mm โพแทสเซียมฟอสเฟตบัฟเฟอร์พีเอช 7.5 กับใช้เจือจางตัวอย่างก่อนเป็นต้นแผ่นการวิเคราะห์