Since the atomic bombings of Hirosh

Since the atomic bombings of Hiroshima and Nagasaki, nuclear weapons have been detonated on over two thousand occasions for the purposes of testing and demonstration. Only a few nations possess such weapons or are suspected of seeking them. The only countries known to have detonated nuclear weapons—and acknowledge possessing them—are (chronologically by date of first test) the United States, the Soviet Union (succeeded as a nuclear power by Russia), the United Kingdom, France, the People's Republic of China, India, Pakistan, and North Korea. Germany, Italy, Turkey, Belgium and the Netherlands are NATO nuclear weapons sharing states. Israel is also believed to possess nuclear weapons, though in a policy of deliberate ambiguity, it does not acknowledge having them.[4][5][6] One state, South Africa, fabricated nuclear weapons in the past, but as its apartheid regime was coming to an end, it disassembled its arsenal, acceded to the Nuclear Non-Proliferation Treaty, and accepted full-scope international safeguards.[7] Following the fall of the Soviet Union, the former Soviet republics of Belarus, Kazakhstan and Ukraine inherited nuclear weapons. They were all transferred to Russia. The Federation of American Scientists estimated there were more than 15,700 nuclear warheads worldwide as of 2015, with around 4,100 of them considered "operational" (ready for immediate use).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ตั้งแต่การทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ที่ฮิโรชิมาและนางาซากิ อาวุธนิวเคลียร์มีการระเบิดในโอกาสกว่าสองพันสำหรับวัตถุประสงค์ในการทดสอบและการสาธิต เพียงไม่กี่ชาติมีอาวุธดังกล่าว หรือสงสัยของพวกเขา เฉพาะประเทศที่มีระเบิดนิวเคลียร์อาวุธที่รู้จักกัน — และรับทราบมีพวกเขา — มี (ตามลำดับจากวันทดสอบครั้งแรก) ประเทศสหรัฐอเมริกา สหภาพโซเวียต (สำเร็จเป็นพลังงานนิวเคลียร์ โดยรัสเซีย), สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส ประชาชนสาธารณรัฐจีน อินเดีย ปากีสถาน และเกาหลีเหนือ เยอรมนี อิตาลี ตุรกี ประเทศเบลเยียม และเนเธอร์แลนด์ได้ร่วมรัฐอาวุธนิวเคลียร์ของนาโต อิสราเอลยังเชื่อว่าการครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ ว่าในนโยบายความคลุมเครือโดยเจตนา มันไม่ได้รับทราบโดย [4] [5] [6] รัฐหนึ่ง แอฟริกาใต้ ประดิษฐ์อาวุธนิวเคลียร์ในอดีต แต่ขณะกำลังจะสิ้นสุดของระบอบ apartheid ถอดชิ้นส่วนของอาร์เซนอล ภาคยานุวัติสารสนธิสัญญาไม่แพร่กระจายนิวเคลียร์ และป้องกันนานาชาติเต็มขอบเขตที่ยอมรับ [7] หลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต อดีตสาธารณรัฐโซเวียตเบลารุส คาซัคสถาน และยูเครนมาอาวุธนิวเคลียร์ จะถูกโอนย้ายทั้งหมดไปยังรัสเซีย สหพันธรัฐของนักวิทยาศาสตร์อเมริกันประมาณมีขีปนาวุธนิวเคลียร์กว่า 15,700 ทั่วโลกเดือน มีประมาณ 4,100 คนถือว่า "ปฏิบัติ" (พร้อมใช้ได้ทันที)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ตั้งแต่ระเบิดปรมาณูฮิโรชิมาและนางาซากิอาวุธนิวเคลียร์ได้รับการจุดชนวนในกว่าสองพันครั้งสำหรับวัตถุประสงค์ของการทดสอบและสาธิต มีเพียงไม่กี่ประเทศที่มีอาวุธดังกล่าวหรือเป็นที่สงสัยว่าพวกเขากำลังมองหาของ ประเทศเดียวที่รู้กันว่ามีระเบิดอาวุธและนิวเคลียร์รับทราบครอบครองพวกเขามีความ (ลำดับตามวันที่มีการทดสอบครั้งแรก) ประเทศสหรัฐอเมริกาสหภาพโซเวียต (ประสบความสำเร็จเป็นพลังงานนิวเคลียร์โดยรัสเซีย), สหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส, สาธารณรัฐประชาชน ของจีนอินเดียปากีสถานและเกาหลีเหนือ เยอรมนี, อิตาลี, ตุรกี, เบลเยียมและเนเธอร์แลนด์มีอาวุธนิวเคลียร์นาโตรัฐร่วมกัน อิสราเอลยังเชื่อว่าจะมีอาวุธนิวเคลียร์ แต่นโยบายความคลุมเครือโดยเจตนาก็ไม่ยอมรับการมีพวกเขา. [4] [5] [6] หนึ่งรัฐ, แอฟริกาใต้, ประดิษฐ์อาวุธนิวเคลียร์ในอดีตที่ผ่านมา แต่ในขณะที่การแบ่งแยกสีผิวของมัน ระบอบการปกครองที่กำลังจะมาถึงจุดสิ้นสุดก็ถอดชิ้นส่วนคลังแสงของภาคยานุวัตินิวเคลียร์ไม่แพร่ขยายอาวุธสนธิสัญญาและได้รับการยอมรับการป้องกันระหว่างประเทศเต็มขอบเขต. [7] หลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียตอดีตโซเวียตเบลารุสคาซัคสถานและยูเครน ได้รับการถ่ายทอดอาวุธนิวเคลียร์ พวกเขาถูกถ่ายโอนไปยังรัสเซีย สภานักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกันประมาณมีมากกว่า 15,700 ขีปนาวุธนิวเคลียร์ทั่วโลกในฐานะของปี 2015 ที่มีประมาณ 4,100 คนก็ถือว่าเป็น "การดำเนินงาน" (พร้อมสำหรับการใช้งานได้ทันที)