Elder abuse is prevalent in older a

Elder abuse is prevalent in older adults across five continents, especially minority older adults. Because different research methodologies are used in the literature, a variety of risk factors have been found to be associated with elder abuse. Among the risk factors, cognitive and physical impairment and psychosocial distress seem to be consistently associated with elder abuse. Elder abuse may lead to deleterious health outcomes and increase healthcare use.
There are various limitations in the field of elder abuse that add to the challenges of synthesizing data in this systematic review. One particular limitation is that no consistent elder abuse instrument has been used to measure elder abuse, making it difficult to compare the prevalence and understand the risk factors between studies. Despite using the same instrument, the cutoff for definite elder abuse varies greatly across studies. Many studies have used an “any positive item” approach, whereas others have more systematically considered the heterogeneity of the definitions and have been stricter in the categorization of elder abuse cases. In addition, some studies have used an extensive version of the screening instrument, whereas others chose a shorter version that may contain only one question. Recently, to address the question of inconsistencies in elder abuse instruments, operational definitions of different strictness have been used to examine elder abuse in the same population cohort, and the prevalence of elder abuse and its subtypes varied greatly in the same population through using different measurements.[33] The present study provided important empirical evidence of the effect of different instruments on the prevalence, but future studies should expand efforts to develop a more-consistent instrument and cutoff score. Another limitation is that most of the existing studies do not provide reliability and validity information for the instrument. Lack of consistency and precision in the assessment of elder abuse may prevent clear understanding of the accurate prevalence and risk and protective factors and impede the development of prevention and intervention programs.
In addition, the number and quality of studies varied greatly according to region and cultural group. The majority of studies of elder abuse were conducted in North America, Europe, and Asia, with only two studies identified in Africa. Almost all studies in North America were conducted in the United States. A lack of representative studies in certain regions, including Africa, Canada, Australia, and South America, has impeded the comparison and understanding of prevalence of elder abuse across continents, and the number of studies in U.S. minority populations such as Asian American and Hispanic older adults is not enough to perform a rigorous analysis of the differences in elder abuse between cultural groups.
In terms of the analysis of risk factors of elder abuse, existing studies have primarily focused on victim characteristics, but perpetrator characteristics such as caregiver burden, mental health, substance abuse, and premorbid relationship may also affect the occurrence of elder abuse. Moreover, the majority of studies of risk factors of elder abuse have used a cross-sectional design, which further hampers the ability to determine the causal relationship between vulnerability risk factors and elder abuse.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การละเมิดสูงอายุเป็นที่แพร่หลายในผู้สูงอายุในห้าทวีปโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สูงอายุที่เป็นชนกลุ่มน้อย เพราะวิธีการวิจัยที่แตกต่างกันมีการใช้ในวรรณคดี, ความหลากหลายของปัจจัยเสี่ยงที่ได้รับพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการละเมิดสูงอายุ ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยง, ความบกพร่องทางสติปัญญาและทางกายภาพและความทุกข์ทางจิตสังคมที่ดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องกับการละเมิดสูงอายุ การละเมิดสูงอายุอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ทางสุขภาพที่อันตรายและเพิ่มการใช้งานด้านการดูแลสุขภาพ.
มีข้อ จำกัด ต่างๆในสาขาของการละเมิดผู้สูงอายุที่เพิ่มความท้าทายของการสังเคราะห์ข้อมูลในระบบตรวจสอบนี้ ข้อ จำกัด หนึ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือว่าไม่มีเครื่องมือที่สอดคล้องกันการละเมิดสูงอายุได้รับการใช้ในการวัดการละเมิดสูงอายุทำให้มันยากที่จะเปรียบเทียบความชุกและเข้าใจปัจจัยเสี่ยงระหว่างการศึกษา แม้จะมีการใช้เครื่องมือเดียวกันทางลัดสำหรับการละเมิดสูงอายุที่ชัดเจนแตกต่างกันมากทั่วศึกษา การศึกษาหลายแห่งได้ใช้ "รายการบวกใด ๆ วิธีการ" ในขณะที่คนอื่น ๆ ได้รับการพิจารณาเป็นระบบมากขึ้นความแตกต่างของคำจำกัดความและได้รับการเข้มงวดในการจัดหมวดหมู่ของคดีลวนลามพี่ นอกจากนี้การศึกษาบางส่วนได้ใช้รุ่นที่กว้างขวางของเครื่องมือการตรวจคัดกรองในขณะที่คนอื่น ๆ เลือกรุ่นสั้นที่อาจจะมีเพียงหนึ่งคำถาม เมื่อเร็ว ๆ นี้เพื่อรับมือกับคำถามของความไม่สอดคล้องกันในตราสารละเมิดสูงอายุนิยามการดำเนินงานของความเข้มงวดแตกต่างกันได้ถูกนำมาใช้ในการตรวจสอบการละเมิดสูงอายุในประชากรหมู่เดียวกันและความชุกของการละเมิดสูงอายุและชนิดย่อยของมันแตกต่างกันอย่างมากในประชากรกลุ่มเดียวกันโดยใช้การวัดที่แตกต่างกัน . [33] การศึกษาครั้งนี้มีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่สำคัญของผลกระทบของการใช้เครื่องมือที่แตกต่างกันเกี่ยวกับความชุก แต่การศึกษาในอนาคตควรขยายความพยายามในการพัฒนาเครื่องมือและตัดคะแนนมากขึ้นสอดคล้อง ข้อ จำกัด ก็คือว่าส่วนใหญ่ของการศึกษาที่มีอยู่ไม่ได้ให้ความน่าเชื่อถือและความถูกต้องของข้อมูลที่ใช้ในการ ขาดความมั่นคงและความแม่นยำในการประเมินผลของการละเมิดผู้สูงอายุอาจป้องกันไม่เข้าใจที่ชัดเจนของความชุกที่ถูกต้องและมีความเสี่ยงและปัจจัยป้องกันและขัดขวางการพัฒนาของโปรแกรมการป้องกันและการแทรกแซง.
นอกจากนี้ยังมีจำนวนและคุณภาพของการศึกษาที่แตกต่างกันอย่างมากตามภูมิภาคและวัฒนธรรม กลุ่ม. ส่วนใหญ่ของการศึกษาของการละเมิดสูงอายุได้ดำเนินการในทวีปอเมริกาเหนือ, ยุโรปและเอเชียมีเพียงสองการศึกษาระบุในทวีปแอฟริกา เกือบทั้งหมดการศึกษาในทวีปอเมริกาเหนือได้ดำเนินการในประเทศสหรัฐอเมริกา การขาดการศึกษาที่เป็นตัวแทนในบางภูมิภาครวมทั้งแอฟริกา, แคนาดา, ออสเตรเลียและอเมริกาใต้ได้ขัดขวางการเปรียบเทียบและความเข้าใจของความชุกของการละเมิดสูงอายุข้ามทวีปและจำนวนของการศึกษาในประชากรชนกลุ่มน้อยของสหรัฐเช่นเอเชียนอเมริกันและสเปนที่มีอายุมากกว่า ผู้ใหญ่ไม่เพียงพอที่จะดำเนินการวิเคราะห์ที่เข้มงวดของความแตกต่างในการละเมิดสูงอายุระหว่างกลุ่มวัฒนธรรม.
ในแง่ของการวิเคราะห์ปัจจัยที่มีความเสี่ยงของการละเมิดสูงอายุการศึกษาที่มีอยู่ได้เน้นหลักในลักษณะเหยื่อ แต่ลักษณะการกระทำผิดดังกล่าวเป็นภาระของผู้ดูแลสุขภาพจิต สารเสพติดและความสัมพันธ์ premorbid อาจมีผลต่อการเกิดขึ้นของการละเมิดผู้สูงอายุ นอกจากนี้ส่วนใหญ่ของการศึกษาปัจจัยเสี่ยงของการละเมิดผู้สูงอายุได้ใช้การออกแบบตัดขวางซึ่งต่อไป hampers ความสามารถในการตรวจสอบความสัมพันธ์เชิงสาเหตุระหว่างปัจจัยความเสี่ยงความเสี่ยงและการละเมิดสูงอายุ