at odds with the culture of schooli

at odds with the culture of schooling in most classrooms. In five essential respects.
Number one. Culture of innovation is all about collaboration. Teamwork. Accountable teamwork.
All of these teachers built accountable teamwork into almost all of their assignments. Valued
teamwork as much as individual achievement. Number two, the culture of learning to become
an innovator is all about problem based learning using multiple disciplines. It's right here.
Judy Gilbert director of talent here at Google said to me: "If there's one thing academics
must understand is that problems can neither be identified, let alone solved, within the
bright lines of individual academic disciplines." The culture of schooling is all about becoming
a specialist. That's what we incent. That's what we reward. First we divide and conquer
the high school universe. With curriculum. Carnegie units. Which have not changed in
125 years. Then when we go to college we're supposed to have a major. Oh and we want to
teach in college. We wanna have a, uh, doctorate. When I did my doctorate at Harvard, I was
told my first year that my dissertation would be a conversation between myself and one or
two other people in the world. Conversation with two people. For four years? I don't think
so.
[audience chuckles]
I chose a different path. Got through Harvard but by other means.
Number three. The world of innovation, learning to become an innovator is learning how to
make mistakes, reflect on them, and learn from them. Iterate. I was down here at IDO,
talked to folks there. They said "Our motto is 'Fail early and fail often.' There is no
innovation without trial and error."
A student at Olin said "You know, we don't even talk about failure here. We talk about
iteration." Very different world. The D School at Stanford they're sitting around the table
talking. "Actually, you know we were thinking, F is the new A."
[laughter]
Try that out on your parents.
[laughter]
Number four. The culture of learning to become an innovator is an active process. Where students
are creators. Where students are producing real products for real audiences. Solving
real problems. So often the culture of schooling is the absolute antithesis. It's about consuming,
not creating. Sit and "git". In fact, I wonder if that's where we learn to be such good little
consumers. We start out, that's how we get schooled 12, 16 years.
Number five and most important, I think. I discovered that every single one of these
young innovators whom I profiled from both advantaged and disadvantaged backgrounds was
intrinsically motivated. And then when I looked at what their parents and their teachers had
done they too were very focused on intrinsic motivation. Radically at odds with the culture
of schooling which is all about carrots and sticks. As and Fs and pizza on Fridays if
you get good test scores. So what do these parents do? What do these teachers do? There
was a pattern of play, to passion, to purpose. Parents encouraging much more exploratory,
discovery based play. Simple toys. Sand, blocks, clay, water, paint. Lego toys as they got
older. Toys without batteries. They limited screen time. They actively encouraged their
kids to find and pursue a passion. They gave them a rich buffet of things to try out. Making
sure though, that they didn't over schedule their kid's times. So the kids still had time
for more discovery based play. But they encouraged them to try instruments or Scouts or sports
or whatever. Not insisting that they put in 10,000 hours to become absolutely excellent
at it. But that they really give it a try and see if it's something they were interested
in. These parents as well as the teachers believed it was more important that these
kids find an pursue a passion than they simply achieve academically for its own sake.
Teachers building time into every single unit of study where students could investigate,
explore, create, invent, ask a question. And you know, the 20 percent time here at Google
comes immediately to mind, 'cause I think the best teachers build 20 percent time into

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

at odds with วัฒนธรรมศึกษาในห้องเรียนมากที่สุด ในห้าสำคัญประการ
หนึ่ง วัฒนธรรมของนวัตกรรมคือการทำงานร่วมกัน ทำงานเป็นทีม รับผิดชอบทำงานเป็นทีม
ครูเหล่านี้ทั้งหมดสร้างทีมรับผิดชอบในการกำหนดเกือบทั้งหมด บริษัท
ทีมความสำเร็จแต่ละตัวเท่านั้น หมายเลข 2 วัฒนธรรมการเรียนรู้เป็น
เป็นผู้ริเริ่มการเป็นเกี่ยวกับปัญหาการเรียนใช้หลายสาขา ขวานี่ได้
Judy Gilbert กรรมการพรสวรรค์นี่ที่ Google ว่า ฉัน: "ถ้ามีนักวิชาการสิ่งหนึ่ง
ต้องเข้าใจเป็นว่า ปัญหาสามารถไม่ได้ระบุ นับ ประสา แก้ไข ภายใน
เส้นสว่างของแต่ละสาขาวิชาที่ศึกษา" วัฒนธรรมของการศึกษาคือการเป็น
ผู้เชี่ยวชาญ นั่นคือสิ่งที่เรา incent นั่นคือสิ่งที่เราตอบ ครั้งแรกเราแบ่ง และพิชิต
จักรวาลมัธยม มีหลักสูตรการ ห้องคาร์เนกี ซึ่งไม่มีการเปลี่ยนแปลงใน
125 ปี แล้วเมื่อเราไปที่วิทยาลัย เราไม่ควรจะมีหลักการ โอ้ เราต้อง
สอนในวิทยาลัย เราต้องการ บริการ เอก เมื่อฉันได้ฉันเอกที่ฮาร์วาร์ด ได้
บอกปีแรกวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกของฉันจะเป็นการสนทนาระหว่างตนเองและหนึ่ง หรือ
สองคนอื่น ๆ ในโลก พูดคุยกับคนสองคน ปี 4 ไม่คิด
ดังนั้น
[ชม chuckles]
ผมเลือกเส้นทางอื่น ได้ ผ่านฮาร์วาร์ด แต่ ด้วยวิธีอื่น ๆ .
หมายเลข 3 เรียนรู้การเป็น ผู้ริเริ่มการจะเรียนรู้โลกของนวัตกรรม วิธีการ
ผิด สะท้อนได้ และเรียนรู้จากพวกเขา ทำซ้ำ ผมลงที่นี่ที่รับการ IDO,
พูดคุยกับคนมีการ พวกเขากล่าวว่า "คำขวัญของเราคือ 'ล้มก่อน และมักจะล้มเหลว' มีไม่
นวัตกรรมโดยไม่ต้องลองผิดลองถูก "
เรียนที่ Olin กล่าวว่า "คุณรู้ แม้เราไม่พูดถึงความล้มเหลวที่นี่ เราพูดถึง
เกิดซ้ำ " โลกแตกต่างกันมาก โรงเรียนสแตนฟอร์ดที่นั่งรอบตัว D
พูด "จริง คุณรู้ว่า เราได้คิด F เป็นอ.ใหม่"
[หัวเราะ]
ลองที่ในครอบครัวของคุณ
[หัวเราะ]
หมายเลข 4 วัฒนธรรมการเรียนรู้เป็น ผู้ริเริ่มการเป็นกระบวนการใช้งาน ที่นักเรียน
เป็นผู้สร้างขึ้น ซึ่งนักเรียนจะผลิตผลิตภัณฑ์จริงสำหรับผู้ชมที่แท้จริง แก้
ปัญหาที่แท้จริง บ่อยวัฒนธรรมศึกษาคือ แอนติเธซิสแน่นอน เกี่ยวกับการใช้งาน,
สร้างไม่ นั่งและ "git" ในความเป็นจริง ไม่ทราบที่ว่าที่เราเรียนรู้ได้ดีเช่นน้อย
ผู้บริโภค เราเริ่มต้น คือว่าเราได้ schooled 12, 16 ปี
หมายเลข 5 และสำคัญที่สุด คิด พบที่ทุกคนเดียวนี้
innovators หนุ่มที่ฉัน profiled จากพื้นหลังพิจารณาเป็นพิเศษ และผู้ด้อยโอกาสถูก
แรงจูงใจทำ แล้ว เมื่อผมมองว่าพ่อแม่และครูของพวกเขามี
ทำเกินไปพวกเขามากเน้นแรงจูงใจ intrinsic ก็ at odds with วัฒนธรรม
ของประถมซึ่งเกี่ยวกับแครอทและแท่ง เป็น และ Fs และพิซซ่าในวันศุกร์ถ้า
คุณได้รับคะแนนสอบดีขึ้น ดังนั้น ผู้ปกครองเหล่านี้ทำอะไร ครูเหล่านี้ทำอะไร มี
มีรูปแบบการเล่น การเกิด วัตถุประสงค์การ ผู้ปกครองส่งเสริมเชิงบุกเบิกมาก,
ค้นพบตามเล่นงาน เล่นง่าย ทราย บล็อก ดิน น้ำ สี เลโก้ของเล่นพวกเขามี
เก่า ของเล่นไม่ มีแบตเตอรี่ พวกเขาจำกัดเวลาหน้าจอ พวกเขาสนับสนุนให้อย่างแข็งขันของ
เด็กเพื่อค้นหา และติดตามความรัก พวกเขาให้พวกเขาบุฟเฟ่ต์หลากหลายสิ่งที่ต้องลอง ทำ
แน่แม้ว่า ว่า ไม่กว่าเวลาเด็กของพวกเขาในครั้งนั้น เพื่อเด็กยังมีเวลา
สำหรับการค้นพบเพิ่มเติมตามเล่นงาน แต่พวกเขาสนับสนุนให้เขาพยายามใช้เครื่องมือ หรือลูกเสือ หรือกีฬา
หรือสิ่ง ไม่ insisting ที่ พวกเขาใส่ในชั่วโมง 10000 เป็นอย่างดี
ที่ แต่ ที่พวกเขาจริง ๆ ให้มันลองดูว่า มันเป็นสิ่งที่ พวกเขาสนใจ
ในการ ผู้ปกครองเหล่านี้เป็นครูเชื่อว่า มันเป็นสิ่งที่สำคัญที่นี้
เด็กค้นหา pursue เป็นความรักมากกว่าพวกเขาเพียงแค่บรรลุเดิมสำหรับสาเกตน.
อาคารเวลาในหน่วยเดียวทุกวิชาที่นักศึกษาสามารถตรวจสอบ ครู
สำรวจ สร้าง สร้าง ถามคำถาม และคุณทราบ 20 เปอร์เซ็นต์เวลาที่นี่ที่ Google
นึกถึงทันที 'cause ผมคิดว่า ครูสุดสร้างเวลา 20 เปอร์เซ็นต์เป็น

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ที่ขัดแย้งกับวัฒนธรรมของตนในห้องเรียนมากที่สุด ในห้าที่สำคัญประการ .
1 วัฒนธรรมของนวัตกรรมคือทั้งหมดเกี่ยวกับความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม ทีมงานที่รับผิดชอบ
ครูทุกคนเหล่านี้สร้างการทำงานเป็นทีมรับผิดชอบในเกือบทั้งหมดของงานของพวกเขา มูลค่า
ทีมเท่าที่ทางการเรียนของแต่ละบุคคล ข้อสอง วัฒนธรรมของการเรียนรู้ที่จะกลายเป็น
การริเริ่มคือทั้งหมดที่เกี่ยวกับการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นหลักที่ใช้ในหลายสาขา . มันอยู่ตรงนี้ จูดี้ กิลเบิร์ต ผอ. ของที่นี่
ความสามารถพิเศษที่ Google บอกว่า : " หากมีสิ่งหนึ่งที่นักวิชาการ
ต้องเข้าใจว่าปัญหาจะไม่ได้ระบุให้คนเดียวแก้ไขภายใน
สายสดใสของสาขาวิชาที่แต่ละ " วัฒนธรรมของโรงเรียนคือทั้งหมดที่เกี่ยวกับการเป็น
ผู้เชี่ยวชาญนั่นคือสิ่งที่เรานเซนท์ . นั่นคือสิ่งที่เราตอบแทน ครั้งแรกที่เราแบ่งและพิชิต
โรงเรียนจักรวาล กับหลักสูตร คาร์เนกีหน่วย ซึ่งยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใน
125 ปี ตอนเราเรียนเราก็ต้องมีหลัก โอ้ และเราต้องการ
สอนในวิทยาลัย เราอยากจะ เอ่อ เอก เมื่อผมทำปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ผม
บอกปีแรกที่วิทยานิพนธ์ของฉันจะเป็นบทสนทนาระหว่างตัวเองและหนึ่งหรือ
สองคนในโลก การสนทนากับคน 2 คน สำหรับสี่ปี ผมไม่คิดว่า
.
[ ]
ผู้ชม . . . . . ผมเลือกเส้นทางที่แตกต่างกัน . ได้ผ่านฮาร์วาร์ด แต่โดยวิธีการอื่น ๆ .
3 โลกของนวัตกรรมการเรียนรู้ที่จะกลายเป็น innovator คือการเรียนรู้วิธีการ
ผิดพลาด สะท้อนให้เห็นในพวกเขาและเรียนรู้จากพวกเขา กล่าวซ้ำ ผมลงที่นี่ที่ดู
คุยกับ , folks มี พวกเขากล่าวว่า " คำขวัญของเราคือ ' ล้มเหลวในช่วงต้นและล้มเหลวมักจะ ' ไม่มี
นวัตกรรมโดยการทดลองและข้อผิดพลาด "
นักเรียนโอลินบอกว่า " คุณรู้มั้ย เราไม่พูดเรื่องวายนี่ เราพูดคุยเกี่ยวกับ
ซ้ำ " โลกที่แตกต่างกันมาก อโรงเรียนที่ Stanford พวกเขากำลังนั่งอยู่รอบโต๊ะ
พูด " จริงๆ แล้วคุณก็รู้ว่าเราคิดอะไรอยู่ F คือใหม่ A "
[ เสียงหัวเราะ ]
ลองเอาพ่อแม่
[ เสียงหัวเราะ ]
หมายเลข 4 วัฒนธรรมของการเรียนรู้ที่จะกลายเป็น innovator คือ กระบวนการที่ใช้งานอยู่ ซึ่งนักศึกษา
เป็นผู้สร้าง ที่นักเรียนได้ผลิตผลิตภัณฑ์จริงสำหรับผู้ชมจริงๆ แก้
ปัญหาที่แท้จริง วัฒนธรรมของตน จึงมักจะเป็นตรงกันข้ามที่แน่นอน มันเกี่ยวกับการบริโภค
ไม่สร้างนั่ง และ " ไป " ในความเป็นจริง , ฉันสงสัยว่าถ้าเราเรียนรู้ที่จะเป็นเช่นผู้บริโภคน้อย
ดี เราเริ่มออก นั่นเป็นวิธีที่เราได้รับเต็มๆ 12 , 16 ปี
เบอร์ 5 และที่สำคัญที่สุดที่ฉันคิด ผมค้นพบว่า ทุกๆ หนึ่งของเหล่านี้ที่ผมวิเคราะห์
หนุ่มนักประดิษฐ์จากทั้งสองมีภูมิหลังเป็นแรงจูงใจภายใน และด้อยโอกาส
.และเมื่อฉันมองไปที่สิ่งที่ผู้ปกครอง และครูของพวกเขาแล้วพวกเขาก็ถูกมาก
เน้นแรงจูงใจภายใน อย่างรุนแรงที่ขัดแย้งกับวัฒนธรรม
ของตนซึ่งมีทั้งหมดเกี่ยวกับแครอทและ sticks . เป็นและ FS และพิซซ่าในวันศุกร์ถ้า
คุณได้รับผลการเรียนดี ดังนั้น อะไรที่พ่อแม่เหล่านี้ ? อะไรที่ครูเหล่านี้บ้าง มี
เป็นรูปแบบการเล่น เพื่อความรัก เพื่อวัตถุประสงค์พ่อแม่ให้มาก สำรวจเพิ่มเติม เล่นตามที่
ค้นพบ ของเล่นง่ายๆ ทราย , บล็อก , ดิน , น้ำ , สี เลโก้ของเล่นเหล่านั้นได้
รุ่นเก่า ของเล่นไม่ต้องใช้แบตเตอรี่ เขาจำกัดเวลาหน้าจอ พวกเขากระตือรือร้นสนับสนุนเด็กของพวกเขา
หาไล่ตามความรัก เขาให้ อาหารบุฟเฟ่ต์ สิ่งที่ต้องลอง ทำให้
ว่าแต่ที่พวกเขาไม่เกินตารางเวลาของเด็กครั้งเพื่อให้เด็กมีเวลา
เล่นตามการค้นพบเพิ่มเติม แต่พวกเขาสนับสนุนให้พวกเขาลอง เครื่องมือหรือลูกเสือหรือกีฬา
หรืออะไรก็ตาม ไม่ยืนยันว่าพวกเขาวางใน 10 , 000 ชั่วโมง กลายเป็นที่ยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน
ที่ แต่พวกเขาจริงๆให้มันลองและดูว่ามันเป็นสิ่งที่พวกเขาสนใจ
. เหล่านี้ผู้ปกครองรวมทั้งครูเชื่อว่ามันสำคัญเหล่านี้
เด็กหาไล่ตามความชอบมากกว่าพวกเขาก็บรรลุทางวิชาการเพื่อประโยชน์ของตัวเอง .
ครูอาคารเวลาเข้าทุกหน่วยการเรียนรู้ที่นักเรียนสามารถศึกษา
, สำรวจ , สร้าง , ประดิษฐ์ , ถามคำถาม และคุณก็รู้ ร้อยละ 20 เวลาที่ Google
มาทันทีในใจ เพราะฉันคิดว่า ครูที่ดีที่สุดสร้างเวลา 20 เปอร์เซ็นต์ใน