ข้าพเจ้าเติบโตมาจากการเป็น Creative Motion Graphic Designer ซึ่งงานส่วนมากของข้าพเจ้า ทำเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าเพียงอย่างเดียว ทั้งที่ๆ ข้าพเจ้ามีความคิดที่สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆอยู่เต็มหัว ข้าพเจ้าก็ไม่สามารถดึงมันออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ บางครั้งที่ข้าพเจ้าดึงมันออกมาใช้ สุดท้ายมันก็จะกลายเป็นงานที่ข้าพเจ้าไม่ชอบใจนักเพราะว่าความเป็นตัวของตัว เองถูกดึงไปเป็นส่วนมาก บางงานแทบไม่มีความหมายของคำว่า สุนทรียภาพ เลย และเมื่อข้าพเจ้าโต้แย้งไป มักจะโดนคนตั้งคำถามว่า ลูกค้าคือใคร ? พระเจ้าหรือเปล่า? ซึ่งข้าพเจ้าเบื่อกับคำถามนี้ ข้าพเจ้าจึงเริ่มถอยห่างออกมาจากวงการ Commercial และถามตัวเองว่าศิลปะนี้คืออะไร ? ถ้าข้าพเจ้าทำในรูปแบบนี้ต่อไป ข้าพเจ้าก็คงเป็นแค่คนที่คิดแต่ในกรอบและทำแค่ตามคำสั่งไม่ต่างจากกรรมกรที่ สามารถทำงานศิลปะได้ สิ่งๆ นั้นจะกลืนความเป็นตัวตนของข้าพเจ้าไปทีละนิด ซึ่งข้าพเจ้าไม่ต้องการที่จะเป็นแบบนั้น ข้าพเจ้าจึงเริ่มทำงานเพื่อตอบสนองความต้องการของตนเอง และศึกษาตนเองไปควบคู่กันว่าตนเองเป็นแบบใด ? จิตใต้สำนึกเป็นอย่างไร ? และต้องการอะไร ? ซึ่งบางครั้งงานศิลปะ ของข้าพเจ้า มักจะออกมาจากจิตใจสำนึกโดยบังเอิญ มาจนถึงบัดนี้ข้าพเจ้าก็ยังทำงานอยู่กับการศึกษาตัวตน การรับรู้ และการนำสิ่งรอบตัวมาประยุกต์ใช้ ข้าพเจ้ายังมีแนวคิดที่ว่า ถ้าข้าพเจ้ายังไม่รู้จักตัวเองดีพอ จะรู้จักโลก รู้จักผู้อื่นได้อย่างไร เมื่อใดที่รู้จักตัวเองดี รู้จักโลก รู้จักผู้อื่น เมื่อนั้นคงจะมีสิ่งที่ข้าพเจ้าทำเพื่อสร้างสรรค์โลกใบนี้ไม่มากก็น้อย.